December 22, 2024
CSR

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จับมือ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย เปิดกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ”

June 19, 2024 307

ปลูกฝังเยาวชนอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ภายใต้โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ”

บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย เปิดกิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” (Mizuiku Water Hero Camp) ภายใต้โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ประจำปี 2567 (One Suntory Mizuiku Program 2024) พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำ กรมควบคุมมลพิษ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจังหวัดระยอง และจังหวัดชลบุรี สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และศูนย์การศึกษาสิ่งแวดล้อม (Environmental Education Centre: EEC) เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้กับแกนนำนักเรียนและครูในจังหวัดระยองและจังหวัดชลบุรี ณ เคียงทะเล รีสอร์ท จังหวัดระยอง

นายอชิต โจชิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า  “โครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ ประจำปี 2567 มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของทั้งสองบริษัท มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน ผ่านการจัดกิจกรรม ‘ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมนอกห้องเรียน รวมถึงมอบเงินสนับสนุนเพื่อพัฒนาและต่อยอดโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียนแบบบูรณาการ และขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบ เพื่อคัดเลือกเป็น ‘โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ’ ประจำปี 2567 ตลอดจนกิจกรรมอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ เพื่อปลูกฝังและส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมให้แก่คนในพื้นที่ และเปิดโอกาสให้พนักงานของบริษัทฯ ได้มีส่วนร่วม ซึ่งจะช่วยให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในมิติสิ่งแวดล้อมและมิติทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ตอกย้ำค่านิยมองค์กรของเรา คือ ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’ (Growing for Good) ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งสองบริษัทยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจตลอดมา”

นายโอเมอร์ มาลิค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและการนำความเชี่ยวชาญของทั้งสองบริษัทมาปรับใช้เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้โครงการ ‘วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ’ ประสบความสำเร็จ เมื่อเรามองภาพรวมในอนาคต เราจะพบว่าการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำนั้นมีความท้าทายเป็นอย่างมาก โดยที่ความท้าทายเหล่านี้เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางน้ำหรือภาวะโลกร้อนที่ก่อให้เกิดภาวะน้ำท่วมหรือสถานการณ์ภัยแล้ง เราจึงต้องให้ความสำคัญกับการปลูกฝังเยาวชนให้มีจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์น้ำตั้งแต่วันนี้ ทั้งนี้ กลุ่มซันโทรี่มีแผนงานที่จะขยายโครงการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้ครอบคลุมประชากรเด็กมากขึ้นในแต่ละประเทศที่มีการดำเนินโครงการมิซุอิกุ โดยในประเทศไทย เราทั้งสองบริษัทพร้อมที่จะดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ผ่านการขยายพื้นที่เป้าหมาย และเพิ่มกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเยาวชนได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ความมุ่งมั่นของ ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด ประเทศไทย และ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ตลอดจนความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ได้”

โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ในปีนี้ ประกอบด้วยกิจกรรมหลัก ได้แก่ กิจกรรม “ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ” (Mizuiku Water Hero Camp)  และกิจกรรมประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ” (Mizuiku Water Model School) โดยทำการคัดเลือกโรงเรียนระดับประถมศึกษาในจังหวัดเป้าหมาย ได้แก่ ระยองและชลบุรี รวมทั้งสิ้น 30 โรงเรียน ซึ่งมีแกนนำนักเรียน ตัวแทนคุณครู และพนักงานจิตอาสาจากทั้งสองบริษัทกว่า 500 คน เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนเกี่ยวกับความสำคัญของทรัพยากรน้ำ เข้าใจวัฏจักรของน้ำ และปัญหาของน้ำที่พบในท้องถิ่นส่งเสริมให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจําวัน ผ่านฐานกิจกรรม เกมสันทนาการ และสถานีเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้น้อง ๆ ได้สัมผัสประสบการณ์และลงมือปฏิบัติจริงด้วยตนเองในห้องเรียนธรรมชาติได้แก่ สวนพฤกษศาสตร์ระยอง ทุ่งโปรงทอง พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาพืชและสัตว์ทะเล จังหวัดระยอง และหาดแหลมสน นอกจากนี้ แกนนำนักเรียนและตัวแทนคุณครู ยังมีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งได้รับคำแนะนำจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเป็น “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ” ตามบริบทของแต่ละโรงเรียน เพื่อให้สามารถบูรณาการการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้ครอบคลุมทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ นโยบาย การมีส่วนร่วมของบุคลากร การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขยายผลสู่ชุมชนโดยรอบ โดยเมื่อจบกิจกรรมค่ายฯ โรงเรียนต่าง ๆ จะได้รับเงินสนับสนุนโรงเรียนละ 10,000 บาท เพื่อนำไปจัดทำแผนงานและดำเนินโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียน พร้อมจัดตั้ง “มิซุอิกุ คลับ” เพื่อขับเคลื่อนและขยายผลโครงการ โดยแกนนำนักเรียนจากโรงเรียนที่ชนะการประกวด “โรงเรียนต้นแบบรักษ์น้ำ มิซุอิกุ” ในแต่ละจังหวัด จะได้เดินทางไปทัศนศึกษาเพื่อเรียนรู้ต้นกำเนิดของโครงการ “มิซุอิกุ” ณ ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำที่เปิดโอกาสให้พนักงานของทั้งสองบริษัทได้มีส่วนร่วมอนุรักษ์น้ำไปพร้อม ๆ กับการให้ความรู้และสร้างผลกระทบเชิงบวกให้แก่ชุมชนในพื้นที่

นายอเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Education Centre : EEC) กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าการศึกษาเป็นคำตอบและเป็นวิธีที่ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติของเรายั่งยืนที่สุด เราจึงต้องเริ่มสร้างตั้งแต่รากฐานของความยั่งยืน ซึ่งก็คือความรู้สึกรัก หวงแหน และอยากปกป้องสิ่ง ๆ หนึ่ง จากความเชื่อนี้ทำให้ EEC เกิดขึ้นและดำเนินการมาถึงปัจจุบัน ภายใต้ปรัชญาการเรียนรู้แบบ Let Nature be Our Classroom ให้ธรรมชาติเป็นห้องเรียนของเรา โดยกิจกรรมต่าง ๆ ภายใน ‘ค่าย มิซุอิกุ ผู้พิทักษ์รักษ์น้ำ’ (Mizuiku Water Hero Camp) ถูกออกแบบภายใต้คอนเซปต์ ‘ไม่มีน้ำ ไม่มีเรา’ เพื่อให้เห็นถึงประโยชน์ของน้ำในทุกมิติ และใช้การศึกษาเพื่อปลูกฝังการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ผ่านความเข้าใจในหลักการเหตุและผล การลงมือทำ การสังเกตและเก็บข้อมูล การคิดวิเคราะห์ นำมาสู่การตกผลึกเป็นโครงการอนุรักษ์น้ำในโรงเรียนและชุมชนของตัวเอง ผ่านกิจกรรมสนุกสนานและเนื้อหาที่เหมาะสมเข้าใจง่ายที่กระตุ้นให้เด็ก ๆ อยากเรียนรู้ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมจากหน่วยงานภาครัฐและภาคการศึกษา ที่จะเข้ามาแชร์ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้น้อง ๆ นักเรียนเห็นว่าน้ำคือสิ่งสำคัญในทุก ๆ ด้านของชีวิต ทุกคนมีบทบาทในการรักษาน้ำ และต้องร่วมกันลงมืออนุรักษ์น้ำตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป”

โครงการ “มิซุอิกุ” ถือกำเนิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2547 โดยความริเริ่มของ บริษัท ซันโทรี่ โฮลดิ้งส์ จำกัด ชื่อโครงการมาจากภาษาญี่ปุ่น คือ “มิซุ” แปลว่า น้ำ และ “อิกุ” แปลว่า การศึกษา มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชนและท้องถิ่น ตลอดจนต่อยอดองค์ความรู้และปลูกฝังหัวใจแห่งการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำให้แก่เยาวชนเพื่อก่อให้เกิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 6 (Sustainable Development Goals : SDG 6) เรื่องการสร้างหลักประกันในการจัดให้มีน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภค การจัดการน้ำที่ยั่งยืน และสุขาภิบาลสำหรับทุกคน โดยในปีนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญเนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 20 ปีของโครงการ “มิซุอิกุ” ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นแบบของโครงการ “มิซุอิกุ” ที่ได้ขยายการดำเนินโครงการไปยัง 8 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ทั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ ทั้งสิ้นกว่า 580,000 คน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงของซันโทรี่ กรุ๊ป ที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เพื่อส่งต่อทรัพยากรธรรมชาติอันล้ำค่านี้ให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดของกิจกรรมภายใต้โครงการ “วัน ซันโทรี่ มิซุอิกุ: เรารักษ์น้ำ” ได้ที่ Facebook:  One Suntory Mizuiku Program Thailand (https://www.facebook.com/OneSuntoryMizuikuProgram )

X

Right Click

No right click