September 08, 2024

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (เป็นองค์กรที่เกิดจากการควบรวมกิจการของรัฐซึ่งประกอบไปด้วย กสท โทรคมนาคม และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน)) จับมือ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการสนับสนุนภาครัฐบาลก้าวสู่ระบบดิจิทัลที่ล้ำหน้า กับโครงการความร่วมมือเพื่อยกระดับศูนย์ข้อมูลแห่งชาติ (National Data Center) และบริการแบบคลาวด์สู่มาตรฐานสากลในระดับเทียร์ 4 (Tier IV)

การที่บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ ประกาศเป็นพันธมิตรกับ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ผู้นำศูนย์ข้อมูลในภูมิภาคอาเซียน นับเป็นการการยกระดับมาตรฐานของศูนย์ข้อมูลและการบริการคลาวด์ในประเทศไทยให้ก้าวสู่ระดับ เทียร์ 4 ซึ่งจะช่วยให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ สามารถให้บริการคลาวด์แก่หน่วยงานของรัฐได้แบบเต็มประสิทธิภาพ 100% ด้วยศูนย์ข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูงที่ได้รับการรับรองมาตรฐานเทียร์ 4 ในระดับสากลที่ทั่วโลกยอมรับ

โครงการนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการยกระดับประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความมั่นใจในระบบคลาวด์ของรัฐบาลให้สูงยิ่งขึ้น เพื่อให้สอดรับกับการเร่งเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว จากการแพร่ระบาดใหญ่ในช่วงสองปีที่ผ่านมา

โดยในปัจจุบัน ได้มีการนำแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ มาใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพื่อเป็นกำลังในการขับเคลื่อนระบบดิจิทัลของรัฐบาล รวมถึงการทำงานจากที่บ้าน การประชุมทางวิดีโอ และความจำเป็นในการจัดเก็บ บริหารจัดการ และเข้าถึงข้อมูลในรูปแบบที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งกลายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดในทุกวันนี้

นาวาอากาศเอก สมศักดิ์  ขาวสุวรรณ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นที กล่าวถึงความร่วมมือกับซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ว่าจะทำให้เอ็นที มีทางเลือกที่หลากหลายและสะดวกมากขึ้นในการใช้บริการ Data Center และ Cloud 

“ในฐานะที่เอ็นที เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ได้รับมอบหมายภารกิจในการเป็นผู้ขับเคลื่อนและยกระดับการสื่อสารโทรคมนาคมและดิจิทัลให้แก่ภาครัฐ ซึ่งมาจากการที่เรามีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมมากที่สุดและครอบคลุมทั่วประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นความร่วมมือในครั้งนี้จึงเป็นการนำจุดแข็งของทั้งสององค์กรมาร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถในการให้บริการของเอ็นที โดยเรามั่นใจว่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายและมอบประโยชน์กับลูกค้าได้มากขึ้น” นาวาอากาศเอก สมศักดิ์ กล่าว

หน่วยงานของรัฐจะสามารถเข้าถึงบริการศูนย์ข้อมูลและคลาวด์ โดยไม่จำเป็นต้องตั้งศูนย์ข้อมูลของตนเอง โครงการนี้จะช่วยประหยัดทั้งเวลา และทรัพยากร อีกทั้งช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านระบบโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างมาก ในขณะที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล

ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ในฐานะศูนย์ข้อมูลไฮเปอร์สเกลแห่งแรกในประเทศที่รองรับการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการโครงข่ายโดยไม่จำกัดค่าย จะให้บริการด้านพลังงาน พื้นที่ ความปลอดภัย และระบบเชื่อมต่อเครือข่ายให้กับกระทรวงต่าง ๆ  เพื่อตอบสนองความต้องการด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยในระดับสูง อีกทั้งยังรับประกันความพร้อมเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตด้วยความยืดหยุ่นและให้ความสามารถในการปรับขยายได้

โครงการฯ ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในครั้งนี้ช่วยให้รัฐบาลปรับใช้ระบบคลาวด์ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งมั่นใจได้ว่ากระทรวง และหน่วยงานต่าง ๆ สามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ รวมถึงได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ใช้ง่าย มีความยั่งยืน และพร้อมรองรับการปรับขยายศักยภาพได้ตามต้องการ

“ในฐานะศูนย์ข้อมูลและผู้ให้บริการคลาวด์ที่ทันสมัยที่สุด ศูนย์ข้อมูลของเราสร้างขึ้นเพื่อรองรับความต้องการของรัฐบาลและองค์กรต่างๆ ในขณะที่บริการของเราถูกจัดสรรเพื่ออำนวยความสะดวกในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลที่สำคัญต่อภารกิจด้วยความปลอดภัยสูงสุดและรับประกันความพร้อมใช้งานตลอดเวลา” คุณสุนิตา บ๊อตเซ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ได้กล่าว

“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับเอ็นที และได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนวัตกรรมของเอ็นที ในขณะเดียวกันก็เป็นการสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนด้วยการนำเสนอบริการโครงสร้างพื้นฐานในระบบดิจิทัลของซุปเปอร์แนป ด้วยประสบการณ์ระดับสากลและความรู้ของคนในประเทศ เพื่อสนับสนุนภาครัฐบาลในการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้เร็วยิ่งขึ้นและปรับขยายได้ตามความต้องการ” คุณสุนิตากล่าวเสริม

ศูนย์ข้อมูล ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ได้รับการออกแบบในลักษณะโมดูลาร์และพร้อมรองรับการขยายศักยภาพ ด้วยการขยายศูนย์ข้อมูลเพิ่มเติมอีก 2 อาคาร ที่สามารถให้บริการพลังงานถึง 60 เมกะวัตต์และพื้นที่รองรับได้มากกว่า 5,000 ตู้ รวมถึงการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ ที่ได้รับการสนับสนุนจากการออกแบบชั้นนำ ซึ่งช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของรัฐบาลสามารถเติบโตไปพร้อมกับความต้องการ

นอกจากนี้ ศูนย์ข้อมูลอันล้ำสมัยของซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ยังเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายไฟเบอร์จากผู้ให้บริการโครงข่ายหลายรายแบบแยกสายและการันตีความเสถียรด้วยระบบ Redundancy สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ให้ความมั่นใจได้สูงสุดในทุกสถานการณ์

ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญ เพราะการโฮสต์เซิร์ฟเวอร์ที่ศูนย์ข้อมูลของ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ที่สร้างขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจง ทำให้มีข้อได้เปรียบมากมายซึ่งรวมถึงเรื่องความยั่งยืน เนื่องจากนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงานและระบบควบคุมอุณหภูมิของ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) ช่วยให้บริษัทกลายเป็นศูนย์ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดที่ให้ความยั่งยืนด้วยการออกแบบ ซึ่งพร้อมรองรับการใช้พลังงานความหนาแน่นสูงถึง 33 กิโลวัตต์ต่อตู้ และมีค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (PUE) ต่อปีที่ 1.35-1.45 โดยเป็นระดับที่ให้ประสิทธิภาพมากกว่าศูนย์ข้อมูลอื่น ๆ ในภาคพื้นอาเซียน

คุณสมบัตินี้จะช่วยให้หน่วยงานของรัฐสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนระดับโลกสู่พลังงานสะอาด

โครงสร้างพื้นฐานและโซลูชั่นของ ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) จึงช่วยให้รัฐบาลไทยจะสามารถบรรลุมาตรฐานสากลสูงสุดสำหรับศูนย์ข้อมูลและบริการคลาวด์ และตอกย้ำสถานะและชื่อเสียงของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางดิจิทัลและเทคโนโลยีระดับโลก ที่มีความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ และความเป็นเลิศ

กองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ในฐานะ ICO Portal (Initial Coin Offering Portal) ที่ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หนึ่งใน ICO Portal รายแรก ๆ ในประเทศไทย กล่าวถึงความน่าสนใจของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบใหม่ของ 2 วงการธุรกิจว่า “โทเคนดิจิทัลสามารถกำหนดรูปแบบผลตอบแทน ทั้งการได้เป็นผู้ร่วมลงทุน ในรูปแบบโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) หรือจะเป็นโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ (Utility Token) ที่กำหนดสิทธิให้ผู้ถือโทเคนได้รับสิทธิในสินค้าและบริการต่างๆ ตามที่กำหนดไว้ เป็นสิ่งที่ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจว่ากำลังลงทุนในอะไร มีสิทธิอะไรบ้าง และมีผลตอบแทนที่ชัดเจนอย่างไร ล่าสุดทางเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ได้รับความไว้วางใจจาก “SHARGE” ผู้ให้บริการ EV Charging Ecosystem เตรียมออกโทเคนดิจิทัลพร้อมใช้ หรือ Ready-to-Use Utility Token” ที่พร้อมเปิดตัวปลายไตรมาส 3 ของปีนี้ การลงทุนของโทเคนดิจิทัลที่จะเปลี่ยนเป็น Loyalty Program มาพร้อมส่วนลดและ Privilege อื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างฐานกลุ่มลูกค้าในตลาดและโอกาสการเติบโตในอนาคต เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จะช่วยกลั่นกรองการออกผลิตภัณฑ์และนำเสนอนวัตกรรมที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงอย่างสะดวกและง่ายดายซึ่งอยู่ในรูปแบบของ Utility Token ภายใต้ Ecosystem ของโลกดิจิทัล”

นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) เปิดเผยว่า “ชาร์จ แมเนจเม้นท์   มีแผนการเติบโตอย่างก้าวกระโดดภายในระยะเวลา 5 ปี โดยปักหมุดการเป็นผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจรด้วยเป้าหมายยอดขาย 3,000 ล้านบาท พร้อมโรดแมปธุรกิจ “LIFESTYLE CHARGING ECOSYSTEM NIGHT, DAY, ON-THE-GO” ด้วยจุดแข็งทางธุรกิจของชาร์จ อาทิ การใช้อุปกรณ์นำเข้ามาตรฐานยุโรป ปลอดภัยต่อการใช้ไฟฟ้าแรงสูง มีทีมบริการหลังการขายมืออาชีพดูแลทั่วประเทศ การเข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ด้วยแอปพลิเคชัน SHARGE รองรับการค้นหา-จองสถานีชาร์จและจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันอย่างง่ายดาย รวมถึงการจับมือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค่ายรถยนต์ ศูนย์การค้า และธุรกิจพลังงาน ในการสร้าง Ecosystem ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการใช้งานทั้งกลุ่มชาร์จตามบ้าน ชาร์จที่จุดหมายปลายทาง และชาร์จตามสถานี ในสัดส่วนของลูกค้า SHARGE เองนั้น จะมีทั้งในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ ที่ต้องการกระตุ้นให้คนซื้อรถ EV เพิ่มมากขึ้นแต่ยังมีข้อกังวลเรื่องจุดให้บริการ หรือกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีไว้ให้บริการลูกค้า และรายย่อยคือกลุ่มบุคคลทั่วไป ภายในครึ่งปี 64 ที่ผ่านมาทางบริษัทฯ ได้เร่งเพิ่มหัวจ่ายได้มากขึ้นถึง 300 หัวจ่าย สามารถรองรับการให้บริการชาร์จรถ EV ได้มากถึง 1,000 คัน และภายในปี 65 เราตั้งเป้ามากกว่า 40 สถานีเพื่อรองรับตลาดรถยนต์แบตเตอรี่ 100% ที่ต้องการชาร์จเร็วพิเศษ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกันเราเล็งเห็นความสำคัญของ Loyalty Program ที่ในตลาดคู่แข่งเองยังไม่มี บริษัทฯ จึงเล็งเห็นโอกาสการระดมทุนในรูปแบบ Utility Token โดยได้จับมือกับ เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล เปิดตัว Ready-to-Use Utility Token” โทเคนดิจิทัลพร้อมใช้ ที่จะเปลี่ยนเป็น Loyalty Program ชาร์จรถไฟฟ้าพร้อมส่วนลดค่าไฟ รวมถึง Privilege อื่นๆ จาก Ecosystem ในอนาคต เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตของ SHARGE ตามแผนธุรกิจ 5 ปี ในการก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งผู้ให้บริการธุรกิจชาร์จรถ EV ครบวงจร”

นายปิ่นปราชญ์ จักกะพาก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด (ERX) เป็นบริษัทในเครือของบริษัท เอเลเวตเท็ด รีเทิร์นส์ (Elevated Return : ER) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัลจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในการเป็น “แพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)” ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)  กล่าวว่า “ERX ดำเนินงานโดยคณะผู้บริหารทุกท่านซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในธุรกิจตลาดทุนของประเทศไทยและสากลมายาวนาน นักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่า ERX เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้บริษัทฯ เป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลรายแรกและรายเดียวที่มุ่งเน้นเฉพาะการซื้อขายโทเคนดิจิทัลที่มีการอ้างอิงกับสินทรัพย์การลงทุนที่จับต้องได้ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่พัฒนาโดยเทโซส (Tezos) เนื่องจากมองว่าทำให้ง่ายต่อการเข้าใจของผู้ลงทุนทั่วไป อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยและการคุ้มครองผู้ลงทุนที่เป็นมาตรฐานสากล และยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ XSpring Digital ซึ่งเป็น ICO Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. เมื่อพิจารณาถึงความพร้อมในด้านต่างๆ แล้ว เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านการซื้อขายที่ ERX จะได้รับความนิยมในหมู่นักลงทุนรุ่นใหม่มากขึ้นอย่างแน่นอน”

นายอัฏฐ์ กล่าวปิดท้ายว่า “นับเป็นการรุกเดินหน้าธุรกิจของเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ที่ได้รับความไว้วางใจจาก SHARGE เพื่อศึกษาการออกสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อรองรับแผนการรุกธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้ “XSpring Digital” ในฐานะหนึ่งใน ICO Portal (Initial Coin Offering Portal) รายแรก ๆ ในประเทศไทยที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ในการดำเนินธุรกิจ Digital Financial Service ในด้าน “การให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล” แก่นักลงทุน รวมถึงความร่วมมือจาก ERX หรือ “บริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด” ซึ่งเป็น “ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange)” ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เชื่อมั่นว่าจะได้รับความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ ซึ่งนับว่า XSpring Digital จะเป็นผู้นำในการสร้างต้นแบบการสร้างความหลากหลายใน Digital Financial Service และพัฒนา Ecosystem ในโลกการเงินดิจิทัลที่ทำให้เกิดขึ้นได้จริง และสามารถรองรับการลงทุนในธุรกิจได้หลากหลายอุตสาหกรรม”

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง หรือ ทช. ร่วมกับ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.

กระทรวงอุตสาหกรรม โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม บูรณาการความร่วมมือ กับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดโครงการอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

X

Right Click

No right click