ร่วมจัดแสดงบูธนิทรรศการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Redefine The Future” ในงาน THAIFEX - Anuga Asia 2023 พลิกโฉมดีไซน์ผลิตภัณฑ์น้ำตาล ตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วยภาพลักษณ์ที่ทันสมัย ใส่ใจและเลือกใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนอันดับ 2 ของโลกในกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์อาหาร ที่จัดอันดับโดย S&P Global พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
คุณผรินทร์ อมาตยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการตลาด กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “สำหรับบูธ THAIFEX ในปีนี้ เราต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์และแนวทางการพัฒนาของกลุ่มมิตรผลที่มุ่งเน้นการสร้างความยั่งยืน ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่ออนาคต จึงเป็นที่มาของคอนเซ็ปต์ “Redefine The Future” สะท้อนผ่านการพลิกโฉมแพ็กเกจผลิตภัณฑ์น้ำตาลทรายแบบถุงให้มีความโมเดิร์นมากขึ้น โดยนำ “อ้อย” มาเป็นสัญลักษณ์ เพื่อสื่อถึงความเป็นธรรมชาติ รวมถึงการนำเสนอขวดน้ำตาลรักษ์โลกดีไซน์ใหม่ ที่เน้นความสะดวกในการใช้ พร้อมรูปลักษณ์ทรงเหลี่ยม เรียบง่าย มินิมอล สามารถนำมาใช้ซ้ำได้มากกว่าเป็นแค่ขวดน้ำตาลธรรมดาทั่วไป โดยบรรจุภัณฑ์น้ำตาลมิตรผลทั้ง 2 รูปแบบ ผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบรับกับเทรนด์ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน”
การเปลี่ยนโฉมแพ็กเกจผลิตภัณฑ์ของน้ำตาลมิตรผลดังกล่าว ช่วยยกระดับภาพลักษณ์และสื่อสารถึงผู้บริโภคให้มั่นใจในคุณภาพของน้ำตาลมิตรผล ตอกย้ำถึงการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อส่งมอบผลผลิตจากน้ำอ้อยธรรมชาติ 100% ไม่ใส่สารฟอกขาว พร้อมกรรมวิธีการผลิตที่ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำส่วนที่เหลือจากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาต่อยอดเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับอ้อยตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ในปีนี้ บูธของกลุ่มมิตรผลยังมีไฮไลท์พิเศษด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ Freshy ไซรัปผสมน้ำและเนื้อผลไม้น้องใหม่ มาเติมความสดชื่นคลายร้อน พร้อมเสิร์ฟความหวานเข้มข้น หอมชื่นใจจากน้ำและเนื้อผลไม้แท้ ตอบโจทย์ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ของไทย พร้อมช่วยสร้างโอกาสให้แก่ร้านค้าต่าง ๆ ในการสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่ม หรือเสริมความอร่อยรูปแบบใหม่ให้กับเมนูขนมหวานมากมายหลากหลายรูปแบบ เพราะมีให้เลือกลิ้มลองมากถึง 7 กลิ่น ได้แก่ ลิ้นจี่, สตรอว์เบอร์รี, บลูเลมอน, แอปเปิ้ล, มะม่วง, กีวี, และส้ม ภายในงานยังมีกิจกรรมสร้างสรรค์เมนูปั่นและอิตาเลี่ยนโซดาสุดฮิตให้คู่ค้าและผู้บริโภคได้ลองชิมกว่า 1,500 แก้วต่อวัน
นอกจากนี้ กลุ่มมิตรผลยังยกขบวนผลิตภัณฑ์ในเครือที่คิดค้นและพัฒนาด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาจัดแสดง เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นสู่เป้าหมายแห่งความยั่งยืนอีกมากมาย อาทิ
- ผลิตภัณฑ์น้ำแร่ธรรมชาติ VAVA ที่มาจากแหล่งน้ำใต้ชั้นหินธรรมชาติแห่งผืนป่าเขาใหญ่ หนึ่งในมรดกโลกทางธรรมชาติ (UNESCO World Heritage) ที่มีรสชาติดื่มง่าย การันตีด้วยรางวัล Superior Taste Award 3 ดาว
จากประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งเป็นรางวัลรสชาติน้ำยอดเยี่ยม ตัดสินโดยนักชิมน้ำจากทั่วโลก มาพร้อมกับดีไซน์ที่มีความทันสมัยเป็นเอกลักษณ์ จนคว้ารางวัลชนะเลิศด้านดีไซน์จากเวทีระดับโลก พร้อมเป็นน้ำดื่มแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่มุ่งสู่การเป็น Carbon Neutral
- ผลิตภัณฑ์ FOS ภายใต้แบรนด์ Vallex สำหรับการใช้ในระดับอุตสาหกรรม และแบรนด์ Priva สำหรับผู้บริโภคทั่วไป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติเป็นพรีไบโอติกส์ ช่วยสร้างความสมดุลของระบบทางเดินอาหาร สามารถบริโภคหรือนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในอาหาร เครื่องดื่ม อาหารเสริม และอาหารสัตว์
- ผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ PlaneX เม็ดพลาสติกที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ (Compostable Compound) และแบรนด์ CaneX บรรจุภัณฑ์รักษ์โลกที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ (Compostable Food Packaging) เช่น ช้อน ส้อม มีด จากแป้งมันสำปะหลัง และหลอดจากชานอ้อย
- ผลิตภัณฑ์ทดแทนเนื้อสัตว์ (Plant-based Protein) ภายใต้แบรนด์ Meat Avatar ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายด้วยโปรตีนจากพืช เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และกำลังเป็นเทรนด์อาหารที่น่าจับตามอง
“จากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของกลุ่มมิตรผลที่จัดแสดงในงาน THAIFEX ครั้งนี้ คู่ค้าและผู้บริโภคของเราจะได้สัมผัสถึงภาพลักษณ์ ประสบการณ์จากผลิตภัณฑ์และมุมมองใหม่ ๆ ของกลุ่มมิตรผล ความพร้อมจะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ก้าวทันโลกอยู่เสมอ รวมถึงศักยภาพในการขับเคลื่อนภาคเกษตรและอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตสู่อนาคตแห่งความยั่งยืนที่เราร่วมสร้างสรรค์ไปด้วยกัน” คุณผรินทร์ กล่าวปิดท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจเยี่ยมชม ลิ้มลองผลิตภัณฑ์ใหม่ และผลิตภัณฑ์นวัตกรรมรักษ์โลกจากกลุ่มมิตรผล สามารถพบกันได้ที่มหกรรมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในภูมิภาคเอเชีย THAIFEX - Anuga Asia 2023 ณ บูธหมายเลข 2-U01 ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 23-26 พฤษภาคม 2566 (วันเจรจาธุรกิจ) และวันที่ 27 พฤษภาคม 2566 (วันจำหน่ายปลีก)