×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6855

 เอ้ก ดิจิทัล ส่งธุรกิจแพลตฟอร์ม ดิจิทัล และมีเดียโซลูชัน ช่วยผู้ประกอบการ ทรานส์ฟอร์ม ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยดาต้าและ Deep Tech เพิ่มความแม่นยำ ตอบโจทย์ และแก้ปัญหาทางธุรกิจได้ อย่างตรงจุดตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เน้นให้บริการแบบ End-to-End เผยพร้อมช่วยธุรกิจทุกขนาดเพิ่มศักยภาพด้านการตลาดและ CRM ด้วยการเชื่อมต่อธุรกิจกับผู้บริโภคยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มยอดขายให้เติบโตแข็งแกร่ง เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม โชว์ความสำเร็จครึ่งปีแรก 2566 โกยรายได้ 500 ล้านบาท คว้าลูกค้าใหม่ใน หลายอุตสาหกรรม ทั้งการเงิน โปรเจกต์ของหน่วยงานภาครัฐ โรงพยาบาล รวมถึงธุรกิจ SMB และ SME พร้อมประกาศแผนโค้งสุดท้ายของปี ลุยขยายฐานลูกค้าทุกบริการ ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท พัฒนาแพลตฟอร์มให้ทันสมัยขึ้นและเสริมแกร่งระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลลูกค้า ตั้งเป้าปี 2566 มีรายได้เติบโต 20%

 

นางสาวรัฐธีร์ เจริญรัตน์วรกุล ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจแพลตฟอร์มและมีเดียโซลูชัน บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “เมื่อโลกธุรกิจมุ่งหน้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มรูปแบบ การทำการตลาดและการใช้สื่อจึงต้องอาศัย ดาต้า แพลตฟอร์ม และดิจิทัลโซลูชันเข้ามาช่วยเสริมแกร่งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทุกมิติ ธุรกิจแพลตฟอร์มและมีเดียโซลูชัน หนึ่งในธุรกิจหลักของ เอ้ก ดิจิทัล จึงนำจุดแข็งด้านการวิเคราะห์ดาต้าระดับโลกมาผสานการทำงานกับบริการด้านแพลตฟอร์มและดิจิทัลโซลูชันหลากหลายรูปแบบ เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยผลักดันธุรกิจทุกขนาดและทุกอุตสาหกรรมให้เปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้น พัฒนาศักยภาพทางธุรกิจให้สามารถรับมือกับความท้าทายได้รอบด้าน ผลักดันทุกองค์กรไปสู่เป้าหมาย และช่วยเชื่อมต่อธุรกิจกับผู้บริโภคในยุคนี้ โดยจุดเด่นที่ทำให้บริการด้านแพลตฟอร์มและดิจิทัลโซลูชันตอบโจทย์ทางธุรกิจของลูกค้าได้อย่างหลากหลาย คือ 1. ขับเคลื่อนด้วยดาต้า AI และ Machine Learning ทำให้วิเคราะห์และพยากรณ์อินไซต์ได้อย่างแม่นยำ 2. มีความเข้าใจลูกค้าและมีเดียอย่างลึกซึ้ง และนำมาปรับใช้ในการวางกลยุทธ์และแผนต่าง ๆ รวมถึงสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ตรงจุด 3. Customize สามารถนำเสนอ หรือออกแบบแพลตฟอร์มและโซลูชันที่เหมาะกับแต่ละธุรกิจ 4. บริการแบบ End-to-end service ตั้งแต่วัดผลก่อนดำเนินการ วิเคราะห์ดาต้า วางกลยุทธ์ หรือการใช้สื่อ สร้างสรรค์คอนเทนต์ไปจนถึงวัดผลของงาน 5. มีทีมงานที่มี ความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน”

บริการหลักของธุรกิจแพลตฟอร์มและมีเดียโซลูชัน มีดังนี้ 1. LINE Solution: ให้บริการโซลูชัน LINE ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น LINE OA, LINE Ads, LINE API และ LON เพื่อการเข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ 2. Online Marketing: ให้บริการคำปรึกษาและวางแผนการทำการตลาดผ่านมีเดียแพลตฟอร์มหลายรูปแบบ เช่น Google, Facebook, LINE, TikTok, Twitter, Programmatic Ads และ Marketplace โดยมีบริการครอบคลุมทั้งด้าน Creative content, Social Commerce Live, Influencers และ Performance Ads รวมถึง Media Recommendation ผ่านการวิเคราะห์ด้วยดาต้า เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจลูกค้าในด้านการเติบโตและการขยายธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรม เช่น อี-คอมเมิร์ซ, ธุรกิจการเงิน และบันเทิง. 3. CRM/BI Platform: ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อ-ขาย สะสมและแลกคะแนนแบบครบอีโคซิสเต็ม เพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่และรักษาลูกค้าเก่า ครอบคลุมทั้งระบบ Loyalty Program, SMS และ LINE CRM รวมถึงการดูแลด้าน Privilege ครบวงจร ผ่านแพลตฟอร์มจัดการข้อมูลที่

ปลอดภัยภายใต้ PDPA พร้อมฟีเจอร์ที่สนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ 4. Analytics SMS Platform: บริการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการสื่อสารผ่าน SMS พยากรณ์แนวโน้มและพฤติกรรมของผู้รับ เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการตลาดและการสื่อสาร

ธุรกิจแพลตฟอร์มและมีเดียโซลูชันได้เข้าไปช่วยสนับสนุนลูกค้าหลากหลายธุรกิจรวมกว่า 300 แบรนด์ ครอบคลุมทั้งธุรกิจรีเทล การเงิน ประกันภัย FMCG Healthcare รวมถึงกลุ่มธุรกิจขนาดกลาง (SMB) และ SMEs โดยสามารถเข้าไปเพิ่มประสิทธิภาพ การดำเนินงานให้กับธุรกิจและแบรนด์ของลูกค้าในหลากหลายด้าน เช่น นำ LINE Solution เข้าไปวิเคราะห์ Pain point และพฤติกรรมผู้ใช้งาน วางแผนการสื่อสาร รวมถึงสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของสมาชิกใน Line Official โรงพยาบาลชั้นนำของไทย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วม ลดอัตราการบล็อก และเพิ่มจำนวนเพื่อนในไลน์ โดยสามารถลดการบล็อกได้ถึง 17% และเพิ่มจำนวนเพื่อนได้มากขึ้น 10% สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 บริษัทฯ สามารถคว้าลูกค้าใหม่มาได้ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจการเงิน โปรเจกต์ของหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงธุรกิจ SMB และ SME พร้อมกวาดรายไปได้ถึง 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565

“บริการด้านแพลตฟอร์มและดิจิทัลโซลูชัน เป็นเสมือนเฟรมเวิร์คที่นำไปเชื่อมต่อระหว่างดาต้า บริการ และแพลตฟอร์มของลูกค้าองค์กรกับกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย เพื่อแก้ Pain point พร้อมยกระดับบริการ หรือผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้มีศักยภาพมากขึ้น รวมถึงสามารถวางกลยุทธ์ Cross-selling และ Up-selling แผนการตลาด การจัดกิจกรรม CRM หรือการโฆษณาที่สมบูรณ์แบบและตอบโจทย์ลูกค้าอย่างตรงจุด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสเกลอัพธุรกิจให้เติบโต เสริมความแข็งแกร่งแบรนด์ รวมไปถึงสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภค โดยในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ บริษัทเดินหน้ารุกตลาดเต็มสูบ นำบริการของเราเข้าไปรองรับความต้องการใช้งานแพลตฟอร์มการตลาด ดิจิทัลโซลูชัน และโซเชียลมีเดีย เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่ ๆ และรักษาฐานลูกค้าเดิม รวมถึงทุ่มงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท พัฒนาแพลตฟอร์ม SMS Analytics รูปแบบใหม่และยกระดับระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูลลูกค้า โดยตั้งเป้าปี 2566 มีรายได้เติบโตประมาณ 20% จากปีก่อน”

งานเปิดตัว Telehouse ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นำโดย ฯพณฯ นายคะสุยะ นะชิดะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย (กลาง) คุณซ่อนกลิ่น พลอยมี รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (3 จากขวา) คุณเคน มิยาชิตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ขวา) และ คุณเคอิจิ โมริ รองกรรมการผู้จัดการและกรรมการ บริษัท เค ดี ดี ไอ คอร์เปอร์เรชัน (3 จากซ้าย)

กรุงเทพฯ ประเทศไทย – 19 พฤษภาคม 2566 - Telehouse หนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก เปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยแล้ววันนี้ โดยตั้งอยู่ที่ถนนพระราม 9 ในกรุงเทพฯ ด้วยเงินลงทุน 74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 2.5 พันล้านบาท โดยดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ มุ่งที่จะเป็นศูนย์รวมในการเชื่อมต่อภายในภูมิภาคและทั่วโลก และยังเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%

งานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ นายคะสุยะ นะชิดะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย คุณซ่อนกลิ่น พลอยมี รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจมากมายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เดินทางมาเข้าร่วมงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ที่กรุงเทพฯ

 

Telehouse เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับโลก ที่ได้ขยายการเติบโตมายังกรุงเทพฯ ซึ่งนับเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่แรกในประเทศไทย เป็นแห่งที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จาก Telehouse ทั้งหมด 45 แห่งทั่วโลก Telehouse ประเทศไทย มีพื้นที่อาคารกว้างขวางถึง 9,000 ตร.ม. พร้อมด้วยกำลังการรับไฟฟ้าสูงสุด 9.5 เมกะโวลต์แอมแปร์ (MVA) นอกจากนี้ ยังโดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งใจกลางกรุงเทพฯ – พระราม 9 ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ยังมุ่งเป็นผู้นำการเชื่อมต่อโครงข่าย โดยตั้งเป้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่เป็นศูนย์รวมอินเทอร์เน็ต สำหรับผู้ให้บริการโทรคมนาคมและผู้ให้บริการอื่นๆ เช่นคลาวด์และคอนเท้นท์ต่างๆได้เชื่อมต่อกัน ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนการรับส่งข้อมูลทั้งในและต่างประเทศ ให้ถึงผู้ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

นอกจากเป้าหมายในการพัฒนาและส่งเสริมระบบโครงข่ายในประเทศไทย Telehouse ยังเล็งเห็นความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าเป็นดาต้าเซ็นเตอร์แห่งแรกในประเทศไทยที่ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายทั่วโลกของ Telehouse ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2569

นอกจากนี้ ภายในงานยังได้รับเกียรติจาก คุณเคอิจิ โมริ รองกรรมการผู้จัดการ และกรรมการ บริษัท เค ดี ดี ไอ คอร์เปอร์เรชัน และ คุณเคน มิยาชิตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนของ Telehouse ในการกล่าวตอนรับ และนำเสนอข้อมูลที่น่าสนใจในงาน

 

คุณเคน มิยาชิตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด

คุณเคน มิยาชิตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทเลเฮ้าส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ประกาศการเปิดตัว Telehouse ในกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ด้วยที่ตั้งเชิงกลยุทธ์ใจกลางเมือง ทำให้ Telehouse ประเทศไทย เป็นดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทำให้สามารถใช้งานเครือข่ายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ พร้อมต่อยอดสู่การเป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ และเรามีความพร้อมที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคแห่งนี้และสนันสนุนการพัฒนาสังคมดิจิตัลของประเทศไทยและภูมิภาคต่อไป”

ปัจจุบัน Telehouse ประเทศไทย มีพันธมิตรแล้วมากกว่า 10 ราย ไม่ว่าจะเป็น ผู้ให้บริการโทรคมนาคม คลาวด์ หรือผู้ให้บริการคอนเท้นต์ รวมถึงพาร์ทเนอร์ที่ส่งมอบโซลูชันส์ให้ลูกค้าองค์กร ที่ช่วยสร้างความพร้อมของระบบนิเวศทาง “การเชื่อมต่อ” ในดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://telehouse.co.th/

กลุ่มธุรกิจพลังงานดิจิทัล ของ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลายองค์กรต้องปรับตัวกันอย่างรวดเร็วสู่การ work from home หรือทำงานจากบ้าน แม้ว่าบางองค์กรอาจจะทยอยกลับมาทำงานในออฟฟิศเหมือนเดิม

X

Right Click

No right click