กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ในฐานะ ICO Portal (Initial Coin Offering Portal) ที่ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หนึ่งใน ICO Portal รายแรก ๆ ในประเทศไทย กล่าวถึงความน่าสนใจของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ของ 2 วงการธุรกิจว่า “โทเคนดิจิทัลสามารถกำหนดรูปแบบผลตอบแทน ทั้งการได้เป็นผู้ร่วมลงทุน ในรูปแบบโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) หรือจะเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ที่กำหนดสิทธิให้ผู้ถือโทเคนได้รับสิทธิในสินค้าและบริการต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ เป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่ากำลังลงทุนในอะไร มีสิทธิอะไรบ้าง และมีผลตอบแทนที่ชัดเจนอย่างไร ล่าสุดทางเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ได้รับความไว้วางใจจาก “SHARGE” ผู้ให้บริการ EV Charging Ecosystem เตรียมออกโทเคนดิจิทัลพร้อมใช้ หรือ Ready-to-Use Utility Token” ที่พร้อมเปิดตัวปลายไตรมาส 3 ของปีนี้ การลงทุนของโทเคนดิจิทัลที่จะเปลี่ยนเป็น Loyalty Program มาพร้อมส่วนลดและ Privilege อื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างฐานกลุ่มลูกค้าในตลาดและโอกาสการเติบโตในอนาคต เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จะช่วยกลั่นกรองการออกผลิตภัณฑ์และนำเสนอนวัตกรรมที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงอย่างสะดวกและง่ายดายซึ่งอยู่ในรูปแบบของ Utility Token ภายใต้ Ecosystem ของโลกดิจิทัล”

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) เปิดเผยว่า “ชาร์จ แมเนจเม้นท์   มีแผนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 5 ปี โดยปักหมุดการเป็นผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจรด้วยเป้าหมายยอดขาย 3,000 ล้านบาท พร้อมโรดแมปธุรกิจ “LIFESTYLE CHARGING ECOSYSTEM NIGHT, DAY, ON-THE-GO” ด้วยจุดแข็งทางธุรกิจของชาร์จ อาทิ การใช้อุปกรณ์นำเข้ามาตรฐานยุโรป ปลอดภัยต่อการใช้ไฟฟ้าแรงสูง มีทีมบริการหลังการขายมืออาชีพดูแลทั่วประเทศ การเข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยแอปพลิเคชัน SHARGE รองรับการค้นหา-จองสถานีชาร์จและจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันอย่างง่ายดาย รวมถึงการจับมือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค่ายรถยนต์ ศูนย์การค้า และธุรกิจพลังงาน ในการสร้าง Ecosystem ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการใช้งานทั้งกลุ่มชาร์จตามบ้าน ชาร์จที่จุดหมายปลายทาง และชาร์จตามสถานี ในสัดส่วนของลูกค้า SHARGE เองนั้น จะมีทั้งในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ ที่ต้องการกระตุ้นให้คนซื้อรถ EV เพิ่มมากขึ้นแต่ยังมีข้อกังวลเรื่องจุดให้บริการ หรือกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีไว้ให้บริการลูกค้า และรายย่อยคือกลุ่มบุคคลทั่วไป ภายในครึ่งปี 64 ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้เร่งเพิ่มหัวจ่ายได้มากขึ้นถึง 300 หัวจ่าย สามารถรองรับการให้บริการชาร์จรถ EV ได้มากถึง 1,000 คัน และภายในปี 65 เราตั้งเป้ามากกว่า 40 สถานีเพื่อรองรับตลาดรถยนต์แบตเตอรี่ 100% ที่ต้องการชาร์จเร็วพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันเราเล็งเห็นความสำคัญของ Loyalty Program ที่ในตลาดคู่แข่งเองยังไม่มี บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสการระดมทุนในรูปแบบ Utility Token โดยได้จับมือกับ เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล เปิดตัว Ready-to-Use Utility Token” โทเคนดิจิทัลพร้อมใช้ ที่จะเปลี่ยนเป็น Loyalty Program ชาร์จรถไฟฟ้าพร้อมส่วนลดค่าไฟ รวมถึง Privilege อื่นๆ จาก Ecosystem ในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตของ SHARGE ตามแผนธุรกิจ 5 ปี ในการก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งผู้ให้บริการธุรกิจชาร์จรถ EV ครบวงจร”

นายปิ่นปราชญ์ จักกะพาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด (ERX) เป็นบริษัทในเครือของบริษัท เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์ (Elevated Return : ER) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัลจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในการเป็น “แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)” ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  กล่าวว่า “ERX ดำเนินงานโดยคณะผู้บริหารทุกท่านซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในธุรกิจตลาดทุนของประเทศไทยและสากลมายาวนาน นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า ERX เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้บริษัทฯ เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายแรกและรายเดียวที่มุ่งเน้นเฉพาะการซื้อขายโทเคนดิจิทัลที่มีการอ้างอิงกับสินทรัพย์การลงทุนที่จับต้องได้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่พัฒนาโดยเทโซส (Tezos) เนื่องจากมองว่าทำให้ง่ายต่อการเข้าใจของผู้ลงทุนทั่วไป อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยและการคุ้มครองผู้ลงทุนที่เป็นมาตรฐานสากล และยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ XSpring Digital ซึ่งเป็น ICO Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เมื่อพิจารณาถึงความพร้อมในด้านต่างๆ แล้ว เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการซื้อขายที่ ERX จะได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่มากขึ้นอย่างแน่นอน”

นายอัฏฐ์ กล่าวปิดท้ายว่า “นับเป็นการรุกเดินหน้าธุรกิจของเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ที่ได้รับความไว้วางใจจาก SHARGE เพื่อศึกษาการออกสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อรองรับแผนการรุกธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ “XSpring Digital” ในฐานะหนึ่งใน ICO Portal (Initial Coin Offering Portal) รายแรก ๆ ในประเทศไทยที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ในการดำเนินธุรกิจ Digital Financial Service ในด้าน “การให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล” แก่นักลงทุน รวมถึงความร่วมมือจาก ERX หรือ “บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด” ซึ่งเป็น “ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)” ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เชื่อมั่นว่าจะได้รับความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ ซึ่งนับว่า XSpring Digital จะเป็นผู้นำในการสร้างต้นแบบการสร้างความหลากหลายใน Digital Financial Service และพัฒนา Ecosystem ในโลกการเงินดิจิทัลที่ทำให้เกิดขึ้นได้จริง และสามารถรองรับการลงทุนในธุรกิจได้หลากหลายอุตสาหกรรม”

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช. ร่วมกับ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.

กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม บูรณาการความร่วมมือ กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดโครงการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

มหาวิทยาลัยมหิดล ลงนามความร่วมมือกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ วิจัยและพัฒนานวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกช่วงวัย เพื่อร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับสุขภาพของคนไทย

รองศาสตราจารย์ ดร.สุวัฒนา จุฬาวัฒนทล คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การลงนามความร่วมมือด้านการวิจัย เรื่องการพัฒนางานวิจัยและต่อยอดวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพ ระหว่างคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ ซีพีเอฟ ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งโครงการนวัตกรรมอาหารเพื่อสังคม ที่มหาวิทยาลัยร่วมมือกับภาคเอกชน ในการต่อยอดองค์ความรู้ของมหิดลสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านอาหารเพื่อสุขภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ก่อให้เกิดการพัฒนายั่งยืนของสังคม ตลอดจนการสร้างเครือข่ายกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อพัฒนานวัตกรรมอาหาร เพิ่มมูลค่าสินค้าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน บูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อก้าวไปสู่ ไทยแลนด์ 4.0 ขณะเดียวกัน ยังเป็นการนำความรู้ทางเภสัชศาสตร์มาพัฒนาเทคโนโลยีอาหาร เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาโภชนเภสัชศาสตร์ในอนาคต และช่วยยกระดับศักยภาพการวิจัยและการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยของไทยในระยะยาวด้วย

 

ดร.สมหมาย เตชะศิรินุกูล รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่น ในการวิจัยและพัฒนาอาหาร เพื่อส่งเสริมศักยภาพความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมอาหารของไทยและระดับสากล ตามวิสัยทัศน์ "ครัวของโลกที่ยั่งยืน"  โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารซีพีเอฟ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยทั่วโลก ค้นคว้าวิจัยเชิงลึกในด้านโภชนาศาสตร์ พัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย ตอบรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของประชากรและอุตสาหกรรมอาหารและสร้างสุขโภชนาการที่ดีแก่ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย

“บริษัทฯ นำความพร้อมด้านทีมงานวิจัยและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาตรฐานระดับโลก ผสานความร่วมมือและต่อยอดองค์ความรู้ด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อวิจัยพัฒนานวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารเฉพาะทาง และเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณภาพและปลอดภัย เพื่อผู้บริโภคทุกช่วงวัยและเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างยั่งยืนต่อไป” ดร.สมหมาย กล่าว

 

สำหรับ บริษัท ศูนย์วิจัยและพัฒนาซีพีเอฟ จำกัด ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 ประกอบด้วยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การอาหารและโภชนาการ ศิลปศาสตร์อาหาร และวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมด้วยห้องปฏิบัติการทดสอบอาหารและโรงงานต้นแบบที่ทันสมัยได้มาตรฐานสากล โดยมีเป้าหมายในการร่วมผลักดันเป้าหมายความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืนของซีพีเอฟ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มห่วงใยสุขภาพ มากกว่า 30% ภายในปี 2563 สอดคล้องกับแนวทางขององค์การสหประชาชาติในการพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพ เพื่อร่วมสร้างความยั่งยืนให้กับสุขภาพของประชากรโลก

Page 8 of 9
X

Right Click

No right click