ในโลกยุคใหม่ที่รูปแบบการเรียนรู้และความต้องการของตลาดแรงงานเปลี่ยนไป อีกทั้งผู้คนมีการตั้งคำถามถึงความสำคัญของสถาบันอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมมือกับ SkillLane ปรับตัวรับมืออนาคตด้วย TUXSA หลักสูตรปริญญาโทออนไลน์ ที่ช่วยให้ธรรมศาสตร์กลับสู่การเป็น “ตลาดวิชายุคดิจิทัล” ที่ตอบโจทย์โลกสมัยใหม่ โดยเป็นปีที่ 4 แห่งความสำเร็จด้วยจำนวนผู้เรียนมากกว่า 16,000 คน รวมถึงมีนักศึกษาเรียนจบเป็นมหาบัณฑิตแล้วในปี พ.ศ.2565 นี้
ในปัจจุบัน รูปแบบการเรียนรู้ของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป ทั้งไม่จำเป็นต้องเรียนรู้อยู่แค่ในห้องเรียนและอาจไม่จำเป็นต้องเรียนในมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกัน สถานการณ์ของตลาดแรงงานก็เปลี่ยนไป ผลวิจัยระบุว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า งานทั่วโลกจะหายไป 85 ล้านตำแหน่ง และจะเกิดงานใหม่กว่า 97 ล้านตำแหน่ง ส่งผลให้ตลาดแรงงานยุคใหม่อาจเกิดปรากฏการณ์คนจำนวนมากไม่มีงานทำ และงานเกิดใหม่จำนวนมากไม่มีคนที่ทักษะเหมาะสมมาทำได้ กระแสการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญคือ “มหาวิทยาลัยยังจำเป็นอยู่หรือไม่” และ “หากมหาวิทยาลัยจะอยู่รอดต่อไป ควรปรับตัวและมีบทบาทอย่างไร”
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยได้ตอบคำถามเหล่านี้ผ่านการปรับตัวเพื่อตอบโจทย์อนาคต โดยร่วมกับ SkillLane แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ของไทย ได้เปิดตัว TUXSA หลักสูตรปริญญาโทในรูปแบบออนไลน์ที่ส่งมอบทักษะแห่งอนาคตให้แก่คนไทย หลักสูตรปริญญาโทนี้ทั้งตอบโจทย์การเรียนรู้ของผู้เรียนยุคใหม่และตอบโจทย์ตลาดแรงงานในอนาคตไปพร้อมกัน
รศ.ดร.พิภพ อุดร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “ธรรมศาสตร์มีอายุ 88 ปี เก่าแก่และมีความขลัง แต่ความขลังนี้อาจทำให้ไม่ทันโลก เราจึงต้องกลับไปเป็น 18 ใหม่อีกครั้ง โดยเราจะตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี แต่หลักการทำงานของเราคือ อะไรที่ไม่เชี่ยวชาญอย่าลงทุน ให้หาพันธมิตรที่เก่งในเรื่องนี้แทน นั่นคือเหตุผลที่เราจับมือกับสตาร์ทอัปด้าน Education Technology สร้าง TUXSA ปริญญาโทออนไลน์ที่เป็นโปรแกรมการเรียนรู้รูปแบบใหม่”
7 จุดเด่นของหลักสูตร TUXSA คือ
● เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ที่ต้องการจากที่ไหน เมื่อไรก็ได้
● เลือกเรียนเฉพาะวิชาที่สนใจได้
● ถ้าเลือกเรียนทั้งหลักสูตรเพื่อรับใบปริญญา จะได้รับวุฒิปริญญาโทที่มีศักดิ์และสิทธิ์เท่าปริญญาโทปกติ
● วางแผนค่าใช้จ่ายในการเรียนได้
● ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
● เนื้อหาหลักสูตรพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ผู้เรียน
● เรียนพร้อมทำงานได้ ไม่เสียโอกาสทางการงาน
ปัจจุบัน TUXSA เปิดสอนอยู่ทั้งหมด 2 หลักสูตรคือ หลักสูตรปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขา Business Innovation (M.B.A. Business Innovation) ที่ผ่านการรับทราบหลักสูตรจากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และหลักสูตรปริญญาโท Data Science for Digital Business Transformation (M.S. Digital Business Transformation)
และในปี พ.ศ. 2565 ซึ่งครบรอบ 4 ปีของการก่อตั้ง TUXSA หลักสูตรปริญญาโทนี้ฉลองความสำเร็จด้วยจำนวนผู้เรียนมากกว่า 16,000 คน และมีนักศึกษาจบการศึกษาเป็นมหาบัณฑิตแล้ว ความสำเร็จของ TUXSA สะท้อนถึงการปรับตัวไปในทิศทางที่ถูกต้องของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ทั้งรูปแบบการเรียนและเนื้อหา โดยมีปริญญาสนับสนุนว่าผู้เรียนผ่านการรับรองจากสถาบันการศึกษาที่มีคุณภาพ
รศ.ดร.พิภพ อุดร รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า “ตอนธรรมศาสตร์เกิดขึ้นมา เราเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่ทุกคนเข้าถึงได้ พอเราเปลี่ยนมาเป็นมหาวิทยาลัยปิด จำนวนที่นั่งก็จำกัด คนจะเข้าสู่ธรรมศาสตร์ต้องผ่านการคัดเลือกมากมาย การเปิดปริญญาโทออนไลน์ที่ชื่อ TUXSA ของเราคือการ Back to the Future ทำให้ธรรมศาสตร์กลับไปสู่จุดตั้งต้นเดิมของความเป็นตลาดวิชา แต่เทคโนโลยีทำให้เราก้าวผ่านข้อจำกัดของจำนวนที่นั่ง เวลา สถานที่ และค่าใช้จ่าย ทำให้เราตอบโจทย์การเรียนรู้รูปแบบใหม่ให้กับคนในทุกเจนเนอเรชัน”
สำหรับผู้ที่สนใจ ดูรายละเอียด TUXSA ได้ที่ www.skilllane.com/tuxsa
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดรับสมัครพนักงานมหาวิทยาลัย สายวิชาการ ตำแหน่งอาจารย์
สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำโดย ผศ. ดร. สุทธิกร กิ่งเเก้ว ผู้บริหารโครงการวิจัยเผยผลวิจัยเกี่ยวกับบริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ผ่าน แอปพลิเคชัน โดยได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของผู้ใช้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่มีต่อ ประเด็นต่างๆ ทั้งประโยชน์ของบริการ ผลกระทบ ตลอดจนนโยบายของภาครัฐในการกำกับดูแลบริการ ดังกล่าว ผ่านการทำแบบสอบถามออนไลน์จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 411 คน รวมถึงการจัดสนทนา กลุ่มย่อย (โฟกัสกรุ๊ป) กับกลุ่มผู้ให้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ทั้งวินมอเตอร์ไซค์ (ป้ายเหลือง) และ บุคคลทั่วไปที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน (ป้ายดำ) พร้อมนำเสนอแนวทางที่ภาครัฐควรนำมาพิจารณา ในการกำกับดูแลบริการดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดกับทุกภาคส่วน ทั้งคนขับ ผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน ภาครัฐ ตลอดจนสังคมโดยรวมควบคู่ไปกับส่งเสริมการสร้างราย ได้และกระตุ้นเศรษฐกิจในยุคยุคดิจิทัล โดยผลการสำรวจระบุว่า
ส่วนกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่าหน่วยงานภาครัฐจะมีคำสั่งปิดแอปพลิเคชันเรียกรถมอเตอร์ไซค์ รับจ้างที่ให้บริการโดยบุคคลทั่วไปนั้น 94% ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว
นอกจากประชาชนผู้ใช้บริการแล้ว สถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาแห่งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังได้ สำรวจความคิดเห็นเพิ่มเติมกับกลุ่มผู้ให้บริการรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ (ป้ายเหลือง) และบุคคลทั่วไปที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน (ป้ายดำ) ผ่านการทำสนทนากลุ่มย่อย (โฟกัสกรุ๊ป) โดย
นอกจากนี้ ผศ. ดร. สุทธิกร กิ่งเเก้ว ยังได้นำเสนอแนวทางในการกำหนดมาตรฐานการกำกับดูแลบริการ เรียกรถมอเตอร์ไซค์ผ่านแอปพลิเคชันในประเทศไทย โดยให้ทรรศนะว่า “ในเเง่มุมของประโยชน์ทาง เศรษฐกิจเเละสังคมโดยเฉพาะในโลกยุคดิจิทัล เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ ในสังคมได้ทำให้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้น สร้างโอกาสทางธุรกิจ เกิดเป็นอุตสาหกรรมใหม่ๆ และสร้าง การขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม แม้ปัจจุบันกฎหมายหรือข้อบังคับบางอย่างอาจจะไม่รองรับต่อ ความเปลี่ยนเเปลงของโลก เเต่สิ่งที่ภาครัฐควรทำคือ การปรับปรุงเเก้ไขกฎหมายหรือกฎระเบียบเพื่อให้ ทุกภาคส่วนของประเทศสามารถใช้ประโยชน์ได้จากเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้ได้”
“ในกรณีของการบริการเรียกรถมอเตอร์ไซค์ผ่านแอปพลิเคชันนั้น ส่วนตัวมองว่าภาครัฐไม่ควรที่จะ เดินถอยหลังเข้าไปเปลี่ยนเเปลงในสิ่งที่ดีอยู่เเล้ว โดยนำกฎหมายที่ถูกร่างขึ้นในยุคสมัยเดิมบังคับใช้ กับเรื่องในปัจจุบัน โดยไม่ได้พิจารณาถึงสภาพเเวดล้อมทางเศรษฐกิจเเละสังคมที่เปลี่ยนเเปลงไป เช่นภาครัฐไม่ควรเข้าไปกำหนดหรือบังคับห้ามไม่ให้คนขับป้ายดำต้องหยุดการให้บริการ ในทางกลับกัน ภาครัฐควรที่จะช่วยให้คนขับเหล่านี้สามารถให้บริการได้อย่างถูกกฎหมาย โดยมีแผนหรือกระบวนการ ต่างๆ รองรับ ซึ่งอาจจะทำในรูปแบบที่ค่อยเป็นค่อยไป โดยทยอยปรับกฎระเบียบให้เป็นที่ยอมรับ ของทุกฝ่าย และอนุโลมให้รถป้ายดำสามารถวิ่งรับ-ส่งในระบบเเอปได้ไปก่อนจนกว่าทุกฝ่ายจะตกลง หาทางออกกันได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน ก็ควรหาทางส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพให้กลุ่มคนขับวิน โดยเฉพาะผู้สูงอายุหรือกลุ่มที่ตามไม่ทันเทคโนโลยี สามารถปรับตัวเพื่อใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชัน เหล่านี้ได้ จะได้มีรายได้เสริมและก้าวทันเศรษฐกิจดิจิทัล”