นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการเป็นประธานพิธีเปิดงาน Thailand Smart City Expo 2024 ว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะผลักดันนโยบายเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง มุ่งสร้างประเทศไทยให้เป็นพื้นที่แห่งโอกาสทั่วทุกตารางนิ้ว โดยเน้นการพัฒนาเมืองให้มีความน่าอยู่อย่างยั่งยืน และพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงผ่านการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โลกเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงทั้งด้านภูมิอากาศและภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตประชาชน รัฐบาลจึงใช้ Big Data ในการบริหารจัดการและกำหนดนโยบายแก้ปัญหาอย่างทันท่วงที พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และขับเคลื่อนนโยบาย 'Cloud First' เพื่อสร้างประเทศไทยให้เป็น Data Hub ที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมมุ่งสร้างรัฐบาลดิจิทัลทั่วประเทศ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลอย่างราบรื่น
รัฐบาลยังได้สนับสนุนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะผ่านการร่วมพัฒนาเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน (ASEAN Smart Cities Network: ASCN) และมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย พร้อมให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อเร่งการพัฒนาไทยเป็นผู้นำด้านเมืองอัจฉริยะในภูมิภาค การจัดงาน Thailand Smart City Expo 2024 ครั้งนี้ ซึ่งจัดโดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ถือเป็นเวทีธุรกิจสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน ด้วยการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีในการจัดการเมือง การให้บริการประชาชนอย่างชาญฉลาด และการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
“การพัฒนาประเทศไปสู่เป้าหมายต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ องค์กรปกครองท้องถิ่น ภาคเอกชน ประชาชน สถาบันการศึกษา และพันธมิตรนานาประเทศ ซึ่งความร่วมมือในวันนี้เป็นนิมิตหมายที่ดีในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะและการพัฒนาประเทศอย่างมีส่วนร่วม” นายยุทธพงศ์ กล่าว
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน กล่าวว่า การจัดงาน Thailand Smart City Expo 2024 ซึ่งเป็นปีที่ 3 โดยในปีนี้เชื่อว่าจะมีเมืองต่างๆ ทั่วประเทศไทยเข้าร่วมมากขึ้น นอกเหนือจาก 140 เมืองที่เป็นเมืองอัจฉริยะอยู่แล้ว โดยในปีนี้จะมีการจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใน 7 กลุ่มหลัก ได้แก่ SMART Telecom, SMART Energy, SMART Living, SMART Industry & Retail, SMART Mobility, SMART Environment, และ SMART Healthcare โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 150 ราย
อีกทั้งยังมีโซนจัดแสดงนวัตกรรมที่ครอบคลุมทุกด้านของการพัฒนาเมือง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารขั้นสูง ระบบพลังงานอัจฉริยะที่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปจนถึงโซลูชันการอยู่อาศัยที่สร้างความสะดวกสบายและปลอดภัย รวมทั้งการพัฒนาด้านสุขภาพอัจฉริยะที่เน้นการดูแลและการเข้าถึงบริการสุขภาพได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงระบบการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมที่ช่วยลดมลพิษและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด“เราคาดว่าตลาดระยะเวลาการจัดงานในครั้งนี้จะมีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 10,000 คน และช่วยจะสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้ไม่น้อยกว่า 600 ล้านบาท” นายศักดิ์ชัย กล่าว
ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ รักษาราชการแทน รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีภารกิจสำคัญในการผลักดันการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยในทุกมิติอย่างทั่วถึงและ มีประสิทธิภาพ อำนวยความสะดวกและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการจัดเก็บและเชื่อมโยงข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) การขับเคลื่อนนโยบายใช้คลาวด์เป็นหลัก หรือ “Cloud First Policy” การสร้างแพลตฟอร์มกลางสำหรับการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และท้องถิ่น ผลักดันให้เกิดรัฐบาลดิจิทัลทั่วประเทศ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญในการเสริมศักยภาพของเมืองในยุคดิจิทัลด้วยการยกระดับความปลอดภัยและการบริหารจัดการข้อมูล และ การขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยมี สำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ การขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะในประเทศไทยที่ผ่านมา ทำให้เกิดเมืองอัจฉริยะจำนวน 36 พื้นที่ มีมูลค่าการลงทุนรวม 6,842.97 ล้านบาท ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนกว่า 8.6 ล้านคน และมีเมืองที่ได้รับประกาศเป็นเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ เพื่อผลักดันให้เป็นเมืองอัจฉริยะต่อไปอีกกว่า 175 พื้นที่
ดังนั้น เพื่อกระตุ้นให้เมืองอื่น ๆ ได้มีต้นแบบของการพัฒนาเมืองต่อไป ดีป้า จึงได้จัดกิจกรรมมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทย ประกาศนียบัตรเขตส่งเสริมเมืองอัจฉริยะ และรางวัลสำหรับผู้ชนะการประกวด Smart City Solutions Awards 2024 ซึ่งเป็นการเชิดชูเกียรติแก่ผู้ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเมืองที่ใช้ประโยชน์ จากเทคโนโลยีและข้อมูล และเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการดำเนินการต่อไป
“การจัดงาน Thailand Smart City Expo 2024 จะเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันในการสร้างสรรค์นวัตกรรม ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งจากกระทรวงต่าง ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย ภาคเอกชนที่พร้อมจะนำเสนอนวัตกรรม รวมถึงประชาชนที่มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้ การพัฒนาเมืองอัจฉริยะเป็นไปอย่างยั่งยืนและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทย” นางปิยนุช กล่าว
รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของกรุงเทพมหานคร ตามแผนพัฒนา 20 ปีของกรุงเทพมหานคร โดยเน้นยุทธศาสตร์ 7 ด้าน ได้แก่ มหานครปลอดภัย มหานครสีเขียวสะดวกสบาย มหานครสำหรับทุกคน มหานครกระชับ มหานครประชาธิปไตย มหานครแห่งเศรษฐกิจและการเรียนรู้ และการบริหารจัดการมหานคร โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ เช่น การจัดการจราจร การติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อความปลอดภัย และการใช้แอปพลิเคชันในการให้บริการประชาชน การบูรณาการเทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ากับยุทธศาสตร์เหล่านี้จะช่วยให้กรุงเทพมหานครกลายเป็นเมืองที่ทันสมัยและยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต
นายชัชชาติ ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาเมือง การสร้างแพลตฟอร์มที่เปิดให้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะวิธีการแก้ไขปัญหาในเมือง ทำให้เกิดการพัฒนาเมืองที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร
“งานนิทรรศการไทยแลนด์เมืองอัจฉริยะ ประจำปี พ.ศ. 2567” หรือ “Thailand Smart City Expo 2024” นับเป็นเวทีที่สำคัญในการนำเสนอเทคโนโลยีอัจฉริยะในการพัฒนาเมืองผ่านส่วนงานแสดงสินค้าและเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญจากทั้งไทยและต่างประเทศ ผ่านกิจกรรมสัมมนาทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนภายในงาน” นายชัชชาติ กล่าว
ดร.ดวงเด็ด ย้วยความดี ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรมแสดงสินค้านานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวว่า "งานนี้สอดคล้องกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล และสนับสนุนการเดินหน้าประเทศไทยสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะอย่างเต็มรูปแบบ โดยการรวบรวมนวัตกรรมและผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกเข้ามา เรามุ่งหวังที่จะสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างโอกาสทางธุรกิจ และทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจในเอเชีย"
ดร.ดวงเด็ด ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของงานนิทรรศการในฐานะเวทีในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ การนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีจากทั่วโลกเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้เข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย และสามารถนำมาปรับใช้ในการพัฒนาธุรกิจและเมืองให้เกิดความเติบโตอย่างยั่งยืน งานแสดงสินค้านี้เป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้ สร้างประสบการณ์ และต่อยอดนวัตกรรมในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของไทย
งาน Thailand Smart City Expo 2024 เป็นเวทีสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเมือง โดยการบูรณาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าสู่ทุกมิติของชีวิตในเมือง สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเมืองไทยที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนและฉลาดหลักแหลมในอนาคต งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการนำเสนอเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการเปิดเวทีให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วนได้มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และความคิดเห็น สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่เหมาะสมกับบริบทของแต่ละเมืองและการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยในทุกมิติ
นอกจากนี้ภายในงาน Thailand Smart City Expo 2024 ยังมีกิจกรรมและไฮไลท์มากมาย เช่น การจัดแสดงนวัตกรรมจากองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อาทิ AIS, DTC, Korea Alpha, NEC, NMB Minebea, Resync, SAIJAI TECH, Samsung, และ SCG การสาธิตเทคโนโลยี เช่น ไฟถนนอัจฉริยะที่ควบคุมจากระยะไกลผ่าน IoT แพลตฟอร์ม AI Cloud โซลูชันการบริหารพลังงานอัจฉริยะ ระบบการวัดคุณภาพน้ำด้วยอุปกรณ์ IoT และระบบ Solar Cell ที่ช่วยให้เมืองสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการจัดสัมมนาและเวิร์กช็อปจากผู้นำภาครัฐและเอกชน เช่น depa และ SCG ครอบคลุมหัวข้อการพัฒนาการดำรงชีวิตอัจฉริยะ เทคโนโลยีสุขภาพ และการท่องเที่ยวเสมือนในอนาคต
ผู้สนใจเข้าร่วมงาน “Thailand Smart City Expo 2024” มหกรรมเทคโนโลยีและนวัตกรรมการพัฒนาเมืองที่ยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาค ระหว่างวันที่ 6-8 พฤศจิกายน 2567 ณ ฮอลล์ 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของงาน www.thailandsmartcityexpo.com