สยามคูโบต้า เผยผลประกอบการปี 2566 ปิดยอดขายที่ 58,000 ล้านบาท มุ่งพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการเพื่อตอบโจทย์ความต้องการในภาคการเกษตร ขยายรูปแบบการใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตรไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่มากขึ้น พัฒนาธุรกิจและโซลูชันใหม่ ไม่หวั่นการแข่งขันเดือด มั่นใจคงความเป็นผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรในอาเซียน ด้วยกลยุทธ์ RACE เตรียมเปิดแคมเปญใหญ่แห่งปี มุ่งเปลี่ยนภาพจำที่มีต่ออาชีพเกษตรกรให้เชื่อในการ “เป็นมากกว่าเกษตรกร”
นายจูนจิ โอตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการ ปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายมูลค่ารวมปิดที่ 58,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนธุรกิจในประเทศ 70 % และต่างประเทศ 30 % เผยเหตุชะลอตัวจากการเผชิญกับความท้าทาย ทั้งสถานการณ์ภัยแล้งตั้งแต่ต้นปีที่ส่งผลกระทบสะสมทั่วประเทศ บวกกับปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูกทำให้ผลผลิตพืชเศรษฐกิจหลักลดลง รวมถึงต้นทุนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของเกษตรกร อย่างไรก็ตามยังได้อานิสงส์จากปัจจัยบวกของยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากรถดำนาในพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง และตลาดรถขุดโตขึ้นจากปริมาณการส่งออกทุเรียนที่เพิ่มขึ้น สำหรับในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายรวมอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท พร้อมเตรียมแผนการลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท สำหรับการผลิตสินค้าใหม่ รวมถึงโครงการที่รองรับด้าน ESG และการสนับสนุนกระบวนการผลิตต่างๆ
ปัจจุบันสยามคูโบต้ามีโรงงานผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ นิคมอุตสาหกรรม นวนคร จังหวัดปทุมธานี เน้นการผลิตเครื่องยนต์ดีเซล รถไถเดินตาม และเครื่องอัดฟาง และอีกแห่งคือนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นโรงงานระดับ World Class Standard และเป็น HUB สำคัญ ที่ส่งออกแทรกเตอร์ รถเกี่ยวนวดข้าว และรถขุดขนาดเล็ก เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดอาเซียนที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม Robot ในกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความแม่นยำในกระบวนการผลิต สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพและได้มาตรฐาน นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล “โรงงานเครือข่ายลดก๊าซเรือนกระจกดีเด่น” โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปี 2566 อีกด้วย
ในตลาดต่างประเทศ สยามคูโบต้าเตรียมตอกย้ำความสำเร็จของการรุกตลาดอาเซียนคือ KUBOTA CAMBODIA Co,. Ltd. ณ ประเทศกัมพูชา และ KUBOTA LAOS Sole Co,. Ltd. ณ สปป.ลาว ตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งในปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 10 ปี แห่งความสำเร็จในการเข้าไปทำตลาดทั้งสองแห่ง โดยยึดมั่นจุดแข็ง 4 หัวใจหลักของการทำธุรกิจ (4 Core Pillars) คือ สินค้ามีคุณภาพและหลากหลาย บริการหลังการขายที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เครือข่ายร้านค้าผู้แทนจำหน่ายที่ครอบคลุม และบริการให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อในประเทศกัมพูชา ทางสยามคูโบต้ามีแผนส่งออกสินค้าใหม่ที่รองรับการเติบโตในภาคธุรกิจการเกษตรของแต่ละประเทศในอนาคต พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Data Driven เพื่อนำข้อมูลใช้สนับสนุนการขายและการตลาดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมยกระดับงานบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าทั้งสองประเทศได้รับประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์คูโบต้าเช่นกัน
“ทั้งนี้สยามคูโบต้า ยังคงสานต่อนโยบายคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ในการมุ่งมั่นทำให้คูโบต้าเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก หรือ Global Major Brand (GMB) ภายในปี 2030 โดยวางเป้าหมายเป็น ‘Essentials Innovator for Supporting life” สร้างความเชื่อมั่นในนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรให้กับลูกค้าทั่วโลก พร้อมเป็นองค์กร ที่ตอบแทนสังคม ดำเนินธุรกิจโดยการพัฒนาสินค้าที่สานต่อความยั่งยืนทั้งด้านอาหาร น้ำ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งสยามคูโบต้าพร้อมมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมที่มุ่งตอบสนองนโยบาย GMB 2030 ใน 2 ด้านหลัก ได้แก่ 1. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความปลอดภัยทางด้านอาหารด้วยการทำเกษตรอัจฉริยะ โดยมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาและเพิ่มผลผลิตให้แก่เกษตรกรทั้งในไทยและอาเซียน จากผลกระทบของสถานการณ์ Climate Change 2. สร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนในสินค้า โดยมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การทำเกษตรแบบ Low Carbon เพื่อลด Carbon Footprint ในการผลิตสินค้าเกษตร โดยมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องอัดฟางหลังการเก็บเกี่ยวข้าวที่ใช้ในกระบวนการทำเกษตรปลอดการเผา รวมถึงการพัฒนาโซลูชันเพื่อสร้างโมเดลต้นแบบในการปลูกพืชข้าวอีกด้วย” นายโอตะ กล่าว
นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส เผยถึงภาวะเศรษฐกิจการเกษตรในปีที่ผ่านมา (GDP) ขยายตัวร้อยละ 0.3 ชะลอตัวเมื่อเทียบกับปี 2565 เนื่องจากสถานการณ์ภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อผลผลิตของพืช แต่ยังคงมีปัจจัยบวกจากราคาสินค้าเกษตร อาทิ ข้าว อ้อย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลังยังอยู่ ในเกณฑ์ดี ดังนั้น ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะเน้นการพัฒนา จัดหา และขยายรูปแบบการใช้งานเครื่องจักรกลการเกษตรที่สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าใหม่มากขึ้น รวมไปถึงธุรกิจเครื่องจักรกลก่อสร้าง มุ่งพัฒนาและนำเสนอรถขุดโมเดลใหม่ รวมถึงการจัดหาอุปกรณ์ต่อพ่วงสำหรับรถขุดที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ตลอดจนการพัฒนาธุรกิจและโซลูชันใหม่ ยกระดับภาคการเกษตรเดินหน้าสู่ Smart Farming รวมถึงผลักดันให้เกิดการทำเกษตรอย่างยั่งยืน
สำหรับปีนี้เตรียมตั้งเป้าบุกตลาดเต็มกำลังด้วยกลยุทธ์ RACE ประกอบด้วย R – Retain Leadership รักษาความเป็นผู้นำ เป็นการรักษากลุ่มลูกค้าเก่า มุ่งเน้นการให้ความรู้ การบริการที่ดีทั้งการบริการหลังการขายและความพร้อมของอะไหล่ เพื่อสร้างความไว้วางใจและเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ของคูโบต้า A – Accelerate Growth ขยายตลาดเพื่อการเติบโต เพิ่มการใช้งานเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่อพ่วงให้ครอบคลุมทุกขั้นตอนการเพาะปลูกทั้งพืชไร่และพืชสวน โดยการพัฒนาอุปกรณ์ต่อพ่วงให้สามารถใช้งานร่วมกันสินค้าปัจจุบันได้หลากหลาย รวมถึงขยายไปสู่พืชมูลค่าสูง (High Value Crop) C – Climate Change รับมือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ผ่านการส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตรโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โซลูชันการทำนาเปียกสลับแห้ง การจัดการการใช้น้ำในแปลง การจัดการฟาร์มโดยใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุน การปลูกพืชแบบในร่ม การนำพลังงานสะอาดมาใช้เพื่อการเกษตร และ E- ESG for Sustainability ดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ด้วยการสร้างสมดุล Ecosystem พร้อมกับความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน โดยเฉพาะแนวคิดการส่งเสริมและสนับสนุนความยั่งยืนบนเส้นทางอาชีพของเกษตรกรให้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากสิ่งที่มีอยู่สู่การต่อยอดมูลค่าเพิ่มในด้านต่างๆ เพื่อสร้างรากฐานแห่งความยั่งยืนของชีวิต และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของเกษตรกร
โดยที่ผ่านมาเราได้ริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อเป็นการต่อยอดไอเดียให้แก่เกษตรกร โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ อาทิ โครงการ Driving School พัฒนาทักษะและฝีมือให้กับผู้ใช้งานเครื่องจักรฯ โครงการ SIAM KUBOTA Happy Community (SKHC) : ชุมชนเพาะสุขสยามคูโบต้า เพื่อพัฒนาชุมชนสู่ตำบลอยู่ดีกินดี โครงการ Low Carbon Agriculture Creation (LCAC) : เกษตรลดคาร์บอนสู่ความยั่งยืน ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้ง โครงการ “คูโบต้า กล้า | ท้า | ปลูก” การแข่งขันเพาะปลูกข้าวด้วยนวัตกรรมปฏิทินการเพาะปลูก KAS Crop Calendar Online เพื่อลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต สร้างรายได้ และลดการปล่อยก๊าซมีเทน รวมถึงโครงการส่งเสริมโซลูชันการปลูกพืชหมุนเวียนหรือการปลูกพืชหลังนา (Crop Rotation) เพื่อสร้างรายได้เสริม เป็นต้น
“อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ปัญหาจากสิ่งแวดล้อมและภัยแล้ง ความผันผวนของตลาดสินค้าเกษตรที่ส่งผลกระทบกับเกษตรกรไทยอย่างต่อเนื่อง สยามคูโบต้ายังเชื่อมั่นว่า เกษตรกรของเรา มีศักยภาพเพียงพอที่จะสู้กับความท้าทาย ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่เคียงข้างเกษตรมาอย่างยาวนาน เรามองเห็นศักยภาพของเกษตรกรที่แตกต่างไปจากเดิม และเราจะทำหน้าที่เป็นสปริงบอร์ดในการสนับสนุนเกษตรกร ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่มีมาตรฐาน และโซลูชันที่ช่วยให้การทำเกษตรสะดวกสบายยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับและผลักดันให้ภาคการเกษตรไทยเติบโต ตลอดจนเป็นแรงผลักดันให้เกษตรกรมองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนความคิดให้ทุกคนเชื่อได้ว่า เกษตรกรเป็นได้มากกว่าที่คุณคิด ซึ่งเป็นที่มาของแคมเปญการสื่อสารในปีนี้คือ เป็นมากกว่าเกษตรกร” นางวราภรณ์ กล่าวเสริม
ด้านนายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยในปี 2566 ที่ผ่านมาลดลงราว 10-15 % เนื่องมาจากสถานการณ์ Climate Change ที่ทำให้ปริมาณน้ำฝนลดต่ำลง ส่งผลกระทบต่อการเพาะปลูกของเกษตรกร อย่างไรก็ตามในด้านตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร คูโบต้ายังคงใช้จุดแข็งของผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมที่เข้ากับการเกษตรในประเทศไทย พร้อมการทำแคมเปญการตลาดต่างๆ ที่น่าสนใจ ตอบโจทย์ และเข้าถึงเกษตรกรได้อย่างกว้างขวาง รวมถึงความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการหลังการขาย นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์การทำงานของเกษตรกรในแต่ละกลุ่มมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเกษตรกรพืชหลัก กลุ่มเกษตรกรสมัยใหม่ และกลุ่มเกษตรกรในเทรนด์พืชที่น่าสนใจ
สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ สยามคูโบต้าเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่รองรับการทำงานของเกษตรกรที่ต้องการความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น ในส่วนของการบริการยังคงมุ่งสร้างประสบการณ์ที่เหนือใครให้แก่ลูกค้า (Unmatched Experience) ตอบโจทย์การนัดหมาย และการแก้ปัญหาที่รวดเร็ว สำหรับงานอะไหล่ในปีนี้จะมีการนำเอา Data Driven เข้ามาเชื่อมโยงระหว่างโรงงาน อะไหล่ และผู้ผลิตชิ้นส่วน เพื่อทำให้ทราบกำลังการผลิตชิ้นส่วน ไปจนถึงข้อมูลความต้องการอะไหล่ของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา นอกจากนี้ยังมีการจัดโครงการ Dealer Data Driven Development เพื่อเสริมศักยภาพการทำงานให้ผู้แทนจำหน่าย ให้ลูกค้ามั่นใจความพร้อมในทุกมิติของสยามคูโบต้าที่พร้อมเดินหน้าไปด้วยกัน
“นอกจากนี้ สยามคูโบต้ายังเตรียมเปิดตัว 2 แคมเปญใหญ่สะท้อนความไว้ใจของลูกค้าอย่างยาวนาน และการมีส่วนช่วยสร้างสรรค์สังคมให้ดียิ่งขึ้น โดยแคมเปญแรกจะสะท้อนบทบาทสำคัญของเกษตรกรภายใต้ชื่อ No Farmer, No Us ไม่มีเขา ไม่มีเรา เพราะเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเกษตรกรเป็นผู้ผลิตอาหารขั้นต้นให้แก่ ทุกคนบนโลก ซึ่งจะเน้นการให้คุณค่าแก่เกษตรกรทุกคนทุกวัยเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง สามารถขับเคลื่อน ทุกความเป็นไปได้ด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ โดยมีสยามคูโบต้าคอยเคียงข้าง เพราะเราเชื่อว่าเกษตรกรคือ ห่วงโซ่สำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร (Food security) แก่ทุกคนบนโลก และนี่เป็นเหตุผลที่คูโบต้า ไม่เคยหยุดพัฒนาสินค้าและบริการให้ครอบคลุมทุกการทำงานของเกษตรกร เพื่อสนับสนุนประสบการณ์ในการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรเป็นเครื่องมือสำคัญในการประกอบอาชีพ
แคมเปญต่อมาเราพบว่า จากการอยู่เคียงข้างเกษตรกรมากว่า 45 ปี เกษตรกรต้องเผชิญกับเงื่อนไขและข้อจำกัดมากมายในชีวิต วันนี้เราจึงไม่ได้นำเสนอแค่เครื่องจักรกลการเกษตร แต่เราพยายามที่จะพัฒนาจุดเด่น สร้างจุดต่าง สร้างประสบการณ์ร่วมในทุกๆ Touchpoint ของเรา ซึ่งนำมาสู่แคมเปญการตลาดในปีนี้คือ “คูโบต้า คันที่ใช่ พร้อมลุยทุกข้อจำกัด” ทลายเงื่อนไขเพื่อชีวิตเกษตรที่ใช่กว่าใน 5 ข้อจำกัด ได้แก่ 1. ข้อจำกัดด้านความมั่นใจสินค้าด้วยกิจกรรม KUBOTA Happiness Mission พัฒนาชุมชนพร้อมสาธิตสินค้าในพื้นที่ 2. ข้อจำกัดด้านการสามารถเป็นเจ้าของด้วยสินเชื่อหลากหลายในทุกกลุ่มสินค้า 3. ข้อจำกัดด้านต้นทุนทำเกษตรด้วยการใช้เครื่องจักรกลการเกษตรแบบรวมกลุ่ม 4. ข้อจำกัดด้านระยะทางด้วยแคมเปญ KUBOTA Service Loyalty กิจกรรมงานบริการในแต่ละพื้นที่ของลูกค้า และ 5. ข้อจำกัดด้านความคุ้มค่าด้วยการใช้อะไหล่แท้คูโบต้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐานซึ่งจะเป็นการตอบโจทย์เพื่อร่วมทางไปกับลูกค้าของเราในทุกบทบาท ให้สมกับที่ได้รับความไว้วางใจให้คูโบต้าเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจเกษตรกรเสมอมา” นายพิษณุ กล่าวปิดท้าย