December 03, 2024

ลอรีอัล ประเทศไทย มั่นใจตลาดความงามกลับมารุ่ง เสริมทัพผู้นำด้าน Beauty Tech

June 10, 2022 1571

บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด แถลงข้อมูลแนวโน้มอุตสาหกรรมความงาม และกลยุทธ์บริษัทหลังยุคโควิด 19

พร้อมสรุปข้อมูลอุตสาหกรรมความงาม ตลอดจนผลประกอบการทั่วโลกในปี 2564 และการเติบโตของบริษัทในตลาดอีคอมเมิร์ซ พร้อมเผยแนวทางการรุกธุรกิจในอนาคต ด้วยการค้นคว้าวิจัย และการพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำสมัย เสริมแกร่งความเป็นผู้นำด้าน “Beauty Tech” อย่างแท้จริง

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ตลาดความงามกลับมาคึกคักอีกครั้งด้วยมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.447 แสนล้านบาท ซึ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวยังครองส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้สูงที่สุดที่ 57.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 21 เปอร์เซ็นต์ ผลิตภัณฑ์กลุ่มเมคอัพยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องด้วยส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 3 ที่ 15.5 เปอร์เซ็นต์ ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำหอมมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 6 เปอร์เซ็นต์ โดยตลาดความงามในประเทศไทยมีขนาดเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาค SAPMENA (เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง และ แอฟริกาเหนือ) และ ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นหนึ่งใน 5 ตลาดหลักในภูมิภาคดังกล่าว โดยยังสามารถคงอัตราการเติบโตเหนือตลาด และครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง

นางอินเนส คาลไดรา กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล ประเทศไทย พม่า ลาว และกัมพูชา กล่าวว่า “ปี 2564 นับเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์สำหรับลอรีอัล กรุ๊ป และปีที่น่าประทับใจของลอรีอัล ประเทศไทยในการครองส่วนแบ่งการตลาดที่สูงขึ้น วิกฤตโควิด 19 และกระแสความท้าทายของดิจิทัลที่รุกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ลอรีอัลได้เดินหน้าเปลี่ยนแปลงองค์กรและปรับเปลี่ยนทิศทางในการดำเนินธุรกิจให้ก้าวล้ำตลาด ตลอดจนปฏิวัติวงการความงามอย่างไม่หยุดยั้ง โดยบริษัทให้ความสำคัญกับสุขอนามัยและความปลอดภัย ดำเนินงานอย่างโปร่งใส โดยยึดหลักวิทยาศาสตร์ ความยั่งยืน และการประยุกต์ใช้ดิจิทัลในทุกมิติเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าวางรากฐานความมั่นคงให้กับตลาดความงาม ด้วยการส่งมอบนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการที่ล้ำสมัยให้กับผู้บริโภค ขับเคลื่อนตลาดด้วยแบรนด์ดังมากมาย อีกทั้งยังเสริมสร้างความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานของลอรีอัลอย่างต่อเนื่อง ด้วยแนวทางการดำเนินงานเหล่านี้ ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา ลอรีอัล ประเทศไทย สามารถสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดและส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น โดยแผนกที่โดดเด่นมาก คือแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอางที่สามารถเติบโตธุรกิจเป็นสองเท่าได้ในเวลาไม่ถึง 3 ปี ช่องทางจัดจำหน่ายออฟไลน์ตามห้างร้านกลับมาเติบโตอีกครั้ง และเป็นช่องทางหลักสำคัญในด้านการส่งมอบประสบการณ์ Beauty Tech และสร้างแรงบันดาลใจด้านความงามให้กับผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนั้น บริษัทยังสามารถทำยอดขายได้เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มตลาดอีคอมเมิร์ซอีกด้วย ต้องยกเครดิตให้แก่ความเชี่ยวชาญ ความกระตือรือร้น และความมุ่งมั่นของพนักงานลอรีอัล ประเทศไทยทุกคน”

เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในปี 2565 และปีต่อ ๆ ไปอย่างแข็งแกร่ง ลอรีอัลจะมุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการผ่านการค้นคว้าวิจัยและการพัฒนานวัตกรรม พร้อมเดินหน้ายกระดับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้าน Beauty Tech อย่างต่อเนื่อง

การพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคนับเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของลอรีอัล ปัจจุบันบริษัทได้ทุ่มเททั้งด้านงบประมาณและทรัพยากรให้กับงานด้านการค้นคว้าวิจัย และการพัฒนานวัตกรรม 3 ด้านได้แก่ 1) รังสรรค์สูตรผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยี AI 2) ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อม 3) ลงทุนในการสร้างพันธมิตรด้าน data ในบริษัทแนวหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยในการกำหนดอนาคตอุตสาหกรรมความงาม และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคทั่วโลก

ซึ่งการรังสรรค์สูตรผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยี AI และวิทยาศาสตร์เพื่อสิ่งแวดล้อมจะเป็นสูตรสำเร็จสำคัญที่ช่วยให้ลอรีอัลสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่องในทุกขั้นตอนวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ด้วยเครื่องมือและวิทยาศาสตร์ขั้นสูงเหล่านี้ ผลิตภัณฑ์ของลอรีอัลจะผลิตโดยใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติผ่านนวัตกรรมเทคนิครูปแบบใหม่ โดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ หรือส่วนผสมที่ผ่านกระบวนการทางธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ ตลอดจนกระบวนการปรับปรุงสูตร กระบวนการสกัดหรือหมัก และเคมีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่มีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันลอรีอัลยังเดินหน้าประยุกต์ใช้สูตรผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นการนำส่วนประกอบที่หลากหลายมาผลิตเป็นสูตรผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ และส่งมอบประสบการณ์ทางประสาทสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ ตลอดจนใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ และส่วนผสมที่ผ่านกระบวนการทางธรรมชาติ ที่ผ่านกรรมวิธีและกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกเหนือจากนวัตกรรมด้านการวิจัยค้นคว้าและพัฒนาเพื่อสิ่งแวดล้อม ลอรีอัลยังเดินหน้าตอกย้ำการเป็นผู้นำด้าน Beauty Tech ด้วยการลงทุนด้านข้อมูลและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์มากมาย หนึ่งในนั้นคือการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ เช่น การเป็นพันธมิตรกับเวริลี (Verily) บริษัทด้านสุขภาพที่มีความแม่นยำสูงในเครืออัลฟาเบ็ท (Alphabet) เพื่อทำความเข้าใจและอธิบายกลไกการร่วงโรยของผิวพรรณและเส้นผมให้ดียิ่งขึ้น ปัจจุบัน ลอรีอัล ประเทศไทย มีนวัตกรรมความงามด้าน Beauty Tech มากกว่า 12 นวัตกรรม และยังคงนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาให้ผู้บริโภคชาวไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านผิวหนัง เส้นผม และเมคอัพ ทั้งนี้ บริษัทมุ่งส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ในราคาที่หลากหลาย ทุกหมวดหมู่และทุกช่องทาง เพื่อตอบสนองความต้องการและไลฟ์สไตล์ด้านความงามของผู้บริโภคทุกคน ซึ่งสาวกความงามชาวไทยจะมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นนี้ไม่แพ้ตลาดใดในโลกอย่างแน่นอน โดยในปีนี้หลากหลายแบรนด์ชั้นนำ อาทิ เซราวี (CeraVe) เคเรสตาส (Kérastase) ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล (L’Oréal Professionnel) อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent) และ คีลส์ (Kiehl’s) ต่างก็พร้อมตบเท้าเข้ามาสร้างความตื่นเต้นและครองใจผู้บริโภคชาวไทยด้วยนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ มากมาย

ขณะเดียวกันลอรีอัลยังมุ่งมั่นสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคในโลกดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนช่องทางโซเชียลมีเดียทั้งหมด 59 ช่องทางจากทั้งหมด 15 แบรนด์ชั้นนำ โดยในปีนี้ลอรีอัล ประเทศไทยยังได้เตรียมวางแผนสร้างความตื่นเต้นให้กับอุตสาหกรรมด้วยแคมเปญอีกกว่า 500 แคมเปญอีกด้วย

“ในยุคหลังวิกฤตโควิด 19 ที่ทุกองค์กรต้องพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายที่เข้ามา ความว่องไวในการปรับตัวและการไม่หยุดนิ่งที่จะก้าวไปข้างหน้านับเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทเติบโตธุรกิจได้ในระยะยาว ลอรีอัลพร้อมสำหรับช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นนี้ และจะเดินหน้าเต็มกำลังในการเป็นผู้นำด้าน Beauty Tech ของประเทศไทย เราจะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอันยอดเยี่ยม และสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจและอุตสาหกรรมความงามไปพร้อมๆ กับผลักดันด้านความยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายของลอรีอัลในการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลก” นางอินเนส คาลไดรา กล่าวทิ้งท้าย

X

Right Click

No right click