นพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการในครึ่งปีแรก ตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนมิถุนายน 2560 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 420 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 118 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 256 ในขณะที่เบี้ยประกันภัยรับรวม 2,961 ล้านบาท มีการเติบโตขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 2,889 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.5 รายได้จากการลงทุน 391 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่ 316 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24 นับเป็นผลงานที่เกินกว่าที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าไว้ในทุกด้าน
ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 16,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio – CAR) ณ สิ้นไตรมาส 2/2560 ที่ระดับร้อยละ 304 ซึ่งสูงกว่าระดับที่กฎหมายกำหนดอยู่มากกว่า 2 เท่า และบริษัทฯ ยังได้มีการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปีงบประมาณ 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.25 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงแสดงถึงสภาพคล่องและความมั่นคงในฐานะทางการเงินของบริษัทฯ
นพพรระบุอย่างมั่นใจว่าปี 2560 จะสามารถดำเนินงานได้ทะลุเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,200 ล้านบาท ด้วยแผนกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ โดยช่องทางการลงทุนมีการบริหารการลงทุนโดยคำนึงถึงความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นสำคัญ ซึ่งสัดส่วนของการลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้เอกชน สลากออมสิน เป็นสัดส่วนเกือบ 80% ที่เหลืออีก 15% เป็นการลงทุนในกอง Property Fund และ Infrastructure Fund ที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ โดยมีการลงทุนในหุ้นอยู่ประมาณ 2% ในขณะที่การบริหารทรัพยากรบุคคลอยู่ภายใต้กรอบนโยบาย Small but mighty การใช้ทรัพยากรในจำนวนที่น้อยแต่มากด้วยความสามารถ ปัจจุบันพนักงานของบริษัทมีจำนวนไม่ถึง 150 คน ในการทำเบี้ยเกือบ 3,000 ล้านบาท ตนจึงมั่นใจในศักยภาพคนของเราว่าสามารถรองรับการขยายตัวของเบี้ยตามเป้าที่ตั้งไว้ 7,200 ล้านบาทในสิ้นปีนี้แน่นอน โดยจะพัฒนาระบบ IT ในการสร้างหลังบ้านให้แข็งแกร่ง รวมไปจนถึงตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรม การเตรียมความพร้อมรองรับการขยายงานด้าน Digital Marketing และการเปิดช่องทางการขาย Bancassurance ผ่านธนาคารออมสิน ที่คาดว่าจะสามารถสร้างเบี้ยในครึ่งปีหลังได้ 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้บริษัทได้มีการปรับโครงสร้างช่องทางขายเพื่อให้ทันต่อตลาดในปัจจุบัน โดยมอบหมายให้ศุภชัย จงศุภวิศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด ที่สร้างผลงานนำพาช่องทาง MRTA เข้าสู่อันดับ 1 ในอุตสาหกรรมในปีนี้ มาดูแลช่องทางขายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่องทางประกันสถานบัน, ประกันกลุ่ม, Bancassurance รวมไปถึงช่องทางสามัญ ภายใต้หลักการการทำตลาดเชิงรุกแบบบูรณาการ
ศุภชัย กล่าวถึงแผนการตลาดที่เตรียมไว้รองรับช่วงครึ่งปีหลังว่า หากแบ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็น 4 กลุ่มย่อย จะประกอบด้วยประกันสินเชื่อที่มีพันธมิตรสำคัญคือธนาคารออมสิน ประกันสามัญผ่านตัวแทน ประกันสามัญผ่านธนาคาร ประกันกลุ่ม แต่ละผลิตภัณฑ์มีการเตรียมแผนการตลาดรองรับ เช่น ประกันกลุ่มยังเน้นรักษาฐานลูกค้า โดยยังคงเน้นเรื่องการบริหารเป็นหลัก ประกันสินเชื่อและประกันสามัญผ่านธนาคาร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำรายได้ให้กับบริษัทจำนวนมาก จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาให้เห็นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี รวมถึงอาจมีการขยายพันธมิตรไปร่วมมือกับธนาคารอื่นๆ เพิ่มขึ้น ในส่วนประกันสามัญผ่านตัวแทน จะมีการปรับปรุงโครงสร้างการทำงานใหม่ มีการปรับผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตัวแทนแต่ละรายที่มีความชำนาญแตกต่างกัน และจะมีพัฒนาบุคลากรของทิพยประกันชีวิตให้เป็นตัวแทนที่มีคุณภาพมุ่งสู่การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึงการเปิดรับตัวแทนใหม่ๆ เข้ามาเสริมทีม