ธนาคารทหารไทยจำกัด(มหาชน) หรือ ทีเอ็มบี โดยปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทีเอ็มบี เปิดเผยแผนงานธุรกิจของธนาคารในปีนี้ว่า ทีเอ็มบีจะเดินหน้าเพื่อ Make THE Difference อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าทุกกลุ่ม “ได้มากกว่า” (Get MORE with TMB) และบรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ นิยมใช้บริการของทีเอ็มบีเป็นธนาคารหลัก (Main Bank) อย่างเป็นประจำ มีความชื่นชอบในบริการของทีเอ็มบีจนต้องบอกต่อ โดยตั้งเป้าหมายขึ้นชั้นเป็นธนาคารที่ลูกค้าชื่นชอบและบอกต่อมากที่สุดในประเทศไทย (The Most Advocated Bank in Thailand) ภายในปี 2565
ทีเอ็มบีจะดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อตอกย้ำการเป็นธนาคารที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ตรงจุด (Need Based) ง่ายและสะดวก (Simple & Easy) ให้ลูกค้าได้มากกว่า (Get MORE with TMB) เมื่อมาใช้บริการทีเอ็มบีเป็นธนาคารหลักเป็นประจำ ซึ่งลูกค้าจะได้รับ สิทธิประโยชน์ที่มากกว่า (More Benefits), มีเวลาใช้ชีวิตมากขึ้นสำหรับเรื่องอื่นที่สำคัญ (More Time) และ มีโอกาสที่ดีเพิ่มขึ้น (More Possibilities)
และเพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทีเอ็มบีจะพัฒนาและส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งพัฒนาช่องทางธนาคารและมอบประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อเพื่อให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้ง่ายใช้งานได้จริง และนอกจากนี้ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรในหลายส่วนเพื่อลดความซับซ้อนให้เป็นองค์กรแบบราบ (Flat Organization) มีระดับชั้นการบังคับบัญชาสั้นลงเหลือเพียง 5 ชั้น พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน และพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทีเอ็มบีมีความคล่องตัวฉับไวในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ทันต่อความต้องการของลูกค้า รวมทั้งการบริหารจัดการข้อมูล Big Data และนำข้อมูลที่มีอยู่มากมายให้สามารถนำมาใช้อย่างเป็นระบบและวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เพื่อให้เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า ซึ่งจะทำให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจลูกค้าอย่างแท้จริงได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยสนองความต้องการลูกค้าTMB ในกลุ่มต่างๆ ประกอบด้วย
|
More Benefit |
More Time |
More Possibilities |
ลูกค้าธุรกิจ |
TMB Supply Chain Financing Solutions
|
TMB QR for Business พร้อมเพย์ โมบายล์แอปพลิเคชัน TMB Business TOUCH Internet Banking |
ที่ปรึกษาและคู่คิดทางธุรกิจ |
ลูกค้าเอสเอ็มอี |
TMB SME WOW |
TMB Business TOUCH TMB SME One Bank |
TMB SME Advisory โครงการ Lean Supply Chain by TMB |
ลูกค้ารายย่อย |
TMB All Free TMB TOUCH Mobile App TMB No Fixed TMB WOW |
TMB TOUCH Mobile App |
TMB Advisory |
ระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี เปิดเผยทิศทางธุรกิจปี 2561 ที่กำลังจะมาถึงว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สถาบันการเงินของไทยก็กำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกดิจิทัล รวมถึงกฎเกฎฑ์ต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงไป การวางกลยุทธ์ของเคทีซี จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา โดยสิ่งที่เคทีซีเตรียมพร้อมมานานแล้วคือการพัฒนาบุคลากรให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามในการวางกลยุทธ์ธุรกิจสำหรับปี 2561 หลักๆ คือจะมีการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ที่มีความชำนาญในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อใช้จุดเด่นของแต่ละฝ่ายที่มีสร้างแพลตฟอร์มที่ได้ประโยชน์ การที่เคทีซีมีการเตรียมพร้อมด้านบุคลากรมาอย่างต่อเนื่องจึงเป็นจังหวะที่ดีที่จะทำให้กิจการเติบโตในภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้
การปรับกลยุทธ์ด่านไอทีและดิจิทัลของเคทีซีเพื่อสนับสนุนประเทศไทยสู่สังคมไร้เงินสด มี 3 แนวทางหลัก คือ ระบบต้องมีความเสถียร โมเดลธุรกิจที่จับต้องได้ และกระบวนการทำงานถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ในขณะที่พันธมิตรที่เคทีซีมุ่งขยายความร่วมมือจะเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ และพร้อมที่จะร่วมทำงานกับเคทีซี ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด สตาร์ทอัพ ฟินเทค หรือร้านค้าต่างๆ
ปิยะฉัตร เตชะเสน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส ช่องทางจัดจำหน่ายและธุรกิจร้านค้า เคทีซี เปิดเผยว่า กลยุทธ์ของธุรกิจช่องทางจัดจำหน่ายและธุรกิจการค้าที่ผ่านมามีการปรับปรุงระบบหลังบ้านเพื่อช่วยในขั้นตอนการสมัครสมาชิก การเน้นกลุ่มลูกค้าเงินเดือน 30,000 บาทขึ้นไป โดยบริษัทจะช่วยผู้ขายในการชี้เป้าหมายกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น เน้นช่องทางออนไลน์ในการรับสมัครผ่านแอพพลิเคชันและคิวอาร์โค้ดตอบรับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ เพื่อเพิ่มช่องทางต่อเนื่องจากช่องทางหลักของเคทีซีคือสาขาของธนาคารกรุงไทยและตัวแทนขาย
ในส่วนของร้านค้า จะมีการปรับใช้เทคโนโลยี Payment Solution ที่หลากหลายให้เหมาะกับแต่ละร้านค้าและช่วยให้ร้านค้าสามารถบริหารต้นทุนของตนเองได้ดีขึ้น และจะเจาะขยายร้านค้าขนาดกลางและเล็กด้วย QR Code Payment ขณะที่ตลาดนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ก็จะนำเสนอ Alipay O2O (Onlinte to Offline) เพื่อเร่งขยายจุดรับชำระค่าสินค้าและบริการตามแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน
พิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจบัตรเครดิต เคทีซี บอกถึงกลยุทธ์ธุรกิจบัตรเครดิตว่า ยังคงเน้นกลยุทธ์ที่ใช้มาอย่างต่อเนื่องคือ เน้นที่ความต้องการของลูกค้า การร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เน้นการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ผ่านโปรแกรมคะแนนสะสมและการผ่อนชำระ
การปรับธุรกิจให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ทันท่วงทีเพื่อการเติบโตอย่างแข็งแรงโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยขับเคลื่อน เพื่อให้ลูกค้าเกิดความผูกพัน และเลือกใช้บัตรเครดิตเคทีซี รวมถึงการสื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งจะมีการพัฒนาให้เห็นในอีกไม่นานนี้
สุดาพร จันทร์วัฒนากุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจสินเชื่อบุคคล เคทีซี เล่ากลยุทธ์การตลาดธุรกิจสินเชื่อบุคคลโดยเริ่มจากสถาพตลาดโดยรวมมีการแข่งขันที่สูง มีคู่แข่งหน้าใหม่เข้ามาในตลาด รวมถึงกฎกติกาใหม่ๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์การขยายฐานลูกค้า โดยจะเน้นกลุ่มที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป เพราะไม่มีการจำกัดวงเงินและจำนวนสถาบันการเงิน
ในกลุ่มที่รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่สำคัญ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาและเริ่มทำงานประจำ ก็จะใช้ KTC Proud ให้เป็นบัตรใบแรกของลูกค้า และจะพัฒนาคุณสมบัติและบริการสินเชื่อพร้อมใช้ของ KTC Pround ให้ตอบโจทย์สมาชิกมากขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น Cash Online เบิกถอนเงินสดผ่านโทรศัพท์มือถือและเว็บไซต์เคทีซี สำหรับผู้มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารกรุงไทย นอกจากนี้ยังมีแผนการตลาดเพื่อรักษาฐานลูกค้ากว่าแปดแสนรายให้ใช้บริการเคทีซี เช่น โปรแกรมแบ่งเบาภาระหนี้ และค่าครองชีพ คอร์สการให้ความรู้เพื่อเสริมสร้างรายได้ การพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านต่างๆ
ชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานคอร์ปอเรทไฟแนนซ์ เคทีซี กล่าวถึงกลยุทธ์บริการการเงินของเคทีซีว่า แม้จะมีกฎเกณฑ์ใหม่ๆ ออกมา แต่เคทีซีก็มีการเตรียมความพร้อมรับมือเช่น มาตรฐานบัญชี IFRS9 ที่จะประกาศใช้ในปี 2562 เคทีซีก็มีการสอบทานโมเดลที่ใช้ในการคำนวณสำรองว่ามีความสอดคล้อง และเป็นไปตามแนวทางของมาตรฐานนี้แล้ว กลยุทธ์การบริหารด้านการเงินของเคทีซีในปี 2561 จะยังเน้นการบริหารต้นทุนเงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการหาต้นทุนเงินที่ต่ำ และเพิ่มสัดส่วนเงินกู้ระยะยาวมากขึ้น รวมถึงมีแผนออกหุ้นกู้ระยะยาวเพื่อทดแทนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปีหน้า
โดยเคทีซียังคงความสามารถในการสร้างรายได้และทำกำไร รวมถึงควบคุมสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม โดยกำไรของปี 2560 ยังจะเติบโต 10 เปอร์เซ็นต์ตามที่วางเป้าหมายไว้
ระเฑียรสรุปว่า วันนี้เคทีซีพร้อมเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับรองรับแพลตฟอร์มงานดิจิทัล และเชื่อว่าลูกค้าจะได้รับบริการด้านดิจิทัลที่ดีที่สุดของวงการบัตรเครดิตในขณะนี้ และพร้อมจะให้สมาชิกเคทีซีและลูกค้าในอนาคตเป็นผู้พิสูจน์ เพื่อให้เคทีซีมีโอกาสปรับปรุงและพัฒนางานให้ดียิ่งขึ้น เพราะความพึงพอใจของลูกค้าจะช่วยสร้างความผูกพันกับแบรนด์เคทีซีอย่างยั่งยืน และเคทีซีพร้อมจะนำเสนอให้ลูกค้าได้ประโยชน์ครบทุกความต้องการ