November 21, 2024
CSR

เอปสัน สนับสนุนยูเอ็น จัด “Wheel for Wild” ปั่นพิทักษ์ป่า รักษาความยั่งยืนของสังคมไทย

December 21, 2020 4000

เอปสัน บริษัทผู้ผลิตเทคโนโลยีพรินเตอร์และโปรเจคเตอร์ระดับโลก ยึดแนวทางความยั่งยืนตลอดวงจรธุรกิจตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทขึ้นเมื่อเกือบ 80 ปีที่แล้ว และกลายเป็นบริษัทแรกในโลกที่ประกาศจะกำจัดสาร ซีเอฟซีที่ทำลายชั้นโอโซนออกจากกระบวนการผลิตทั้งหมด ซึ่งประสบความสำเร็จในปี 2536 ก่อนเข้าร่วมข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact) ในปี 2547 และต่อมาได้ประกาศให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ ปัจจุบัน เอปสันยังคงยึดหลักความยั่งยืนตั้งแต่ขั้นตอนกำหนดแนวคิด ออกแบบ ไปจนเสร็จสิ้นกระบวนการผลิต เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีขนาดกะทัดรัด ที่มีประสิทธิภาพและความแม่นยำสูง เพื่อใช้ในนวัตกรรมที่สามารถเปลี่ยนโลกให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

ยิ่งในโลกธุรกิจทุกวันนี้ ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมกลายเป็นประเด็นสำคัญ กระแสของการใช้ Green Tech จึงเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกองค์กร เอปสันประสบความสำเร็จในการสร้างอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ที่เรียกได้ว่าเป็น Green Tech อย่างเต็มตัว เพราะไม่เพียงแต่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ ถึง 85% ยังมีชิ้นส่วนในเครื่องที่ต้องเปลี่ยนทดแทนน้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ถึง 59% ทำให้ช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ลงได้มาก ที่สำคัญ เอปสันมีเทคโนโลยี Heat-Free ที่ไม่ใช้ความร้อนในกระบวนการพิมพ์ จึงใช้พลังงานไฟฟ้าน้อยกว่าเลเซอร์พรินเตอร์ที่มีความเร็วในการพิมพ์ระดับเดียวกันถึง 80%

 

นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย)​ จำกัด กล่าวว่า “บริษัทแม่ ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ได้ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน ควบคู่กับการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึดกรอบปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เน้นในเรื่อง “Quality Education” หรือการพัฒนาความรู้และการศึกษาในเยาวชน และในปี 2562 ที่ผ่านมา ทางบริษัท ได้มีการขยายขอบเขตไปในเรื่อง “Responsible Consumption” ที่มุ่งเน้นให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักในการใช้ทรัพยากรผ่านกิจกรรม From Plastic to Fabric ที่ให้ประชาชนนำถุงพลาสติกเหลือใช้มาแลกเปลี่ยนเป็นถุงผ้าที่มีการพิมพ์ลวดลายจากเครื่องพิมพ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของเอปสัน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการตอบรับนโยบายการลดการใช้ถุงพลาสติก และส่งเสริมการใช้ถุงผ้าที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้หลายครั้ง โดยถุงพลาสติกที่รวบรวมได้ ทางบริษัท ได้นำส่งไปให้หน่วยงานเพื่อนำไปรีไซเคิลเป็นบล๊อกปูถนนต่อไป

 

ล่าสุดในปี 2563 นี้ ซึ่งเป็นปีครบรอบ 30 ปีของเอปสัน ประเทศไทย บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตของงาน ซีเอสอาร์มาด้าน “Life on Land” อีกหนึ่งในหัวข้อสำคัญของ SDGs โดยได้ร่วมกับมูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพรรณพืชแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ จัดกิจกรรม “Wheel for Wild” เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกันรักษาทรัพยากรและใส่ใจในเรื่องการใช้พลังงานมากขึ้น ผ่านกิจกรรมซึ่งเป็นกิจกรรมที่เชิญชวนประชาชนทั่วไปร่วมทำกิจกรรมปั่นจักรยานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับพรินเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Free จากเอปสัน โดยมีกติกาว่าเมื่อผู้ร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานผลิตไฟฟ้าครบ 3 นาที เอปสันจะทำการบริจาคเงินจำนวน 30 บาทให้กับทางมูลนิธิฯ นอกจากนี้จักรยานที่ต่อไดนาโมและแบตเตอรีจะจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าเครื่อง WF-C20590 เพื่อพิมพ์ใบประกาศเกียรติคุณจากมูลนิธิฯ ให้กับผู้ร่วมกิจกรรม เพื่อยืนยันถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของมูลนิธิฯ โดยเอปสันได้จัด โร้ดโชว์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้สนใจที่หลากหลาย โดยเริ่มที่งาน COMMART XTREME ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ในวันที่ 26-29 พฤศจิกายน ต่อด้วยที่อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ในวันที่ 2-4 ธันวาคม และศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ บริเวณลานกิจกรรมชั้น G ในวันที่ 14-15 ธันวาคม ก่อนปิดท้ายที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 18-20 ธันวาคม

นายยรรยง กล่าวเสริมว่า “กิจกรรม “Wheel for Wild” ปั่นพิทักษ์ป่า ไม่เพียงแต่ตอกย้ำถึงความพยายามของเอปสัน ประเทศไทย ในการแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมของประเทศไทยในฐานะองค์กรธุรกิจที่ดำเนินกิจการในประเทศไทยมานานถึง 30 ปี แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของเอปสันในการคิดค้นนวัตกรรมและสร้างเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างความยั่งยืนให้กับธรรมชาติของโลก อย่างที่เห็นได้จากเทคโนโลยี Heat-Free ในอิงค์เจ็ทพรินเตอร์ของเอปสันที่ประหยัดไฟ และใช้กำลังไฟเพียง 10 วัตต์ในการพิมพ์เอกสาร 1 หน้า ซึ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจะได้รับประสบการณ์อันน่าทึ่งนี้ ด้วยการปั่นจักรยานเพียงไม่ถึง 3 นาที ก็สามารถพิมพ์เอกสารสีออกมาได้”

“ในปัจจุบัน ผู้บริโภคต้องการเห็นความพยายามและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมจากผู้ผลิตในการรักษาธรรมชาติ ทั้งยังเต็มใจที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคเพื่อให้ได้มีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะคนกลุ่ม Millennial และ Gen Z ที่ยินดีจะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมหรือกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับธรรมชาติหรือมีส่วนในการตอบแทนสังคม การที่ผู้ผลิตสามารถแสดงออกถึงบทบาทในการรักษาสิ่งแวดล้อมไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความได้เปรียบในเชิงการแข่งขันทางธุรกิจ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์สินค้า แต่ยังเป็นการนำธุรกิจไปสู่ทิศทางและตำแหน่งของการเป็นองค์กรที่สังคมและผู้บริโภคจะขาดไม่ได้ ซึ่งนั่นคือเป้าหมายของเอปสัน” นายยรรยง ทิ้งท้าย

Related items

X

Right Click

No right click