

บริทาเนีย ชูทิศทางการดำเนินงาน ปี 68 ด้วย “Craft & Love is BRI” เปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,500 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้รวม 4,000 ล้านบาท ดึง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” พรีเซนเตอร์คนใหม่ตอกย้ำแบรนด์สะท้อน DNA ของ BRITANIA พร้อมขยายสู่ตลาดใหม่ - New Business เพิ่มโอกาสสร้างรายได้
ดร.ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงรอบด้านเหมือนกับปี 2567 จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ตัวเลข GDP ที่เติบโตต่ำกว่าคาด รวมทั้งปัญหาหนี้ครัวเรือนต่าง ๆ กระทบถึงกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัว และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ภายใต้วิกฤตินี้ทำให้ในปีนี้ BRITANIA ต้องกลับมายืนหยัดที่ความสามารถในการแข่งขันของตัวเอง ทั้งในด้านสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้บริโภคในทุกช่วงอายุ เสริมด้วยการตอกย้ำคุณค่าของแบรนด์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Craft a live you love ที่สะท้อนตัวตนของ BRITANIA
แผน 3 กลยุทธ์หลัก และเป้าหมายปี 2568
![]()
ดร.ศุภลักษณ์ กล่าวว่า ในปี 2568 นี้ บริทาเนียจะดำเนินธุรกิจผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย “Authentic Growth” ดำเนินงานต่อเนื่องอย่างรอบคอบ ยกระดับคุณภาพสินค้าและบริการ ส่งมอบบ้านให้กับลูกค้าตามสัญญา โดยในปีนี้เปิดโครงการใหม่ทั้งหมด จำนวน 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 7,500 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้จากการ Transfer จำนวน 5,000 ล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน) และตั้งเป้ารายได้รวม 4,000 ล้านบาท ตามแผนครึ่งปีแรกเปิด 4 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการ BELGRAVIA exclusive ปิ่นเกล้า-บรมราชชนนี มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท, 2.โครงการ BRITANIA สุขสวัสดิ์-ประชาอุทิศ มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท, 3.โครงการ GRAND BRITANIA กรุงเทพกรีฑา-สุวรรณภูมิ (JV) มูลค่าโครงการ 1,550 ล้านบาท และโครงการที่ 4 คือโครงการ BRITANIA บางแสน (JV) มูลค่าโครงการ 1,250 ล้านบาท และอีก 2 โครงการจะเปิดในช่วงครึ่งหลังของปีประกอบด้วย 1.โครงการ BRISTOL BANGKOK (JV) มูลค่ารวม 1,050 ล้านบาท, และ 2.โครงการ BALCO LAGOON เชิงทะเล ภูเก็ต มูลค่าโครงการ 950 ล้านบาท เป็นโครงการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการ BALCO BANGTAO BEACH เป็นบ้านเดี่ยว/วิลล่า ใกล้หาดบางเทา เป็นส่วนตัวเพียง 35 ยูนิต
![]()
“กลยุทธ์ต่อมาคือ “Crafted Branding” เน้นที่การรับรู้ของผู้บริโภค ถึงตัวตนของ BRITANIA ที่เป็นเอกลักษณ์ผ่านความ Craft ความประณีตในการสรรหา การออกแบบ การก่อสร้าง สถาปัตยกรรม และ Love ความรัก ความใส่ใจในการบริการ” ดร.ศุภลักษณ์กล่าว รวมถึงการเปิดตัวพรีเซนเตอร์คนใหม่ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” สะท้อนภาพลักษณ์ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของณเดชณ์ ซึ่งเป็นคนถ่อมตน สบาย ๆ เข้าถึงง่าย รักสัตว์ ขยัน มีความจริงจังในการใช้ชีวิต มีรสนิยม มีความโรแมนติก และรักครอบครัว ซึ่งเป็น DNA ของ BRITANIA สะท้อนภาพการใช้ชีวิตในแบบที่รักได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าชีวิตที่ต้องการจะเป็นแบบไหน บ้านบริทาเนียก็ตอบโจทย์ทุกความต้องการในทุกย่างก้าวของชีวิต และเติมเต็มในทุกเซกเมนต์ ผ่านโปรดักส์แบรนด์ เช่น แบรนด์ BRIGHTON เติมสีสันให้ชีวิตอิสระ, แบรนด์ BRITANIA วัยเริ่มสร้างครอบครัว ต้องการสมดุลชีวิตที่สมบูรณ์, แบรนด์ GRAND BRITANIA เติมเต็มความภาคภูมิใจให้ชีวิต, แบรนด์ BELGRAVIA ชีวิตที่สง่างามมีได้ทุกวัน ผ่านคำว่า ‘บ้าน’ ที่พร้อมให้สัมผัสชีวิตในแบบที่รักไปพร้อมกับณเดชณ์ที่บริทาเนีย
เข้าสู่ตลาดใหม่ - New Business เพิ่มโอกาสสร้างรายได้
กลยุทธ์สุดท้าย คือ “Crafted Expansion” จากเทรนด์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน บริทาเนียจะมีการขยายเข้าสู่ตลาดและธุรกิจใหม่ ๆ ได้แก่
- Wellness Service at Home บริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพและการใช้ชีวิต
- Pet Care Service บริการดูแลสัตว์เลี้ยง
- Interior & Landscape บริการรับออกแบบตกแต่งทั้งภายในและจัดสวน
- Renovation & Construction บริการการรับสร้างบ้านและปรับปรุงบ้านเก่า รวมถึงบริการต่าง ๆ แบบครบวงจรในอนาคต เช่น การดูแลผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และการทำความสะอาด
จากทิศทางและกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ บริทาเนียยังคงยืนหยัดประกอบธุรกิจที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยคุณค่าของสินค้าและบริการที่ดี เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของบริษัทฯ และสร้างการรับรู้ในตัวตนของ BRI เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บริทาเนียจะเป็นหนึ่งในแบรนด์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ทุกคนนึกถึง เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา บริทาเนียยังคงมุ่งพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ที่ดีที่สุดเพื่อให้ลูกค้าได้ดีไซน์ชีวิตในแบบที่รัก สมดัง brand promise ของบริทาเนีย นั่นคือ “CRAFT a life you love” ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก
PT Bank Rakyat Indonesia (Persero) Tbk (IDX: BBRI) เปิดเผยกลยุทธ์เพื่อเร่งการทำระบบนิเวศ UMi (Ultra-Micro Holding) ในอินโดนีเซีย หลังจากการก่อตั้ง UMi holding อย่างเป็นทางการในวันที่ 13 กันยายน 2564 โดย BRI มีการใช้กลยุทธ์หลัก 3 ประการตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2564
สำหรับระบบนิเวศนั้น BRI ได้ออกหุ้นเพิ่มทุนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Rights Issue) สูงสุด 28,213,191,604 หุ้นสำหรับการระดมทุนรอบ B Series ที่ราคา 3,400 รูเปียห์ต่อหุ้น รัฐบาลอินโดนีเซียได้จองซื้อตามสิทธิทั้งหมดในรูปแบบที่ไม่ใช่ตัวเงิน (inbreng) โดยใช้หุ้นใน PT Pegadaian (Pegadaian) และ PT Permodalan Nasional Madani (PNM) แก่ BRI
ในช่วง 3 ปีแรก BRI ตั้งเป้าในการวางพื้นฐานผ่านแผนหลังบูรณาการ ขณะเดียวกันก็ดำเนินการตามการริเริ่มต่าง ๆ รวมถึงโคโลเคชันด้วย ส่วนในเฟส 2 นั้น BRI, Pegadaian และ PNM จะเริ่มระยะการเสริมความแข็งแกร่ง ซึงรวมถึงการริเริ่มใหม่ ๆ เช่น ช่องทางดิจิทัลที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของ UMi holding ได้ง่ายขึ้น
ในเฟส 3 BRI จะยกระดับความสามารถในด้านการเงินที่ครอบคลุมในอินโดนีเซีย โดย BRI วางแผนจะเปิดตัวโปรแกรมเพิ่มความสามารถเต็มรูปแบบเพื่อเพิ่มความรู้ด้านการเงิน การเติบโตของธุรกิจ และการเข้าถึงดิจิทัลสำหรับลูกค้าองค์กรทั้ง 3 นี้
กระทรวงสหกรณ์และ SME เปิดเผยว่า มีองค์กรขนาดย่อยราว 45 ล้านแห่งในอินโดนีเซียที่ต้องการเงินทุนสนับสนุนในปี 2562 แต่มีธุรกิจขนาดย่อยเพียง 20 ล้านแห่งเท่านั้นที่เข้าถึงสถาบันในระบบได้
Catur Budi Harto รองประธานของ BRI กล่าวว่า “ธุรกิจรายย่อยราว 12 ล้านแห่งเข้าถึงเงินทุนจากแหล่งนอกระบบ เช่น ครอบครัว ญาติ และสถาบันนอกระบบอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน ธุรกิจรายย่อยราว 14 ล้านแห่งไม่มีโอกาสเข้าถึงเงินทุนเลย ไม่ว่าจะในระบบหรือนอกระบบ สิ่งนี้จะเป็นเป้าหมายสำหรับการเติบโตของธุรกิจรายย่อยในอนาคต”
ในแง่ของธุรกิจนั้น UMi Ecosystem จะเปิดโอกาสให้องค์กรทั้งสามได้เสริมแกร่งกระบวนการได้มาและการค้ำประกัน ด้วยการผนวกรวมฐานข้อมูลลูกค้าสินเชื่อกว่า 20 ล้านรายการโดยใช้ขีดความสามารถทางดิจิทัลและการวิเคราะห์
นับจนถึงวันนี้ BRI มีลูกค้าเงินฝากกว่า 120 ล้านราย และลูกค้าสินเชื่อกว่า 13 ล้านราย ในฐานะผู้นำตลาดธุรกิจรายย่อยในอินโดนีเซีย BRI คว้าส่วนแบ่งตลาดมาได้ 60% ซึ่งประกอบด้วยลูกค้ารายย่อย 12.4 ล้านราย