แลนดี้ โฮม ตอกย้ำผู้นำศูนย์รับสร้างบ้านอันดับ 1 เผย ผลประกอบการปี 2565 กวาดยอดขายรวม 2,600 ล้านบาท เดินหน้าลุยยอดขายปี 2566 ตั้งเป้าคว้า 2,750 ล้านบาท งัดกลยุทธ์บุกตลาดรับสร้างบ้านภาคอีสาน และภาคตะวันออกเพิ่มมากขึ้น พร้อมรีแบรนด์บริษัทลูก เทรนดี้ โฮม ปรับโฉมครั้งใหญ่ ให้ชิคแอนด์มินิมอล เจาะตลาดคนเจนใหม่ที่อยากสร้างบ้านหลังแรก เน้นช่องทางการสื่อสารออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจสร้างบ้านพร้อมจัดแคมเปญและโปรโมชั่นอัดแน่นตลอดปี
นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า แม้ปีที่ผ่านมาธุรกิจรับสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการปรับราคาวัสดุก่อสร้าง ที่สูงขึ้น 5-10% รวมทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เปราะบาง และผันผวนแต่ แลนดี้ โฮม สามารถเจาะ และขยายยอดขายในเซกเมนต์ตลาดบ้านหรูจนสร้างยอดโตสวนกระแส ประกอบกับการจัดแคมเปญเร่งการตัดสินใจจองสร้างบ้านในไตรมาสที่ 3 และ 4 อย่างเต็มที่ และการพัฒนาแบบบ้านตามเทรนด์ใหม่ๆ ให้ตรงใจลูกค้ามากที่สุดส่งผลให้ผลประกอบการปี 2565 เติบโตกว่า 5% คิดเป็นมูลค่ายอดขายกว่า 2,600 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยแบ่งสัดส่วนแบรนด์บ้านตามมูลค่าการปลูกสร้าง ดังนี้ บ้านหรูขนาดใหญ่แบรนด์ แลนดี้ แกรนด์ ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป สัดส่วน 37%,บ้านขนาดกลางแบรนด์ แลนดี้ โฮม ราคา 8- 20 ล้านบาท สัดส่วน 37% และบ้านหลังเล็กแบรนด์ เทรนดี้ โฮม ราคา 2-8 ล้านบาท สัดส่วน 26%
สำหรับปี 2566 แลนดี้ โฮมตั้งเป้ายอดขาย 2,750 ล้านบาท โดยเน้นหนักขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มตลาดรับสร้างบ้านในภูมิภาคทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน เนื่องจากมองเห็นดีมานด์และศักยภาพของลูกค้าตลาดบ้านขนาดกลาง และบ้านหรูรวมทั้งโอกาสทางการตลาดที่ยังขยายตัวได้อีกมากโดย แลนดี้ โฮม เริ่มเร่งทำการตลาดทั้ง On Ground ณ สาขาของ แลนดี้ โฮม ในจังหวัดต่างๆ และ Online ผ่านทุกแพลตฟอร์มเพิ่มมากกว่าปีที่ผ่านมารวมทั้งมีการจัดแคมเปญต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเร่งการตัดสินใจของลูกค้า ในขณะเดียวกันก็ได้เตรียมความพร้อมของทุกแผนกให้สามารถดูแล และตอบโจทย์ทุกความต้องการขอลูกค้าที่แตกต่างกันตามพื้นที่จังหวัดต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยคาดการณ์ว่าจะสร้างยอดการเติบโตขึ้นอีก 5% จากการขยายตลาดส่วนนี้
อีกมูฟเม้นท์ที่เป็นกลยุทธ์สำคัญในปีนี้ คือ การปรับโฉมรีแบรนด์ครั้งยิ่งใหญ่ของน้องเล็ก แบรนด์ เทรนดี้ โฮม ในคอนเซปท์ “สร้างบ้านสุดชิค ดีไซน์ดี...ราคาโดน” ตามเทรนด์ฮิตในแนวมินิมอล เรียบง่าย และทันสมัยมากขึ้น ตามความนิยมของกลุ่มคนเจนเนอเรชั่นใหม่ๆ ที่ยังมีงบประมาณไม่มากแต่ต้องการขยายครอบครัว และสร้างบ้านในฝันหลังแรกให้ตรงกับทุกความต้องการ ทั้งปรับ Brand image, Brand Communication เพื่อสื่อสารกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ตรงใจมากขึ้น พร้อมเตรียมออกคอลเลกชั่นใหม่ ซึ่งจะเปิดตัวในเดือนมีนาคม ในสไตล์ Modern Japanese, Modern Farmhouse และ Minimal Classic จัดเต็มฟังก์ชันพิเศษนวัตกรรมไฮเทคตามไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ โดยเราอยากให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้บ้านสวย อวดได้ ไม่น้อยหน้าใคร ในราคาที่คุ้มค่า และภูมิใจที่ได้สร้างบ้านกับ เทรนดี้ โฮม
ทั้งนี้คาดว่าในครึ่งปีแรกจะสามารถปิดยอดขายที่ 1,300 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อสร้าง Brand Royalty ในลูกค้าเดิมให้แนะนำและบอกต่อ พร้อมๆ กับมุ่งขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ควบคู่การออกแคมเปญโดนใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายโตสวนกระแส และเดินเกมส์เร็วนำหน้าคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง
ในด้านนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย แลนดี้ โฮม ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้มาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการมุ่งเน้นเทคโนโลยี Green Living ตามไดเร็คชั่นของบริษัท เช่น บ้านที่สร้างกับทาง แลนดี้ โฮม ลูกค้าสามารถเลือกซื้อ options เสริม เช่น ติดตั้งระบบไฟรองรับ EV Chargers, ติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคา (Solar Roof) เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้า, ระบบสมาร์ทโฮม (Smart Home System) เพื่อนวัตกรรมอัจฉริยะที่อำนวยความสะดวก และเพื่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย
รวมทั้งนวัตกรรมเติมอากาศบริสุทธิ์เข้ามาในตัวบ้าน CAP+ ที่ควบคุมคุณภาพ และสร้างสมดุลอากาศภายในตัวบ้าน ช่วยให้การนอนหลับมีคุณภาพ บ้านไม่เหม็นอับ,ลดภูมิแพ้ และที่สำคัญช่วยป้องกัน PM 2.5 เพราะปัจจุบันคนให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศ และเล็งเห็นว่า CAP+ เป็นนวัตกรรมที่คุ้มค่าสำหรับลูกค้า เพราะเป็นนวัตกรรมที่ทางแลนดี้ โฮมได้ลงทุนในเรื่องการวิจัยและพัฒนา โดยส่วนมากนวัตกรรมนี้จะติดตั้งให้เฉพาะกลุ่มโครงการบ้านหรู หรือบ้านที่ราคาต่อตารางเมตรสูงๆ เท่านั้น แต่ที่ แลนดี้ โฮมติดตั้งให้ลูกค้าทุกหลังที่สร้างบ้านกับเรา เนื่องจากแลนดี้ โฮมคำนึงถึงคุณภาพการอยู่อาศัยของลูกค้าต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง อีกทั้งลูกค้าต้องได้รับความคุ้มค่าและประโยชน์สูงสุด ซึ่งทำให้เราได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และสร้างยอดขายเพิ่มให้บริษัทเป็นอย่างมากในปี 65
นายพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า ในปีนี้ทางแลนดี้ โฮม ได้ก่อตั้ง Precast Solution Center ภายใต้ชื่อ บริษัท NOVA Modular เพื่อวิจัยและพัฒนาเสา และคานสำเร็จรูป ซึ่งทางแลนดี้ โฮมได้มองเห็นโอกาสทางการตลาดในธุรกิจใหม่ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ เช่น โครงการบ้านจัดสรร, บริษัทรับสร้างบ้านขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ช่วยให้ก่อสร้างได้รวดเร็วมากขึ้น และลดปัญหาด้านการขาดแคลนคนงานและตั้งเป้าเป็นองค์กรวิจัยและพัฒนา นวัตกรรม รวบรวมองค์ความรู้ด้าน Precast เพื่อต่อยอดสู่ Precast แห่งอนาคต และยังมองหาพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ไปด้วยกัน
นอกจากนี้บริษัทได้นำความต้องการอินไซต์ของลูกค้าที่ต้องการหาผู้รับเหมามาดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น กับบ้านหลังจากหมดประกัน ซึ่งเกิดจากความเสื่อมตามอายุการใช้งาน จึงเกิดเป็นบริการ Landy Care เฉพาะลูกค้าที่สร้างบ้านกับทางแลนดี้ โฮมเท่านั้น ซึ่งเราเป็นบริษัทแรกที่ทำบริการในลักษณะนี้ โดยแลนดี้ โฮม จะเป็นตัวกลางในการจัดหาผู้รับเหมาที่มีฝีมือตามมาตรฐาน เข้าไปช่วยซ่อมแซมและแก้ไขทุกปัญหาที่เกิดขึ้นกับบ้านได้อย่างตรงจุด และเจรจาต่อรองค่าดำเนินการต่างๆ ให้อยู่ในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งลูกค้าจะไม่ต้องปวดหัวกับการค้นหาผู้รับเหมาเอง รวมทั้งหมดปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงานกลางคัน โดยปกติแล้วทางเราจะรับประกันงานก่อสร้างหลังส่งมอบบ้านในระยะเวลา 1 ปี ซึ่ง Landy Care จะเป็นบริการสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาปฏิวัติวงการสร้างบ้าน และเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่สำคัญที่ทำให้เราได้เปรียบเหนือคู่แข่ง