ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ EXIM BANK ที่ 'AAA(tha)' แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 โดยอันดับเครดิตดังกล่าวเป็นอันดับเครดิตสูงที่สุด แสดงถึงโอกาสต่ำที่สุดในการผิดนัดชำระหนี้เมื่อเทียบกับธนาคารและบริษัทอื่นในประเทศ ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ทั้งจากการชะลอตัวลงของภาคการส่งออกและอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงทั่วโลก นอกจากนี้ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ยังประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวที่ ‘BBB+’ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เทียบเท่าอันดับเครดิตของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 สะท้อนถึงบทบาทและภารกิจที่สำคัญของ EXIM BANK ในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ผลักดันให้เกิดการค้าและการลงทุนที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ มุ่งสู่บทบาท “Green Development Bank” ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ระบุว่า EXIM BANK เป็นธนาคารเฉพาะกิจของรัฐที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทย ขณะเดียวกัน EXIM BANK เป็นธนาคารเฉพาะกิจของรัฐเพียงแห่งเดียวที่ให้บริการประกันการส่งออกและการลงทุนระหว่างประเทศ เพื่อคุ้มครองผู้ส่งออกและนักลงทุนจากความเสี่ยงทางการค้าและการเมือง นอกจากนี้ การเพิ่มทุนล่าสุดในปี 2564 และ 2566 ได้เสริมความแข็งแกร่งให้แก่โครงสร้างเงินทุนของธนาคารและเตรียมพร้อมสำหรับการเติบโตในอนาคต
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นำผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK มอบทุนการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์เพื่อการประกอบอาชีพแก่เพื่อนผู้พิการผ่านมูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ จังหวัดนนทบุรี จำนวน 10 ทุน เป็นเงิน 300,000 บาท ภายใต้โครงการ “EXIM เพื่อโอกาสในการประกอบอาชีพ” โดยมีนายธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นผู้รับมอบ เพื่อส่งเสริมให้ผู้พิการมีความรู้และทักษะด้านคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของ EXIM BANK เพื่อช่วยเหลือให้เพื่อนผู้พิการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาและการประกอบอาชีพ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ณ มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2567
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และ ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) ร่วมลงนามในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวน 2,325 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการลงทุนของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนสำหรับการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Rooftop PV System) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมีนายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานกรรมการบริหาร EXIM BANK นายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร GUNKUL นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจพลังงานและกลยุทธ์การลงทุน GUNKUL และนายฐิติพงษ์ เตชะรัตนยืนยง ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงินและบัญชี GUNKUL ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า การสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK ในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) ต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายสู่อนาคต (Future Industries) ขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Greenomics) สอดคล้องกับบทบาทของ EXIM BANK สู่การเป็น Green Development Bank ขณะที่กลุ่มบริษัท GUNKUL ผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างครบวงจรทั้งในประเทศและต่างประเทศ มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2573 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593
“การสนับสนุนทางการเงินให้แก่กลุ่มบริษัท GUNKUL เป็นส่วนหนึ่งในการทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาของ EXIM BANK มุ่งสนับสนุนบริการทางการเงินเพื่อเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนของธนาคารให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2570 ต่อยอดการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและโลกโดยรวม ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม” ดร.รักษ์ กล่าว
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK มีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมจากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือของไทย ทั้งในส่วนของวงเงินกู้ระยะสั้นและวงเงินกู้ระยะยาว โดยเพิ่มวงเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นชั่วคราวสูงสุด 20% ของวงเงินเดิม เปลี่ยนแปลงภาระหนี้ระยะสั้นเป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระเงินกู้ระยะสั้นได้นานสูงสุด 3 ปี และระยะยาวสูงสุด 7 ปี ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว และพักชำระหนี้เงินต้นนานสูงสุด 1 ปี เพื่อให้ลูกค้าของ EXIM BANK สามารถดำเนินธุรกิจส่งออกหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกตลอดทั้ง Supply Chain ได้อย่างต่อเนื่อง
มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะสั้น
มาตรการช่วยเหลือสำหรับวงเงินกู้ระยะยาว
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ปัจจุบันเท่ากับ 6.35% ต่อปี
EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐที่มุ่งดำเนินภารกิจ Green Development Bank พร้อมช่วยเหลือเยียวยาลูกค้าให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างไม่สะดุดและต่อเนื่องท่ามกลางปัญหาและปัจจัยท้าทายต่าง ๆ ลูกค้าสอบถามแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือได้โดยลงทะเบียนผ่าน www.exim.go.th สอบถาม EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999
ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิมล ศรีวิกรม์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาจัดการสนับสนุนสมาคมกีฬาจากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและภาคเอกชน พร้อมด้วยนายปรีชา ลาลุน รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและกีฬามวย ร่วมพิธีมอบเงินสนับสนุนโครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” แก่สมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย จำนวนเงิน 32 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 4 ปี ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) โดยมีนายธีรลักษ์ แสงสนิท ประธานกรรมการธนาคาร EXIM BANK นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานกรรมการบริหาร EXIM BANK และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ให้การต้อนรับ โดยมีพลเอกเพิ่มศักดิ์ พวงสาโรจน์ นายกสมาคมกีฬายิงปืนรณยุทธแห่งประเทศไทย และนายโรจน์ เมืองครุธ อุปนายกสมาคมกีฬาเอ็กซ์ตรีมแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับมอบ นับเป็นอีกก้าวสำคัญของ EXIM BANK ในการสร้างบทบาทใหม่ในฐานะธนาคารที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาด้านกีฬาอย่างเป็นระบบ ต่อยอดการเป็น Soft Power และนักกีฬาไทยสู่การแข่งขันกีฬาในระดับนานาชาติ เป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพในวงการกีฬามืออาชีพและชื่อเสียงที่ดีของประเทศไทยในระดับสากล ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า โครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” เปิดโอกาสให้ทั้งภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจเข้ามามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกีฬาแต่ละประเภทอย่างเป็นระบบและยั่งยืนเพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะของนักกีฬาไทยไปสู่การแข่งขันในระดับนานาชาติ การสนับสนุนของรัฐวิสาหกิจช่วยให้นักกีฬาเข้าถึงโอกาสในการฝึกฝนและพัฒนาทักษะได้มากขึ้น การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจะสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการฝึกฝน นอกจากนี้ รัฐวิสาหกิจยังเป็นต้นแบบของการสนับสนุนและส่งเสริมให้คนไทยดูแลสุขภาพและให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพกาย ใจ และสปิริตที่ดี การได้เห็นนักกีฬาประสบความสำเร็จยังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนและประชาชนทั่วไปให้หันมาออกกำลังกายและเล่นกีฬาอย่างมีทักษะและเป็นมืออาชีพเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาวงการกีฬาของไทยอย่างเป็นระบบ ส่งเสริมให้เกิดวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับกีฬาเพิ่มขึ้น เช่น โค้ช ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และวิชาชีพอื่น ๆ ในวงการกีฬา ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างรายได้จากธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และการขนส่งอย่างครบวงจร นับเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทั้งในด้านการพัฒนากีฬา การส่งเสริมสุขภาพ การเสริมสร้างเศรษฐกิจ การสร้างชื่อเสียง และการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยส่งเสริมและต่อยอดการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
โครงการ “1 กีฬา 1 รัฐวิสาหกิจ” เป็นโครงการที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมและพัฒนากีฬาในทุกระดับ รวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเยาวชนไทยและประชาชนในชุมชน การสนับสนุนในครั้งนี้ ถือเป็นอีกบทบาทสำคัญของ EXIM BANK ในการร่วมขับเคลื่อนวงการกีฬาไทยไปสู่ความเป็นเลิศทั้งในและต่างประเทศ สอดคล้องกับภารกิจหลักของ EXIM BANK ในการสนับสนุนการได้มาซึ่งเงินตราต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจะมีเงินตราต่างประเทศไหลเข้าประเทศไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาทต่อปี จากการจัดแข่งขันระดับนานาชาติของทั้ง 2 สมาคม นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาวงการกีฬาอย่างยั่งยืน พัฒนาอาชีพนักกีฬา ผู้ฝึกสอน ผู้ตัดสิน และวิชาชีพที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบ เพิ่มโอกาสและพัฒนาศักยภาพโดยเฉพาะแก่กลุ่มนักกีฬาช้างเผือกที่มีทักษะแต่ขาดกำลังทรัพย์ ขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังขยายผลความร่วมมือสู่การเสริมสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน EXIM BANK และครอบครัว โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมของบุคลากรในกิจกรรม CSR หรือกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดี (Wellness) ของตนเองและสังคม ยกระดับความผูกพันของพนักงานในองค์กรอีกทางหนึ่ง การสนับสนุนในครั้งนี้ ไม่เพียงสนับสนุนด้านการเงินเท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับด้านคุณค่าและเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการฝึกฝนทักษะของนักกีฬาจากทั้งสองสมาคมให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของวงการกีฬาและสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อสังคมรอบข้าง ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับท้องถิ่นสู่ประเทศชาติและโลกโดยรวม ดร.รักษ์ กล่าว