เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ผู้นำธุรกิจพอลิเมอร์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน พลิกเกมช่วงธุรกิจปิโตรเคมีขาลง เชื่อมั่นในการเติบโตของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในภูมิภาค เดินหน้าเสริมแกร่งธุรกิจด้วยการลงทุนโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนในบริษัท ลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (Long Son Petrochemicals – LSP) ด้วยงบประมาณลงทุนรวมประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้โรงงาน LSP สามารถรับวัตถุดิบก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง และเพิ่มความยืดหยุ่นในการรับวัตถุดิบในการผลิตได้มากขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จ ปลายปี 2570
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC เผยว่า “กระบวนการผลิตโอเลฟินส์ของโรงงาน LSP ได้รับการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบตั้งต้นประเภทก๊าซมากขึ้น งบประมาณลงทุนส่วนใหญ่จะนำไปใช้สำหรับการสร้างระบบการจัดการและถังจัดเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทน ซึ่งต้องอยู่ภายใต้อุณหภูมิต่ำประมาณ -90 องศาเซลเซียส รวมทั้งสาธารณูปโภคการรับวัตถุดิบ (supporting facilities) เมื่อโครงการแล้วเสร็จ โรงงาน LSP จะสามารถรับก๊าซอีเทนได้มากถึงสองในสามของปริมาณวัตถุดิบทั้งหมด โดยส่วนที่เหลือจะเป็นก๊าซโพรเพนและแนฟทา”
ทั้งนี้ โรงงาน LSP ได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2567 สามารถผลิตและจำหน่ายพอลิเมอร์คุณภาพสูงเพื่อป้อนตลาดในประเทศเวียดนามและส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์จากโรงงาน LSP ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล
“อย่างไรก็ตาม ในช่วงธุรกิจปิโตรเคมีขาลง SCGC มีแนวทางบริหารจัดการการผลิตของโรงงานทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ โรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) โรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ (MOC) และโรงงาน LSP ให้เหมาะสมกับราคาวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก เพื่อให้มีศักยภาพการแข่งขันสูงสุด ซึ่งขณะนี้ โรงงาน LSP ได้หยุดการเดินเครื่องชั่วคราว เพื่อบริหารต้นทุนธุรกิจโดยภาพรวม ทั้งนี้ SCGC จะประเมินการกลับมาเดินเครื่องอีกครั้งเมื่อสถานการณ์เหมาะสม โดยระหว่างนี้ โรงงาน LSP จะมุ่งเน้นการยกระดับประสิทธิภาพ (Operational Excellence) และการบำรุงรักษาเครื่องจักรต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมผลิตในทันทีที่สภาวะตลาดโลกฟื้นตัว” นายศักดิ์ชัย กล่าวทิ้งท้าย
ONNEX by SCG Smart Living ปรับโฉมพื้นที่ชั้น 1 ที่ SCG HOME Experience นำเสนอระบบโซลาร์จาก SCG Solar Roof Solutions พร้อมนวัตกรรมเพื่อคุณภาพอากาศภายในบ้าน อาทิ SCG Active AIR Quality เติมอากาศดีพร้อมป้องกันฝุ่น PM 2.5 และ SCG Active AIRflow™ System ช่วยแก้ปัญหาบ้านร้อนให้อยู่สบาย พร้อมโปรโมชัน Top-Up ส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจดูแลคุณภาพชีวิตในบ้านให้ดีขึ้น
นายดุสิต ชัยรัตน์ Head of Smart Solution Business เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง กล่าวว่า “การปรับปรุงพื้นที่ใหม่ของ ONNEX by SCG Smart Living (ออนเนกซ์ บาย เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง) บริเวณชั้น 1 ของ SCG HOME Experience เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา (CDC) ในครั้งนี้ เพื่อนำเสนอโซลูชันต่าง ๆ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตภายในบ้านให้ดียิ่งขึ้น โดยเน้นให้บริการด้านข้อมูลและการให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการตัดสินใจซื้อที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด โดยไฮไลท์ของพื้นที่คือโซนระบบโซลาร์ ที่นำเสนอสินค้าและอุปกรณ์เกี่ยวกับการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์ทั้งหมด อาทิ แผงโซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่อินเวอร์เตอร์ และนวัตกรรม Solar Fix สิทธิบัตรเฉพาะเอสซีจี ซึ่งถูกพัฒนาเพื่อลดปัญหาหลังคารั่วซึมจากการติดตั้งระบบโซลาร์ โดยลูกค้าสามารถรับบริการ One Stop Services จาก SCG Solar Roof Solutions แบบครบวงจร ตั้งแต่ตรวจเช็กสภาพหลังคาเพื่อแก้ไขทุกปัญหาก่อนการติดตั้ง ตลอดจนดำเนินการเรื่องเอกสารขออนุญาตติดตั้งกับภาครัฐ จนถึงบริการหลังการขาย
สำหรับโซนโซลูชันเพื่อคุณภาพอากาศภายในบ้าน ONNEX by SCG Smart Living ได้นำเสนอ SCG Active AIR Quality โซลูชันที่ช่วยลดฝุ่น PM 2.5 และเติมอากาศดีภายในบ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยหลักการ Positive Pressure ของระบบจะช่วยป้องกันมลภาวะและเชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ภายในบ้าน รวมทั้งยังมีพื้นที่สาธิตกระบวนการทำงานของ SCG Active AIRflow™ System โซลูชันเพื่อการถ่ายเทอากาศและระบายความร้อนออกจากตัวบ้านและโถงหลังคา ช่วยแก้ปัญหาบ้านร้อนอบอ้าว ลดการสะสมเชื้อโรคและความอับชื้นในบ้าน จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการภูมิแพ้ ทำให้รู้สึกสบายและปลอดโปร่งตลอดเวลาที่อยู่ภายในบ้าน ทั้งนี้ โซลูชันระบบโซลาร์และระบบคุณภาพอากาศภายในบ้าน ถือเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยให้ดียิ่งขึ้นตามแนวทางของธุรกิจ”
นอกจากนี้ ONNEX by SCG Smart Living ยังมีโปรโมชันฉลองเปิดพื้นที่ใหม่ส่งท้ายปี 2567 จาก SCG Solar Roof Solutions SCG Active AIR Quality และ SCG Active AIRflow™ System ด้วยการขยายเวลาโปรโมชันที่ได้รับความนิยมจากงานบ้านและสวนแฟร์ 2024 จนถึงสิ้นปีนี้ และพิเศษสุดในวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2567 จะมี 3 แพ็กเกจ Top up ได้แก่
พบกับพื้นที่ใหม่พร้อมโปรโมชันตลอดปลายปี 2567 ที่โซน ONNEX by SCG Smart Living ชั้น 1 SCG HOME Experience หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ www.onnexbyscg.com
ONNEX by SCG Smart Living เปิดบ้านโชว์ศักยภาพความพร้อมในงานระบบโซลาร์ ส่งแผน EPC+ BUSINESS MODEL รุกตลาดโซลาร์ ตั้งเป้าสู่ความเป็นผู้นำ มุ่งตอบโจทย์ทุกกลุ่มพันธมิตรสำคัญทั้งกลุ่มธุรกิจต่างๆ และนักลงทุน คาดภายใน 5 ปี ปั้นธุรกิจ ขยายกำลังการผลิตติดตั้งโตขึ้นได้ไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์
นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Living Solution Business ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ONNEX by SCG Smart Living เน้นนวัตกรรมและบริการด้านระบบโซลาร์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2011 โดยเริ่มต้นจากการผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองภายในโรงงานต่างๆ ทำให้สามารถประหยัดพลังงานได้มากสุดถึง 40% ด้วยประสบการณ์ที่มีมาอย่างยาวนาน จึงมีความพร้อมที่จะตอบรับความต้องการในตลาดโซลาร์ที่มีอัตราการเติบโตสูงมากในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากการติดตั้งระบบโซลาร์ในปัจจุบันนั้นมีราคาที่ถูกลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้ายังคงมีราคาสูง
นายดุสิต ชัยรัตน์ Smart Home Living Solution Director ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ด้วยแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนไป ทั้งด้วยนโยบายจากภาครัฐและจากความต้องการของลูกค้าในการใช้พลังงานสะอาด อีกทั้งในระยะหลังมีนักลงทุนที่สนใจลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดมากขึ้นจากผลตอบแทนการลงทุนที่ดีและมีความผันผวนต่ำในระยะยาว ทาง ONNEX by SCG Smart Living ได้จัดให้มีบริการ EPC (Engineering Procurement and Construction) ทั้งด้านการออกแบบทางวิศวกรรม การขออนุญาตโครงการ รวมถึงการติดตั้งโครงสร้างระบบแบบครบวงจรอยู่แล้ว เพื่อขยายตลาดให้เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จึงได้เตรียมกลยุทธ์ EPC+ Business Model ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับผู้เกี่ยวข้องแต่ละกลุ่มในระบบโซลาร์ ที่จะช่วยสร้าง ecosystem ให้แข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจโซลาร์ให้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งกลุ่มธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักลงทุน ส่งผลดีให้กับกลุ่มผู้บริโภค เพื่อลดภาวะโลกร้อนและสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ โดยคาดว่า EPC+ Business Model จะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งในระบบพลังงานโซลาร์รวมแล้วไม่น้อยกว่า 1,000 เมกะวัตต์ ภายใน 5 ปี”
สำหรับ EPC+ Business Model เบื้องต้นมี 5 รูปแบบ คือ
ด้านนายสุชาติ นอกพุดซา Associate Director – Solar Roof ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิ่ง กล่าวว่า ONNEX by SCG Smart Living มีประสบการณ์ในการติดตั้งระบบโซลาร์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบทุกรูปแบบ (Solar Roof, Solar Floating, Solar Farm และ Solar Carport) ที่ผ่านมา สามารถผลิตพลังงานสะอาดไปแล้วกว่า 200 เมกะวัตต์ (MWp) และยังมีโครงการที่อยู่ในระหว่างดำเนินการอีกถึง 400-600 เมกะวัตต์ (MWp) โดยพื้นที่โซลาร์ฟาร์มขนาด 47.5 ไร่ ที่จังหวัดสระบุรี ถือเป็นโซลาร์ฟาร์มต้นแบบที่นำเสนอแพลตฟอร์มการบริหารจัดการพลังงานโรงไฟฟ้าเสมือนจริง (Virtual Power Plant) ภายใต้แนวคิด Smart Utilization - Smart Investment - Smart Flexibility และ Smart Monitoring ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถรับรู้ปริมาณการผลิตโซลาร์และการนำพลังงานสะอาดไปใช้อย่างเหมาะสม ซึ่งถือเป็นโซลาร์ฟาร์มต้นแบบที่มีความสำคัญอย่างมากในการผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในโรงงานต่างๆ ในพื้นที่ โดยในส่วนของอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ทาง ONNEX by SCG Smart Living เคย Develop ได้สูงสุดจะอยู่ที่ IRR 34% และระยะเวลาคืนทุนภายใน 3ปี
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับ ONNEX Solar หรือสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแผน EPC+ Business Model สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ www.onnexbyscg.com/th/product/solar-solutions และไลน์ @SCGSolarRoof หรือสอบถามได้ที่เบอร์ 02-586-2222