บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าพัฒนาไข่ไกสดคาร์บอนต่ำ สนับสนุนคนไทยได้บริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ล่าสุด นายสมคิด วรรณลุกขี ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่ไข่ ซีพีเอฟ รับมอบประกาศนียบัตรการรับรองอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายคาร์บอนนิวทรัลผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ Cage Free แบรนด์ ยูฟาร์ม จาก นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ส่งผลให้ เป็นไข่ไก่เคจฟรีของซีพีเอฟ เป็นไข่ไก่ปลอดคาร์บอนรายแรกของไทยและภูมิภาคเอเชีย ร่วมสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศและมุ่งสู่ Net-Zero ณ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ

นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์​ กล่าวชื่นชมและขอบคุณซีพีเอฟเป็นภาคเอกชนชั้นนำที่ร่วมมือ อบก. ในการจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทุกกิจกรรมตลอดห่วงโซ่อุปทานผลิตอย่างต่อเนื่อง พัฒนากระบวนการผลิตไข่ไก่ที่ปล่อยคาร์บอนตํ่าและชดเชยจนเป็นไข่ไก่ปลอดคาร์บอน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมีส่วนสนับสนุนประเทศไทยก้าวสู่ Net-Zero และขอเชิญชวนภาคธุรกิจมาช่วยกันเพื่อสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

นายสมคิด วรรณลุกขี กล่าวว่า การที่ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่เคจฟรี แบรนด์ ยูฟาร์มได้รับรองเป็นผลิตภัณฑ์ปลอดคาร์บอน เป็นความมุ่งมั่นของซีพีเอฟในการพัฒนาสินค้าคาร์บอนต่ำ เป็นอีกทางเลือกให้คนไทยได้บริโภคอาหารโปรตีนคุณภาพสูง มาจากห่วงโซ่การผลิตที่เป็นมิตรต่อสัตว์ และยังมีส่วนช่วยรักษาโลกของเรา  ปัจจุบัน ร้อยละ 90 ของผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ของซีพีเอฟเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่ามาตรฐานของอุตสาหกรรม และจากนี้ บริษัทฯ มีแผนขยายการพัฒนาไข่ไก่คาร์บอนต่ำให้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ รวมถึงเดินหน้าพัฒนาฟาร์มไก่ไข่ต้นแบบที่ใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงานฟาร์มทั้งหมด และไม่พึ่งพาพลังงานจากภายนอก (Renewable Energy Farm หรือ RE100 Farm) เพื่อร่วมสนับสนุนบริษัทฯ ขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net-Zero ในปี 2050

“ขอขอบคุณ อบก. ที่ให้คำแนะนำและสนับสนุนซีพีเอฟในการดำเนินงานลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกิจกรรมในกระบวนการผลิตไข่ไก่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ของซีพีเอฟเป็นผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำได้ฉลากลดโลกร้อน และฉลากคาร์บอนนิวทรัล ที่ดีต่อสุขภาพ และดีต่อใจของผู้บริโภค” นายสมคิดกล่าว

ซีพีเอฟ โดยธุรกิจไก่ไข่ตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการผลิตไข่ไก่ที่สะอาด ถูกสุขอนามัย ปลอดภัย ปลอดยาปฏิชีวนะ มีกระบวนการผลิตที่รับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิต ตั้งแต่ การลำเลียงไข่ไก่ การล้าง การคัดไข่ไก่ จนถึงการบรรจุ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดการสูญเสียระหว่างการผลิต พร้อมนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในกระบวนการผลิต ได้แก่ ก๊าซชีวภาพจากมูลไก่ และพลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ น้ำหลังการบำบัดจะถูกหมุนเวียนกลับมาผสมกับมูลไก่ในระบบโดยไม่มีการปล่อยน้ำออกสู่ภายนอกและนำมาใช้ในการรดน้ำต้นไม้ฟาร์ม

ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟยังเพิ่มมูลค่าของเสีย นำกากที่เกิดจากระบบบำบัดน้ำเสีย รวมถึงไข่ที่เสียหายและเปลือกไข่ไก่ไปใช้ประโยชน์ทำเป็นปุ๋ยเพื่อแบ่งปันให้เกษตรกรใกล้เคียงใช้ปรับสภาพดินสำหรับการเพาะปลูกอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ไข่ไก่ Cage Free ที่ทำจากกระดาษรีไซเคิล เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ของซีพีเอฟที่เป็นมิตรต่อสภาพภูมิอากาศ เป็นทางเลือกให้คนไทยได้บริโภคสินค้าที่ดีต่อสุขภาพและดีต่อใจ มีส่วนร่วมรักษาโลกให้แก่คนรุ่นต่อๆ ไป

ปัจจุบัน นอกจากผลิตภัณฑ์ไข่ไก่ Cage Free แบรนด์ยูฟาร์ม ที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ แล้ว ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่อีก 23 รายการเป็นสินค้าที่ได้รับฉลากลดโลกร้อน มีผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์รวม 832 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เนื้อไก่สด อาหารสัตว์บก ขณะที่ผลิตภัณฑ์ 56 รายการ อาทิ เนื้อหมูสด อาหารไก่เนื้อ ไข่ไก่ เป็นผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำที่ได้รับฉลากลดโลกร้อน.

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าโครงการ “Partner to Grow…เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” นำศักยภาพขององค์กร ร่วมพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถของคู่ค้าในการบริหารธุรกิจสมัยใหม่ ล่าสุด จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพิ่มศักยภาพคู่ค้า SMEs ด้านการจัดซื้อสินค้าอย่างยั่งยืน ตามแนวทาง ESG เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน และระบบโลจิสติกส์ ตอบสนองความท้าทายด้านเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว

นางสาวธิดารัตน์ เดชายนต์บัญชา ผู้บริหารสูงสุด สายงานจัดซื้อกลาง กล่าวว่า บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการ พัฒนาและสร้างโอกาสใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกันระหว่างบริษัท พันธมิตรทางการค้า และเกษตรกรในห่วงโซ่อุปทาน ภายใต้วิสัยทัศน์ “ครัวของโลกที่ยั่งยืน” เดินหน้าพัฒนาศักยภาพของคู่ค้าในด้านต่างๆ ยกระดับกระบวนการจัดหาที่รับผิดชอบได้มาตรฐานสากล ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับกิจการที่ดี (Environmental & Economic, Social and Governance) ด้วยการดำเนินโครงการ “Partner to Grow…เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน” ซึ่งเน้นช่วยกลุ่ม SMEs เป็นลำดับแรก ภายใต้โครงการ SMEs PLUS  นำศักยภาพขององค์กรมาช่วยปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานต่างๆ รวมถึงการอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ Value Chain Optimization for SMEs เพื่อนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การจัดหาวัตถุดิบตลอดห่วงโซ่คุณค่าจากผู้เชี่ยวชาญของซีพีเอฟ ช่วยผู้ประกอบการ SMEs มีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในสถานการณ์การค้าที่มีการแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“โครงการ Partner to Grow เป็นแนวทางที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของคู่ค้าของซีพีเอฟในทุกด้าน รวมถึงการอบรมวันนี้ที่จะช่วยให้คู่ค้าสามารถบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อผลิตและจัดหาสินค้าที่มีคุณภาพในต้นทุนที่แข่งขันได้  ซึ่งต่อยอดจากโครงการ CPF x BBL เคียงข้างคู่ค้า เติบโตอย่างยั่งยืน” ที่บริษัทฯ ร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพช่วยคู่ค้าธุรกิจมีโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำมากขึ้น ช่วยเพิ่มแต้มต่อในการทำธุรกิจของ ผู้ประกอบการ SMEs และสามารถเติบโตก้าวสู่ระดับสากลได้อย่างเข้มแข็ง” นางสาวธิดารัตน์กล่าว

 

ซีพีเอฟตั้งเป้าหมายว่าในปีนี้ จะมีคู่ค้า SMEs กว่า 500 รายเข้าร่วมโครงการ SMEs PLUS ประกอบด้วย 1)ร่วมกับสำนักวิศวกรรม จัดทำโครงการ CPF SMEx ต้นทุนต่ำ นำรักษ์โลก สนับสนุนให้ SMEs ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและการจัดการทรัพยากรเพื่อลดต้นทุนการผลิต  2)ร่วมกับสำนักระบบมาตรฐานสากล และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาสินค้าคาร์บอนต่ำ  3)จัดโดยสำนักจัดซื้อกลางซีพีเอฟ จัดสัมมาเชิงปฏิบัตการด้านการบริหารจัดการลดต้นทุนการผลิตตลอดห่วงโซ่คุณค่า 4)ร่วมกับสำนักกฏหมาย การส่งเสริมการปฏิบัติที่ดีต่อแรงงานตามมาตรฐานสากล  5)ร่วมกับสำนักประกันคุณภาพกลาง ถ่ายทอดความเชี่ยวชาญในการลดการสูญเสียสินค้า เป็นต้น เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs มีความได้เปรียบทางการแข่งขันทางธุรกิจ เติบโตอย่างยั่งยืนสามารถตอบรับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังสนับสนุนให้คู่ค้าดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม โปร่งใส ตรวจสอบย้อนกลับได้ ช่วยสนับสนุนซีพีเอฟบรรลุเป้าหมายการจัดหาอย่างรับผิดชอบต่อโลก (Sustainable Sourcing) ตามหลัก ESG เพิ่มความเชื่อมั่นว่าต้นทางของผลิตภัณฑ์อาหารของซีพีเอฟมาจากแหล่งที่ปราศจากการบุกรุกทำลายป่า มีการปฏิบัติที่ดีต่อแรงงาน ตลอดจนมีส่งมอบผลิตภัณฑ์อาหารที่ช่วยบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกอน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

นายพีรวัฒน์ ธีระวัฒนา นายอำเภอครบุรี เป็นประธานเปิด “โครงการรักษ์ลำน้ำมูล ปีที่ 15”

U FARM ในกลุ่ม บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ชวนเปิดประสบการณ์ความอร่อยระดับเวิลด์คลาส คูณ 2 กับสุดยอดผู้นำด้านอาหารระดับโลกที่มาร่วมกันรังสรรค์เมนูสุดพิเศษ ระหว่าง 4 สุดยอดเชฟจากร้านมิชลินสตาร์ ประจำปี 2023 และ U FARM ด้วยผลิตภัณฑ์พรีเมียม ไก่เบญจา หมูชีวา และไข่ไก่สดโอชา แบรนด์แรกและแบรนด์เดียวของประเทศไทยที่คว้ารางวัลความอร่อยระดับโลกบนเวทีนานาชาติ ด้วยนวัตกรรมจากธรรมชาติ 100% ปลอดสาร ปลอดภัย เลี้ยงดูอย่างใส่ใจด้วยซูเปอร์ฟู้ด ทั้งข้าวกล้องคัดพิเศษ และ Flax seed จึงทำให้หมูและไก่ มีโอเมก้า 3 มีความหอม… นุ่ม… ฉ่ำ… มากกว่าเนื้อสัตว์ทั่วไปถึง 55% และได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก NSF ที่บรรดาเชฟจากร้านมิชลินสตาร์ไว้วางใจนำมารังสรรค์อาหารในแบบฉบับของตนเองอย่างพิถีพิถัน จนกลายเป็นเมนูสุดพิเศษแบบ Limited Creation

เริ่มที่ท่านแรก เชฟเฮงค์ ซาเวลเบิร์ก’ (Henk Savelberg) จากร้าน Savelberg เชฟชาวดัตช์ ที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ปรุงอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยหลากหลายเมนูที่ยังคงเอกลักษณ์ความดั้งเดิมได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ ยังคิดค้นไอเดียใหม่ๆ ต่อยอดเป็นเมนูระดับไฮเอนด์ให้กับ U FARM เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้ทุกท่านได้ดื่มด่ำกับมื้ออาหารชั้นเลิศ โดยคอร์สแรก เมนูจานหลักนำเสนอความสดใหม่ของวัตถุดิบ ให้เลือกระหว่างหมูชีวาหรือไก่เบญจา จาก 5 คอร์ส หากเลือกไก่เบญจา ความพิเศษคือทำเป็นโรล (Roulade) ม้วนชิ้นเนื้อเข้ากับสมุนไพรหมักด้วยน้ำเกลือ ทำให้เนื้อนุ่มมากยิ่งขึ้น ส่วนเมนูหมูชีวาสไตล์ยุโรป เนื้อหมูปรุงสุกกำลังดี ราดซอส Ravigote รสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว เข้าปากแล้วรู้สึกสดชื่นทันที มีชีวิตชีวาเหมือนกับหมูชีวา

ท่านที่ 2 เชฟต้อย-พิไลพร คำหนัก’ จากร้านเสน่ห์จันทน์ (Saneh Jaan) ผู้หลงใหลและชำนาญทั้งอาหารไทยและอาหารตะวันตก พิถีพิถันตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพดีจาก U FARM รังสรรค์ 2 เมนูสุดพิเศษ ได้แก่ 'แกงหมูโบราณ' วัตถุดิบหลัก คือ สามชั้นของหมูชีวา ที่มีความนุ่ม เด้ง เพิ่มรสจัดจ้านด้วยซอสพริกแกงไทย อร่อยลงตัวไร้ที่ติ และเมนูที่ 2 'แกงไก่มลายู' นําเสนอวัฒนธรรมผสมผสานระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย ชูความนุ่มของเนื้อไก่เบญจาที่มีไขมันน้อย ปรุงเข้ากับเครื่องเทศเฉพาะถิ่น ทําให้อาหารจานนี้มีรสชาติเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ท่านที่ 3 เชฟเทียร์รี ดราโป’ (Thierry Drapeau) เชฟมิชลินสตาร์ จากร้าน Signature Bangkok ที่ขึ้นชื่ออาหารสไตล์ฝรั่งเศสสมัยใหม่ โดยปรัชญาของเชฟ “Cuisine of the Soil” คือการคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพสูง สด ใหม่ และดีต่อสุขภาพในการทำอาหาร จึงมั่นใจและเลือกใช้ U FARM สร้างสรรค์เมนูเลิศรสให้ลูกค้าได้สัมผัส 2 เมนูจานหลัก ได้แก่ Suprême De Poulet (ซูพรีม เดอ ปูเลต์) จากไก่เบญจา และ Terre et Mer (แตร์ เอต แมร์) จากหมูชีวา โดยเชฟตั้งใจสร้างความแปลกใหม่ด้วยการนำวัตถุดิบที่แตกต่างให้มาอยู่ในจานเดียวกัน ผสมผสานได้อย่างลงตัว ทำให้ 2 จานนี้พิเศษไม่เหมือนใคร

สุดท้ายกับ เชฟจากร้านมิชลินสตาร์ ดีกรีระดับ 2 ดาว อย่าง เชฟชุมพล แจ้งไพร’ จากร้าน R-Haan ผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยแบบ Fine Dining แต่ยังคงภูมิปัญญาไทยแท้ดั้งเดิม ผ่านตำรับอาหารพื้นบ้านและตำรับอาหารชาววังด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุด รังสรรค์เมนู 'ไข่พะโล้' สูตรของคุณย่า ด้วยความทรงจําในวัยเด็กที่ผูกพันกับอาหารจานนี้เป็นพิเศษ และอีก 1 เมนูที่ภูมิใจนำเสนอ คือ ซุปไทยที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก อย่าง 'ต้มข่าไก่ Espuma' นำเสนอความแตกต่างสไตล์ฝรั่งเศส จัดจานสวยหรูแบบ Fine Dining เชฟชุมพล นําเมนูที่มีความพิเศษทั้งเรื่องราวและเป็นเมนูที่คุ้นเคยโดยเพิ่มเทคนิคใหม่ๆ ให้ทุกคนได้ลิ้มลองและสัมผัสภูมิปัญญาอาหารไทยอันวิจิตร มีประโยชน์และรสชาติอร่อยประทับใจ เสิร์ฟเป็น Complimentary ให้กับลูกค้าทุกท่าน

แคมเปญ ‘U FARM x MICHELIN Guide Thailand’ ครั้งนี้ การันตีวัตถุดิบพรีเมียมระดับโลก ควบคู่กับการรังสรรค์เมนูชั้นเลิศจากเชฟฝีมือระดับโลก จึงกลายเป็นความอร่อยระดับเวิลด์คลาสคูณ 2 ที่พลาดไม่ได้ ซึ่งทั้ง 4 ร้านมิชลินสตาร์ ปี 2023 พร้อมให้บริการและชวนทุกท่านเปิดประสบการณ์ใหม่สุดพิเศษ ตลอดทั้งเดือนสิงหาคม–กันยายน 2566 โดยเริ่มต้นที่ ‘ร้าน SAVELBERG’ วันที่ 1-15 สิงหาคม ต่อด้วย ‘ร้าน SANEH JAAN’ วันที่ 15-31 สิงหาคม ‘ร้าน SIGNATURE’ วันที่ 1-15 กันยายน และ ‘ร้าน R-HAAN’ วันที่ 16-30 กันยายน ติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ U FARM ได้ที่ www.ufarmthailand.com หรือ Facebook Fanpage : https://www.facebook.com/ufarmthailand/ 

X

Right Click

No right click