ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 28,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าในปีนี้

ให้ท่องเน็ต  โทร ส่งข้อความได้ทุกที่ทุกเวลา ทั้งบนเครื่องบินและเรือสำราญข้ามแดน เอาใจนักเดินทางทั้งทรูและดีแทค ใช้งานผ่านเครือข่ายพันธมิตร 5G ระดับโลก เร็วสุด แรงสุด  ไม่จำกัดดาต้า

รู้หรือไม่ “ไทย” เป็นหนึ่งในประเทศที่มีสัดส่วน CFO เป็นผู้หญิงมากที่สุดในโลก คิดเป็นอันดับที่ 2 ของโลกที่ 43% ซึ่งหนึ่งในจำนวนดังกล่าวคือ ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ในเดือนแห่งวันสตรีสากล 2567 นี้ True Blog ได้มีโอกาสพุดคุยกับผู้บริหารหญิงแกร่ง ผู้มีบทบาทสำคัญต่อการพิชิตเป้าหมาย Telecom-Tech Company ของทรู คอร์ปอเรชั่น ผ่านมิติทางการเงินและทุน แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้น ยุภาผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน ทั้งชีวิตส่วนตัวและการงาน

อะไรคือแรงผลักดันให้เธอก้าวข้ามแรงกดดัน ยืนหยัดนำองค์กรแสนล้านพลิกสู่เป้าหมายทางการเงินได้เร็วกว่ากำหนด มาร่วมถอดรหัสผ่านเรื่องราวของเธอได้ที่นี่

โอกาสที่เสียไปจากความเป็นผู้หญิง

ยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) โลดแล่นอยู่บนเส้นทางทางการเงินตั้งแต่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เธอมีพื้นเพเป็นคนจังหวัดระยอง ต่อมาย้ายชีวิตเข้าเมืองหลวงเพื่อเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาที่ดีกว่าในระดับมัธยมศึกษา เมื่อชีวิตเดินถึงทางแยกเพื่อเลือกเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ขณะนั้น แนวคิดด้านอาชีพและการค้นหาตัวเองในสังคมไทยยังไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน และจำกัดเพียงไม่กี่อาชีพ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร วิศวกร ทำให้ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่ยึดเกณฑ์ความมั่นคงในหน้าที่การงานและระดับคะแนนของตัวเองเป็นหลัก

“จริงๆ พี่เป็นเด็กสายวิทย์ ชอบคณิตศาสตร์ แต่เลือกเรียนบัญชีตามค่านิยมของสังคมเพราะ ‘เขาบอกกันว่า’ หางานง่าย แต่ในความเป็นจริงคณิตศาสตร์ทางบัญชีต่างจากคณิตศาสตร์บริสุทธิ์มากเลย” ยุภาเล่าถึงประสบการณ์ในวัยเยาว์

เมื่อสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากธรรมศาสตร์ เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ต่างประเทศ เพราะอยากกลับมาเป็นอาจารย์ แต่ด้วยความเป็น “ลูกสาว” การเดินทางไปต่างบ้านต่างเมืองเพียงลำพังเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยง และขณะนั้นการสื่อสารยังไม่สะดวกสบายเหมือนดังเช่นปัจจุบัน ช่องทางในการสื่อสารหลักยังคงเป็น “จดหมาย” ด้วยความเป็นห่วงลูกสาวของพ่อแม่ จึงรั้งให้เรียนในประเทศไปพลาง โดยต่อมาเธอเรียนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ สถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA)

“ความแตกต่างของการเป็นลูกผู้หญิงกับลูกผู้ชายในสมัยก่อนชัดเจนมาก ถ้าเป็นผู้ชาย ที่บ้านพร้อมสนับสนุนเต็มที่ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงต้องมีเพื่อนหรือบัดดี้ไปด้วย ซึ่งพี่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะความเป็นห่วงเป็นใยของพ่อแม่เรา ในทางกลับกัน ผู้หญิงเราก็เสียโอกาสอย่างง่ายดาย แม้เราจะมีความสามารถ มหาวิทยาลัยเลือกเราไปเรียนก็ตาม” ผู้บริหารหญิงสะท้อนกรอบทางสังคมที่มีต่อผู้หญิงในอดีต

ฝ่าฟันวิกฤต (การเงิน)

เมื่อยุภาเก็บเกี่ยวความรู้เต็มตำรา ก็ถึงเวลาเข้าสู่ “สนามการทำงาน” โดยเริ่มทำงานที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเป็นแห่งแรก ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย CFO ดูแลในส่วนของการบัญชีบริหาร (Managerial Accounting) แม้เธอจะเข้าสู่สนามการทำงานอย่างเต็มตัว เเต่เธอก็ยังไม่ทิ้งความฝันในการไปเรียนต่อ ยังคงเตรียมตัวเพื่อสานฝันต่อ ในระหว่างนั้น องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ปัจจุบัน ควบรวมกับ CAT Telecom เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)) กำลังเปิดรับพนักงาน ด้วยความที่ตั้งอยู่ละแวกเดียวกันในย่านเพลินจิต เธอจึงสมัครเข้าทำงานในส่วนงาน Corporate Planning โดยรับผิดชอบด้านกลยุทธ์การเงินของบริษัท ครอบคลุมตั้งแต่การลงทุน การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ

ในช่วงปี 2535-2539 ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของธุรกิจโทรคมนาคมไทย รัฐบาลเปิดสัมปทานให้เอกชนมาลงทุนด้านโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์เคลื่อนที่ และที่นี่เอง ทำให้ยุภาพบกับคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ผู้บุกเบิกธุรกิจสื่อสารของเครือซีพีภายใต้บริษัท เทเลคอมเอเชีย เนื่องจากบริษัทดังกล่าวได้รับสัมปทานจำนวน 2.2 ล้านเลขหมายจากองค์การฯ

“พี่ยังจำได้เลยวันที่พี่นั่งตรงข้ามคุณศุภชัย ร่วมเจรจาข้อสัญญาสัมปทานระหว่างทั้งสองฝ่าย และนั่นถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พี่มาทำงานกับกลุ่มทรู ในภายหลัง” ยุภา กล่าว

งานแรกที่ได้รับมอบหมายคือที่ UTV ธุรกิจโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกผ่านสายเคเบิล ที่ถือเป็นการปฏิวัติการรับชมโทรทัศน์มีความชัดเจนพร้อมกับคอนเทนท์พิเศษที่มากกว่า โดยขณะนั้นคู่แข่งที่สำคัญอีกรายคือ IBC การแข่งขันทางธุรกิจดำเนินมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งไทยเผชิญกับ “วิกฤตต้มยำกุ้ง” เมื่อปี 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ทำให้ทั้งสองบริษัทอยู่ในภาวะแทบล้มละลาย ต้นทุนด้านคอนเทนท์ที่ซื้อจากต่างประเทศมาสูงขึ้นเป็น “เท่าตัว” ทำให้ทั้ง IBC และ UTV จำเป็นต้องควบรวมกิจการกันเป็น UBC โดยแยกออกมาเป็นนิติบุคคล มีทรูฯ และ MIH บริษัทสื่อรายใหญ่สัญชาติแอฟริกาใต้ถือหุ้นใหญ่

เบื้องหลังความไว้วางใจ

ยุภา ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหญิงแกร่งที่ยืนหยัดอย่างท้าทาย ผ่านมาหลากวิกฤตหลายสถานการณ์ ร่วมหัวจมท้ายจนได้รับ “ความไว้วางใจ” จากคณะกรรมการบริษัทให้กุมบังเหียนดูแลด้านการเงินในตำแหน่ง CFO ทั้งที่ TrueVisions, True Move, True Online และกลุ่มทรู เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนควบรวมกิจการ โดยปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) ของ ทรู คอร์ปอเรชั่น

อะไรที่ทำให้ยุภาได้รับความไว้วางใจให้ดูแลสินทรัพย์มูลค่านับแสนล้าน True Blog ถาม? เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนตอบว่า “สมัยที่ทำ UBC ที่นั่นความหลากหลายทั้งเชื้อชาติและภาษา ทั้งแอฟริกัน ดัช อังกฤษ กรีซ ตอนนั้นพี่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ Deputy CFO พี่ถามนายพี่ที่เป็นชาวกรีซว่า ทำไมถึงเลือกพี่ เขาตอบว่า เพราะพี่ทุ่มเทเพื่อประโยชน์ขององค์กรอย่างเต็มที่ก่อนคิดถึงตัวเองเสมอ ไม่ว่างานนั้นจะท้าทายและยากขนาดไหนก็ตาม”

แม้โดยธรรมชาติ ความเป็นผู้หญิงจะเผชิญกับข้อจำกัดทั้งทางร่างกายและจิตใจอยู่บ้าง และบางครั้งก็สร้างประสบการณ์ที่ไม่ดี ยุภาเล่าถึงเหตุการณ์หนึ่ง ขณะนั้นเธอเดินทางไปประชุมกับคู่ค้ารายหนึ่ง ด้วยความที่อายุน้อยบวกกับความเป็นผู้หญิง ผู้มีอำนาจในการตัดสินใจของฝั่งคู่ค้าคิดว่าเธอทำหน้าที่ติดตาม จนแสดงกิริยาอาการที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเท่าที่ควร รู้สึกได้ถึงการถูกคุกคามทางเพศ

Stepping Stone

อย่างไรก็ตาม ยุภายังคงยืนยันว่า ความเป็นผู้หญิงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในอาชีพการงาน ผู้หญิงสามารถเปลี่ยนความเป็นผู้หญิงมาเป็นจุดแข็ง ก้าวข้ามข้อจำกัดทางเพศ ผ่านการค้นหาและวางเป้าหมายของชีวิต มองภาพใหญ่ คิดเป็นองค์รวม เพื่อให้เห็นตัวเองในอนาคต

“ผู้นำหญิงต้องใช้ soft power ให้เป็นความได้เปรียบ เปลี่ยนความละเอียดให้เป็นความรอบคอบ แต่ต้องมองภาพใหญ่เป็นองค์รวมก่อน จัดลำดับความสำคัญแล้วค่อยลงรายละเอียดเฉพาะเรื่องที่สำคัญเท่านั้น” นักบริหารหญิงอธิบาย

ยกตัวอย่างกรณีวางแผนการเงิน ความผิดพลาดต้องเป็น “ศูนย์” นักการเงินจึงต้องมองไปข้างหน้าและวางแผนล่วงหน้า พิจารณาปัจจัยแวดล้อม ควบคู่กับเศรษฐกิจมหภาค และที่สำคัญเราต้องมีแผนสำรองเสมอ ซึ่งตอนนี้เราเตรียมตัวเพื่อปีหน้าแล้ว และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ก่อนการควบรวมเราลงทุนค่อนข้างมากเพื่อขยายโครงข่ายให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพทำให้เรามีหนี้ค่อนข้างสูง รวมทั้งสิ้น 3.7 แสนล้านบาท มีความจำเป็นในการรีไฟแนนซ์ปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยต้องพิจารณาถึงแหล่งเงินทุน และอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม บาลานซ์ให้เกิดความสมดุลทั้งผู้กู้และนักลงทุน ทั้งนี้เรายึดมั่นในความรับผิดชอบสูงสุดให้สมกับที่ผู้ให้กู้และนักลงทุนไว้วางใจเรา

เช่นเดียวกับกรณีการควบรวมกิจการของทรู คอร์ปอเรชั่น ดีลนี้เป็นหนึ่งในดีลที่มีมูลค่ามากที่สุดในภูมิภาค ต้องอาศัยการตัดสินใจทางการเงินอย่างแน่วแน่ภายใต้เงื่อนเวลาที่จำกัด แน่นอน...อาจมีบางช่วงที่ดีลอาจไปต่อไม่ได้ แต่การมีเจ้านายที่ดี ให้กำลังใจพร้อมสนับสนุนไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาอย่างไร ก็ทำให้เราก้าวต่อไปข้างหน้าได้

“ในฐานะ CFO เราบริหารเงินเยอะ บริหารความเสี่ยง เป็นความรับผิดชอบสูงสุดซึ่งพลาดไม่ได้ กำลังใจจากเจ้านาย โทรมาขอบคุณ ชื่นชมในความทุ่มเทเวลาทำงานใหญ่สำเร็จ แค่นี้ก็ทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยว แม้ต้องรับงานหนักก็ตาม” ยุภา เผยความในใจ

เธอฝากข้อคิดแก่ผู้หญิงที่ต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานว่า “ถนนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องบาลานซ์การงานและชีวิตส่วนตัวให้ดี การทำงานย่อมจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่ถ้าทุกการตัดสินใจทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของส่วนรวม-องค์กร อย่างอื่นก็เป็นเรื่องเล็กหมด และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรเราต้องยอมรับและแก้กันไป ยิ่งงานท้าทายและอุปสรรคมากเท่าไหร่ สิ่งนั้นจะเป็น Stepping Stone ที่ทำให้เราแกร่งขึ้น เติบโตขึ้น และรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้งที่มองกลับมา”

มั่นใจ ปลอดภัย ช้อปได้ไม่ต้องให้เลขบัญชีและบัตรเครดิต พร้อมได้สิทธิลุ้นร่วมงานแฟนมี้ตลิซ่า และของรางวัลเพิ่มเติมมากมาย

ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) หรือเอไอ เป็นคำพูดติดปากของใครหลายๆ คนที่งานจัดแสดงเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย​ Mobile World Congress 2024 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ขณะที่ประเด็นเสวนาในปีก่อนนั้นมุ่งเน้นไปที่เรื่อง 5G เป็นหลัก สาระสำคัญของงานในปีนี้ (ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 26 – 29 กุมภาพันธ์) กลับอัดแน่นไปด้วยหัวข้อเสวนาและความเคลื่อนไหวสำคัญเกี่ยวกับเอไอ ทำให้ดูเหมือนว่าเส้นแบ่งระหว่างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและโทรคมนาคมนั้นกำลังค่อยๆ จางลงเรื่อยๆ

ในงานผมได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้นำจากภาครัฐและตัวแทนภาคอุตสาหกรรมหลายท่าน ก่อนจะเดินทางกลับมายังประเทศไทยด้วยความเชื่อมั่นว่าเอไอจะเป็นประตูแห่งโอกาสสำหรับเราทุกคนในการรับมือกับความท้าทายทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศ และนี่คือสามประเด็นที่ผมมองว่าเราควรให้ความสำคัญ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพของเอไอและก้าวไปแข่งขันอย่างทัดเทียมบนเวทีโลก

จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์

ท่ามกลางกระแสร้อนแรงของเอไอ บ่อยครั้งเราได้ยินข้อถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์และการใช้งานเอไออย่างมีความรับผิดชอบ ขณะเดียวกัน เริ่มมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้องถึงมาตรการกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ให้มีความโปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ ซึ่งบริษัท Microsoft ได้ใช้เวทีโมบายล์ เวิลด์ คองเกรสในปีนี้ ในการประกาศแนวทางปฏิบัติด้านธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ พร้อมชูความร่วมมือกับสตาร์ทอัพสัญชาติฝรั่งเศส Mistral ในฐานะพันธมิตรหลักด้านเอไอรายที่สองถัดจาก OpenAI นับเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้นักพัฒนาสามารถเข้าถึงโมเดลปัญญาประดิษฐ์ของไมโครซอฟท์ได้เป็นวงกว้างยิ่งขึ้น

ทรู คอร์ปอเรชั่น เป็นองค์กรไทยขนาดใหญ่แห่งแรกที่มีการประกาศใช้จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการด้านธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AI Governance Committee) ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการด้านเอไอสำคัญๆ ของทรูทั้งหมด ความพยายามเหล่านี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมการใช้งานเอไออย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้าของเราว่าทรูนั้นเคารพต่อความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยเราเดินหน้าทำงานกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งจากภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้จริยธรรมปัญญาประดิษฐ์นั้นกลายเป็นบรรทัดฐานของประเทศไทย

อีกประเด็นหนึ่งซึ่งยึดโยงกับเรื่องจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์และมีความร้อนแรงไม่แพ้กัน ก็คือประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศ ในวันที่สามของงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส สมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) ได้เปิดเผยรายงาน Net Zero Report ซึ่งระบุว่าอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในโครงข่ายของผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกนั้นลดลง 6% ในระหว่างปี 2562 ถึงปี 2565 แม้ว่าการใช้งานอินเตอร์เน็ตจะเติบโตกว่า 2 เท่าก็ตาม อย่างไรก็ดี การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเอไอก็นำไปสู่คำถามที่ว่า ความต้องการใช้พลังงานมหาศาลของเอไอในการประมวลผลจะทำให้ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมานี้สูญเปล่าหรือไม่

ในด้านดี เทคโนโลยีเอไอมีศักยภาพช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ อันถือเป็นอีกวาระเร่งด่วนสำหรับประเทศไทย บนเวทีโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ผมในฐานะตัวแทนของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้บอกเล่าเกี่ยวกับโซลูชันเอไอที่เราพัฒนาขึ้นเองภายในองค์กรเพื่อช่วยลดการใช้พลังงานในโครงข่ายของเรา ที่ผ่านมา โซลูชันดังกล่าวทำให้เราสามารถลดการใช้พลังงานในโครงข่ายลง 15% นี่นับเป็นอีกก้าวสำคัญสำหรับทรู ภายใต้เจตนารมณ์ในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน​ภายในปี 2573

ความเร็วอาจไม่สำคัญเท่าความพร้อม

ท่ามกลางกระแสความตื่นเต้นเรื่องเอไอ ถึงเวลาที่ผู้นำอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องย้อนกลับมาประเมินถึงความพร้อมและเร่งจัดการกับความท้าทายด้านดิจิทัลภายในองค์กร เช่น การยกระดับทักษะดิจิทัลของพนักงาน การนำข้อมูล (data) มาร่วมขับเคลื่อนการตัดสินใจของผู้บริหารในระดับ C-suite การดึงดูดและรักษาบุคลากรดิจิทัล (digital talent) ไว้ ไปจนถึงการสร้างความแข็งแกร่งของกลไกการปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

เทเลนอร์ ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคมระดับโลกซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศนอร์เวย์ และเป็นผู้ถือหุ้นร่วมของทรู คอร์ปอเรชั่น ได้จัดเวทีเสวนาร่วมกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมจากภูมิภาคเอเชียจำนวนสามราย ซึ่งล้วนเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดและมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลในประเทศของตน โดย ยาซีร์ อัซมาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Grameenphone (บังกลาเทศ) อิดดัม นาวาวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Celcom Digi (มาเลเซีย) และตัวผมเอง ได้ร่วมกันหารือถึงความจำเป็นเร่งด่วนขององค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียในการจัดการกับความท้าทายด้านดิจิทัล ก่อนที่จะนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้งานในองค์กร

ที่ทรู คอร์ปอเรชั่น เรามีแผนสร้างบุคลากรของเราจำนวน 2,400 คนให้เป็น digital citizen ภายในปี 2567 โดยหัวใจความสำเร็จของเราคือการตั้งเป้าหมายที่สามารถวัดผลได้จริง เช่น การนำระบบออโตเมชันมาใช้กับงานพื้นฐานประจำวันที่มีกฎชัดเจนให้ได้ 100% ภายในปี 2570 และเพื่อติดปีกธุรกิจไทยให้เติบโตสู่ยุคเอไออย่างแข็งแกร่ง ทรูยังได้สร้างระบบนิเวศโซลูชันและบริการเพื่อรองรับการใช้งานเอไอ นับตั้งแต่ Open API ไปจนถึงแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูล และหลักสูตรด้านดิจิทัลจาก True Digital Academy

จากสถานีฐานสู่ดาต้าเซ็นเตอร์

ในยามที่ประเด็นสนทนาหลักในงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส นั้นแปรเปลี่ยนจากเรื่อง 5G ไปสู่ปัญญาประดิษฐ์​ ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานเอง ดูเหมือนว่าสีสันของงานในปีนี้จะไม่ได้อยู่ที่อุปกรณ์ส่งสัญญาณ 5G รุ่นล่าสุดที่ถูกนำไปติดตั้งบนสถานีฐานอีกต่อไป แต่เป็นเรื่องของด้าตาเซ็นเตอร์ (data center) ​และความสามารถในการประมวลผล

ประจวบเหมาะกับที่เมื่อเร็วๆ นี้ ตัวแทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ได้ร่วมหารือกับผู้บริหารบริษัท Huawei เกี่ยวกับการลงทุนในคลาวด์และดาต้าเซ็นเตอร์ อีกทั้งก่อนหน้านี้ ทางรัฐบาลไทยได้ประกาศความร่วมมือขยายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานกับบริษัท Google และไมโครซอฟท์

แต่การก้าวไปเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์และดาต้าเซ็นเตอร์ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกลสำหรับประเทศไทย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (K-Research) คาดว่าการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยจะมีมูลค่ากว่า 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระหว่างปี 2567 – 2570 แต่ยังเป็นรองมาเลเซียที่จะมีมูลค่าการลงทุนสูงกว่าไทยราว 3 เท่า โดยหนึ่งในอุปสรรคสำคัญคือการขาดแคลนแหล่งพลังงานสะอาด

ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามาเป็นตัวเร่งสำคัญที่นำไปสู่การทลายเส้นแบ่งระหว่างอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและเทคโนโลยี เมื่อไม่นานมานี้ เทเลนอร์ได้ประกาศพันธมิตรกับ NVIDIA เพื่อร่วมลงทุนประมาณ 9.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงสร้างพื้นฐาน อันจะทำให้เทเลนอร์สามารถเข้าถึงฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เอไอสำหรับธุรกิจที่ทันสมัยที่สุดของเอ็นวิเดีย โดยมีเป้าหมายคือการสร้าง use case ปัญญาประดิษฐ์ในประเทศนอร์เวย์เป็นที่แรก ก่อนจะขยายไปสู่ประเทศอื่นๆ ใน ภูมิภาคนอร์ดิก

ที่ทรู เราเชื่อเช่นเดียวกันว่าโครงข่ายอัจฉริยะนั้นเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถส่งมอบประสบการณ์ใช้งานเครือข่ายที่เหนือกว่าสำหรับลูกค้าของเรา โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เราได้เปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ (Business and Network Intelligence Center: BNIC) พร้อมปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเชื่อมั่นเครือข่าย 5G, 4G และอินเทอร์เน็ตบ้าน และส่งมอบบริการวอยซ์และดาต้าความเร็วสูง สำหรับลูกค้าจำนวนกว่า 50 ล้านคนทั่วประเทศของเรา นอกจากนั้นแล้ว โครงข่ายอัจฉริยะยังจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเราอีกด้วย

ประเด็นเสวนาหลักของงานโมบายล์ เวิลด์ คองเกรส ในไปนี้ ทำให้เราเห็นถึงศักยภาพของเอไอในการส่งมอบเทคโนโลยีที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น ซึ่งทรูนั้นมีเจตนารมณ์ในการนำศักยภาพของเอไอมาสร้างสรรค์โซลูชันสำหรับสังคมไทย ให้พร้อมรับมือกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล ช่องว่างด้านทักษะ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเติบโตและก้าวไปแข่งขันได้อย่างสง่างามบนเวทีโลก


บทความนี้เขียนโดย ชารัด เมห์โรทรา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อเร็วๆ นี้คุณชารัดได้เข้าร่วมงาน Mobile World Congress 2024 ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน

Page 1 of 11
X

Right Click

No right click