นวัตกรรมใหม่ครอบคลุมระบบเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย และแอปพลิเคชัน สอดรับกับกลยุทธ์ของซิสโก้ ช่วยให้ลูกค้ารับมือกับความท้าทายด้านเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด

 

 

ซิสโก้ (CSCO) ผู้นำด้านระบบเครือข่ายและความปลอดภัยระดับองค์กรได้เปิดตัวเทคโนโลยีและความก้าวหน้าในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ของระบบเครือข่าย ระบบรักษาความปลอดภัย และแอปพลิเคชัน พร้อมกันนี้ ซิสโก้ได้เผยวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการนำเสนอประสบการณ์แบบครบวงจรที่เรียบง่ายมากขึ้นสำหรับลูกค้าและคู่ค้า โดยครอบคลุมกลุ่มผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของซิสโก้

ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นนับเป็นองค์ประกอบหลักที่สำคัญของอนาคตเกือบทุกองค์กร และด้วยเหตุนี้ เครือข่ายที่ปลอดภัยจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นสำหรับองค์กรยุคใหม่ ผู้บริหารของซิสโก้ รวมถึง ชัค ร็อบบินส์ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอของซิสโก้ ขึ้นกล่าวบรรยายบนเวทีในงานเพื่อบอกเล่าเกี่ยวกับโซลูชั่นใหม่ๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความปลอดภัยให้แก่คู่ค้าและลูกค้า เพื่อให้สามารถรับมือกับอนาคตที่มีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว

 

ชัค ร็อบบินส์ ประธานกรรมการและซีอีโอของซิสโก้ กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่จะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับนวัตกรรมที่ก้าวล้ำ และความสามารถใหม่ๆ ของพอร์ตโฟลิโอของซิสโก้ให้กับลูกค้าของเราที่งาน Cisco Live เราเชื่อว่ามีโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่รอเราอยู่ในอนาคตเพราะเราได้ช่วยลูกค้าแก้ปัญหาและจัดการความท้าทายทางธุรกิจที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย การเชื่อมต่อ แอปพลิเคชัน หรือความยั่งยืน ซิสโก้คือพันธมิตรที่มีความพร้อมในการช่วยให้ลูกค้าทรานส์ฟอร์ม และนำไปใช้ พวกเราพร้อมที่จะนำเสนอทุกสิ่งที่ทีมงานร่วมกันพัฒนา ตลอดจนวิสัยทัศน์ของพอร์ตโฟลิโอของซิสโก้ เพราะเราทำทุกอย่างให้ง่ายขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และยั่งยืนมากกว่าเดิม”

วิช ไอเยอร์ รองประธานฝ่ายสถาปัตยกรรมของซิสโก้ ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ญี่ปุ่น และจีนแผ่นดินใหญ่ กล่าวว่า “สภาพแวดล้อมดิจิทัลในปัจจุบันมีการทรานส์ฟอร์มอย่างต่อเนื่อง และรวดเร็ว องค์กรธุรกิจต่างๆ จึงต้องการโซลูชั่นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง เป็นนวัตกรรมใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและปลอดภัย เพื่อให้งานเหล่านี้เป็นไปอย่างราบรื่น ผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอที และนักพัฒนาได้ให้ความสำคัญถึงวิธีที่ง่ายและรวมศูนย์ในการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่กำลังขยายตัวและพัฒนาอย่างรวดเร็ว เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะได้นำเสนอเทคโนโลยีใหม่และความก้าวหน้าของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้แก่ลูกค้าและคู่ค้าของเราในภูมิภาคนี้ และช่วยให้พวกเขาเติบโตบนเส้นทางดิจิทัลด้วยประสบการณ์ที่ครบวงจรในรูปแบบใหม่เพื่อรับมือกับความท้าทาย และความซับซ้อนต่างๆ ได้มากขึ้น”

นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ของซิสโก้เพื่อรับมือกับความท้าทายที่สำคัญของลูกค้า

รายงาน State of Global Innovation ของซิสโก้ พบว่า 85% ของบุคลากรฝ่ายไอทีให้ความสำคัญกับความเรียบง่ายของระบบไอทีในองค์กร เทคโนโลยีใหม่ที่เปิดตัวที่งาน Cisco Live ปีนี้ตอกย้ำความมุ่งมั่นของซิสโก้ในการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานให้ง่ายขึ้น และช่วยขับเคลื่อนอนาคตของทุกคน โดยเทคโนโลยีที่เปิดตัวในวันนี้ได้แก่:

วิสัยทัศน์สำหรับ Cisco Networking Cloud 

ซิสโก้มุ่งมั่นที่จะลดความยุ่งยากซับซ้อนของระบบไอที โดยบริษัทฯ ได้ประกาศวิสัยทัศน์สำหรับ Cisco Networking Cloud ซึ่งเป็นประสบการณ์ด้านแพลตฟอร์มการจัดการแบบบูรณาการสำหรับโมเดลการจัดการคลาวด์ทั้งภายในและภายนอกองค์กร

ประสบการณ์ด้านไอทีที่เรียบง่ายจะส่งผลดีต่อการสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า การดึงดูดพนักงาน และการสร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่ง ซิสโก้ตระหนักถึงปัญหาเรื่องระบบที่แยกเป็นส่วนๆ ไม่ต่อเนื่องกัน ขาดการตรวจสอบอย่างทั่วถึง ปัญหาภัยคุกคามด้านความปลอดภัย และการบูรณาการระบบที่ยุ่งยาก ต้องใช้เวลานาน ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่า นอกจากนี้ ซิสโก้ยังเข้าใจดีว่าการพัฒนาไปสู่ความเรียบง่ายขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น เป้าหมายทางธุรกิจของผู้ให้บริการแต่ละราย ความจำเป็นด้านฟังก์ชั่นการทำงาน และรูปแบบการใช้งานที่ลูกค้าต้องการ ไม่ว่ากรณีการใช้งานนั้นๆ จะต้องอาศัยระบบที่ติดตั้งภายในองค์กร ระบบที่รองรับคลาวด์ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวข้อง ซิสโก้ก็พร้อมตอบสนองทุกความต้องการด้านไอทีในทุกๆ ที่

ภายใต้แผนการพัฒนาสู่ความเรียบง่าย ซิสโก้ได้ทำงานอย่างจริงจังเพื่อสร้างประสบการณ์ด้านแพลตฟอร์มการจัดการเครือข่ายที่ง่ายขึ้น เพื่อช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงได้โดยง่าย และใช้หลายๆ แพล็ตฟอร์มในการจัดการผลิตภัณฑ์เครือข่ายของซิสโก้ทั้งหมดจากที่เดียว Cisco Networking Cloud นำเสนอระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยคลาวด์ ข้อมูลเชิงลึกที่หลากหลายเกี่ยวกับเครือข่าย และนวัตกรรมผ่านอีโคซิสเต็มส์ของพันธมิตร ซึ่งจะช่วยเร่งการส่งมอบประสบการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียว และขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจที่สามารถวัดผลได้

นวัตกรรมที่นำเสนอในงาน Cisco Live ประกอบด้วยอินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่มีการเข้าถึงแบบ Single Sign-On (SSO), API Key Exchange/Repository, การทำ navigation ข้ามแพลตฟอร์ม, การรับรองเครือข่ายที่กว้างมาก

ขึ้นด้วย Cisco ThousandEyes, การตรวจสอบระบบคลาวด์สำหรับอุปกรณ์ Catalyst, โซลูชั่นเครือข่ายพลังงานที่ยั่งยืนสำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ และอื่นๆ

นอกจากนี้ ซิสโก้ยังลดความซับซ้อนของธุรกิจเพื่อให้ลูกค้าทำงานได้ง่ายขึ้น ด้วยสแต็กสวิตช์ Cisco Catalyst ที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ช่วยปรับปรุงการตรวจสอบประสิทธิภาพและการใช้พลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ และยังมี blueprint ใหม่สำหรับ AI ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและความสามารถในการตรวจสอบสำหรับผู้ให้บริการเครือข่าย

นวัตกรรม Security Cloud ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

ซิสโก้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในการนำเสนอ Cisco Security Cloud ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อลดความยุ่งยากซับซ้อนของการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ และช่วยให้ผู้คนสามารถทำงานได้ดีที่สุดจากทุกที่ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยคุกคามที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น

การเปิดตัว Cisco Secure Access ซึ่งเป็นโซลูชั่น Secure Service Edge (SSE) ใหม่ล่าสุด เพื่อช่วยประสบการณ์การทำงานแบบไฮบริดที่เหนือกว่า และทำให้การเข้าถึงสามารถทำได้จากทุกที่ ทุกอุปกรณ์ และทุกแอปพลิเคชันง่ายขึ้นอย่างมาก

จุดเด่นของ Cisco Secure Access ได้แก่:

· Common Access Experience: มอบวิธีการที่ง่ายในการเข้าถึงแอปพลิเคชันและทรัพยากรทั้งหมด (ไม่ใช่เพียงบางส่วน) โดยควบคุมการรับส่งข้อมูลอย่างชาญฉลาดและปลอดภัยไปยังปลายทางส่วนตัวและสาธารณะโดยไม่มีการแทรกแซงของผู้ใช้งานปลายทาง

· Single, Cloud-Managed Console: ลดความซับซ้อนของการดำเนินงานด้านความปลอดภัยโดยการรวมฟังก์ชันต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันในโซลูชันเดียวที่ใช้งานง่ายซึ่งป้องกันการรับส่งข้อมูลทั้งหมด โดยแทนที่จะต้องจัดการชุดเครื่องมือจำนวนมาก ผู้ดูแลระบบและนักวิเคราะห์สามารถไปที่เดียวเพื่อดูการรับส่งข้อมูลทั้งหมด กำหนดนโยบายทั้งหมด และวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพ การลดต้นทุน และสภาพแวดล้อมด้านไอทีที่ยืดหยุ่น

· การตรวจจับและการตอบสนองที่รวดเร็ว: จัดให้มีการวิเคราะห์เพื่อเร่งความเร็วในการสืบสวน และได้รับการสนับสนุนจาก ซิสโก้ ทาลอส (Cisco Talos) เครือข่ายข่าวกรองภัยคุกคามเชิงพาณิชย์ที่มีฐานข้อมูลใหญ่ที่สุดด้วยระบบ Threat Intelligence ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อตรวจจับและบล็อกภัยคุกคามเพิ่มเติม

ในส่วนของวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ ซิสโก้ยังได้สาธิตความสามารถของ Generative AI ของ Cisco Security Cloud ซึ่งจะช่วยให้นักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยสามารถตรวจจับ และแก้ไขภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งจัดการนโยบายในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยอย่างเหมาะสม

ซิสโก้บรรลุความก้าวหน้าในการพัฒนาแพลตฟอร์ม Security Cloud ด้วยการเปิดตัว Cisco Multicloud Defense, อุปกรณ์ Cisco Secure Firewall 4200 Series และซอฟต์แวร์ 7.4 รวมถึงการปรับปรุงความปลอดภัยของแอปพลิเคชันคลาวด์เนทีฟในพาโนปติกา (Panoptica) นวัตกรรมล่าสุดของซิสโก้ทั้งหมดจะช่วยปกป้องโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮบริดและมัลติคลาวด์ พร้อมทั้งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้แก่ผู้ใช้งาน

เปิดตัว Cisco Full-Stack Observability Platform เพื่อขับเคลื่อนองค์กรดิจิทัลที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น

ซิสโก้เปิดตัว Full Stack Observability (FSO) Platform โซลูชั่นที่สามารถใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีของทุกบริษัท ทำหน้าที่ควบคุมผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของซิสโก้ และถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการเร่งปรับใช้กลยุทธ์ FSO ของซิสโก้ ด้วยการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกตามบริบทที่สัมพันธ์กัน และคาดการณ์ได้ ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและเพิ่มประสบการณ์ที่ดี ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงทางธุรกิจให้น้อยที่สุด

โซลูชั่นระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมนี้จะช่วยให้เกิดอีโคซิสเต็มส์สำหรับการตรวจสอบ ซึ่งนำเอาข้อมูลมาจากหลายส่วนเข้าด้วยกัน รวมถึง แอปพลิเคชัน เครือข่าย โครงสร้างพื้นฐาน การรักษาความปลอดภัย คลาวด์ ความยั่งยืน และข้อมูลธุรกิจ

FSO Platform ของซิสโก้มุ่งเน้นไปที่ OpenTelemetry และยึดอยู่กับ Metrics, Events, Logs และ Traces (MELT) ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล MELT ที่สร้างจากแหล่งที่มาต่างๆ ได้อย่างราบรื่น Cisco FSO Platform ได้รับการออกแบบให้เป็นแพลตฟอร์มแบบครบวงจรที่รองรับการต่อขยาย ช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างโซลูชั่น observability ได้ด้วยตนเอง และเพิ่มศักยภาพให้กับอีโคซิสเต็มส์ของลูกค้าและคู่ค้า

โซลูชั่นชั้นนำที่นำเสนอบน Cisco FSO Platform คือ Cloud Native Application Observability ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าบรรลุผลลัพธ์ทางธุรกิจ ตัดสินใจเกี่ยวกับประสบการณ์ดิจิทัลได้อย่างถูกต้อง ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้ใช้ จัดลำดับความสำคัญและลดความเสี่ยง พร้อมทั้งปกป้องเวิร์กโหลดให้ปลอดภัย นอกเหนือไปจาก Cloud Native Application Observability แล้ว โมดูลชุดแรกบน FSO Platform ของซิสโก้ประกอบไปด้วย Cost Insights, Application Resource Optimizer, Security Insights และ Cisco AIOps

ซิสโก้ร่วมมือกับพันธมิตรหลายราย รวมถึง CloudFabrix, Evolutio และ Kanari เพื่อพัฒนาและสร้างรายได้จากอีโคซิสเต็มส์ของโซลูชั่นที่หลากหลายสำหรับ Cisco FSO Platform ที่รองรับการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ที่มีประโยชน์ และสร้างมูลค่าให้แก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบ Telemetry ที่สามารถตรวจสอบได้

ซิสโก้ประกาศวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีที่จะช่วยให้ทีมงานฝ่ายไอทีทำงานได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น พร้อมทั้งลดความยุ่งยากซับซ้อนในการดำเนินงานด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ด้านระบบเครือข่ายที่จัดการผ่านระบบคลาวด์ และประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีแบบครบวงจร

 

 

ซิสโก้ ผู้นำด้านระบบเครือข่ายและระบบรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กร เปิดเผยการวางแผนแพลตฟอร์มคลาวด์ระดับโลกที่เชื่อมต่อองค์กรทุกขนาด ทุกรูปแบบอย่างปลอดภัย โดยซิสโก้กำลังออกแบบ Cisco Security Cloud ให้เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างที่สุดในอุตสาหกรรม ทำหน้าที่ปกป้องอีโคซิสเต็มส์ของไอทีทั้งหมดโดยไม่ต้องล็อกอินพับลิคคลาวด์

 

ซิสโก้เปิดตัว “เครื่องมือสำหรับการประเมินผลไซเบอร์ซีเคียวริตี้” เพื่อช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีในไทยมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับสถานะความปลอดภัยโดยรวมขององค์กร โดยไซเบอร์ซีเคียวริตี้เป็นหนึ่งในโฟกัสที่สำคัญสำหรับองค์กรต่าง ๆ ที่มีรูปแบบการทำงานไฮบริด เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยจากทุกที่ผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลาย การทำงานรูปแบบใหม่นี้ส่งผลให้เกิดช่องทางการโจมตีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ก็เพิ่มสูงขึ้น เพราะอยู่นอกขอบเขตเครือข่ายที่องค์กรสร้างขึ้นเพื่อปกป้องธุรกิจของตนเอง 

เครื่องมือใหม่สำหรับการประเมินผลออนไลน์นี้จะทำหน้าที่ประเมิน “ความพร้อมด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้” ของแต่ละองค์กรผ่านกลยุทธ์ “Zero Trust” ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่มีการอนุญาตให้เข้าถึงสถาปัตยกรรมเครือข่ายขององค์กรในทุกกรณีจนกว่าจะผ่านการตรวจสอบความน่าเชื่อถือ กล่าวคือ เมื่อผู้ใช้เข้าถึงแอปพลิเคชันโดยใช้อุปกรณ์ ทั้งผู้ใช้และอุปกรณ์ก็จะถูกตรวจสอบ โดยการตรวจสอบความน่าเชื่อถือจะดำเนินการอย่างต่อเนื่อง  วิธีนี้ช่วยปกป้องแอปพลิเคชันและสภาพแวดล้อมขององค์กรให้ปลอดภัยจากผู้ใช้ อุปกรณ์ และตำแหน่งที่ตั้งใดๆ ก็ตาม 

เครื่องมือดังกล่าวจะประเมินระดับความพร้อมขององค์กรใน 6 ด้านตามแนวทางของ Zero Trust ซึ่งได้แก่ ผู้ใช้และการระบุอัตลักษณ์, อุปกรณ์, เครือข่าย, เวิร์กโหลด (แอปพลิเคชัน), ข้อมูล และการดำเนินการด้านความปลอดภัย  หลังจากที่องค์กรป้อนข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับความสามารถและนโยบายด้านการรักษาความปลอดภัยขององค์กร เครื่องมือนี้ก็จะประเมินสถานะความปลอดภัยโดยรวมขององค์กร โดยอ้างอิงเบนช์มาร์กของอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ 

เครื่องมือดังกล่าวจะสร้างรายงานเฉพาะสำหรับแต่ละองค์กร พร้อมทั้งระบุระดับความพร้อม ความท้าทาย และโอกาสในด้านต่าง ๆ ทั้ง 6 ด้านตามแนวทาง Zero Trust  และในกรณีที่จำเป็น ก็จะแนะนำเทคโนโลยีและโซลูชั่นที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างสถานะความปลอดภัยโดยรวมและความพร้อมขององค์กรในการทำงานแบบไฮบริด 

อย่างไรก็ดีพบว่าธุรกิจเอสเอ็มอีในไทยมีความรู้มากขึ้นเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ในปัจจุบัน และมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นเพื่อปรับปรุงความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ความเสี่ยงจากภัยไซเบอร์  รายงานผลการศึกษาของซิสโก้เกี่ยวกับไซเบอร์ซีเคียวริตี้สำหรับเอสเอ็มอี: การเตรียมความพร้อมขององค์กรธุรกิจในเอเชีย-แปซิฟิกสำหรับการป้องกันภัยทางดิจิทัล (Cybersecurity for SMBs: Asia Pacific Businesses Prepare for Digital Defense) ระบุว่า ในปัจจุบัน กว่าสามในสี่ (76%) ของเอสเอ็มอีในไทยมีความกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับไซเบอร์ซีเคียวริตี้ เมื่อเทียบกับ 12 เดือนที่แล้ว 

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังเผยว่า สองในสาม (65%) ของเอสเอ็มอีในไทยพบเจอภัยคุกคามทางไซเบอร์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และราวครึ่งหนึ่ง (46%) ระบุว่าภัยคุกคามทางไซเบอร์ดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อธุรกิจคิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเพราะว่าโซลูชั่นไซเบอร์ซีเคียวริตี้ที่ใช้อยู่ไม่เพียงพอที่จะตรวจจับหรือป้องกันการโจมตี  และการโจมตีเหล่านี้ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดต่อเอสเอ็มอี เช่น ทำให้การดำเนินงานหยุดชะงัก และ สูญเสียรายได้ รวมถึงทำลายชื่อเสียงขององค์กร 

ขณะที่หลาย ๆ องค์กรต้องปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบการทำงานไฮบริด เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาด ส่งผลให้มีพนักงานจำนวนมากที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายขององค์กรและเข้าถึงข้อมูลจากภายนอกสำนักงาน โดยที่หลาย ๆ คนใช้อุปกรณ์ส่วนตัวในการดำเนินการดังกล่าว เอสเอ็มอีไทยที่ตอบแบบสอบถามสำหรับการศึกษานี้ระบุถึงภัยคุกคามที่สำคัญที่สุดต่อสถานะความปลอดภัยโดยรวมขององค์กร ซึ่งได้แก่ แล็ปท็อปที่ไม่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม การโจมตีแบบเจาะจงเป้าหมาย และการใช้อุปกรณ์ส่วนตัว 

นายทวีวัฒน์ จันทรเสโน กรรมการผู้จัดการ ซิสโก้ ประเทศไทย กล่าวว่า “การปรับใช้เทคโนโลยีอย่างกว้างขวางหมายถึงความเสี่ยงด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจเอสเอ็มอีของไทยเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล เพื่อนำเสนอแอปพลิเคชันและนวัตกรรมใหม่ๆ สำหรับการทำงานแบบไฮบริด ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าองค์กรได้รับการปกป้องอย่างรอบด้านเช่นกัน” 

“สำหรับขั้นตอนแรกของการปรับใช้แนวทางนี้ เอสเอ็มอีสามารถใช้เครื่องมือออนไลน์ของซิสโก้ในการประเมินความพร้อม โดยเครื่องมือดังกล่าวจะช่วยให้องค์กรธุรกิจมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความพร้อมด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ขององค์กร รวมถึงโอกาสและปัญหาช่องว่างที่จะต้องแก้ไข ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับระบบรักษาความปลอดภัยได้ดีขึ้น” 

ลิงก์ไปยังเครื่องมือสำหรับการประเมิน: www.cisco.com/go/ztat

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cisco.com/c/en_sg/products/security/cybersecurity-for-smbs-in-asia-pacific

นวัตกรรมที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ท้าทายมักจะนำไปสู่ความก้าวหน้าครั้งสำคัญ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นและการปรับใช้เทคโนโลยีดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

Page 2 of 3
X

Right Click

No right click