November 23, 2024

‘ฮาคูโฮโด’ เสนอกลยุทธ์ทำแบรนด์ เพิ่มความสุขกับครอบครัว ภายใต้ชีวิต “NOW NORMAL”

June 26, 2022 1437

 

สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) หรือ Hakuhodo Institute of Life and Living ASEAN (THAILAND) ร่วมกับบริษัท สปา-ฮาคูโฮโด จำกัด (SPA-HAKUHODO CO.,LTD) เผยผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน    พ.ศ. 2565 ว่าประเทศไทยกำลังเข้าสู่ช่วงการจับจ่ายสูงสุด คนไทยให้ความสำคัญกับตนเองและครอบครัวมากยิ่งขึ้น พร้อมเสนอให้แบรนด์ต่าง ๆ เร่งจัดโปรโมชันเพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภค อาทิ การจัดแคมเปญสำหรับสินค้าประเภทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน การจัดโปรโมชันสำหรับสินค้าอุปกรณ์การเรียนให้ผู้ปกครองสามารถซื้อในราคาที่พึงพอใจเพื่อให้ลูกหลานได้เรียนอย่างทันสมัย หรือโปรโมชันสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อความสบายใจในการตัดสินใจซื้อสินค้าชิ้นนั้น ๆ

ปัจจุบันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้กลายเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสำคัญลดน้อยลง เนื่องจากคนไทยเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แม้จะยังไม่ถึง 100% แต่ค่าความสุขของคนไทยนั้นเพิ่มมากขึ้นจากการสำรวจในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผลการสำรวจของสถาบันความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ระบุว่าคนไทยมองหาความสุขในปัจจุบัน มากกว่าการคาดหวังถึงอนาคตที่ไม่แน่นอน

สำหรับภาพรวมการใช้จ่ายของคนไทย ผลวิจัยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 พบว่า แต่ละช่วงวัยมีแนวโน้มในการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการสำรวจเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เนื่องจากคนไทยเริ่มปรับตัวให้ตนเองสามารถใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้น ต้องการออกไปเติมความต้องการของตนเอง อยากจับจ่ายใช้สอยสิ่งที่ต้องการ ซึ่งจากผลสำรวจทั้งหมด 1,200 คน จากทั้ง 6 ภูมิภาคทั่วประเทศไทย ทำให้เห็นถึงเรื่องการย้ายถิ่นฐานกลับบ้านเกิดมากพอสมควร จุดนี้เองที่ทำให้ความต้องการในการจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อของให้คนในครอบครัว โดยเฉพาะทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีความต้องการซื้อของเพื่อครอบครัวมากเป็นพิเศษ และอีกหนึ่งสิ่งเห็นได้จากผลสำรวจคือ คนที่อยู่ในอายุช่วง 20 - 39 ปี วัยทำงาน กลับมาใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น ต้องการออกมาใช้ชีวิตเพื่อความสุขของตนเอง

 คุณชุติมา วิริยะมหากุล  ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ สถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า   “พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไทยกำลังจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง หลังจากต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด-19 มาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 2 ปี ทุกคนล้วนมีความต้องการในการจับจ่ายใช้สอย เพื่อซื้อความสุขให้กับตนเอง” 

แนวโน้มความต้องการในการใช้จ่ายจากผลสำรวจการคาดการณ์พฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศไทยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 พบว่า ประเภทของสินค้าที่จะมีแนวโน้มในการจับจ่ายของคนไทยอันดับหนึ่งยังคงเป็น อาหาร แต่ที่น่าสนใจคือสินค้าประเภทของใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ที่อันดับสองรองลงมา แต่กลับมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้นถ้าหากเทียบกับผลสำรวจเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และอันดับสามยังคงเป็นประเภทโทรศัพท์มือถือและสมาร์ตโฟนซึ่งอันดับนี้ก็มีความน่าสนใจเช่นกัน เนื่องจากมีเปอร์เซ็นต์ในความต้องการซื้อที่ต่ำลง สะท้อนให้เห็นถึงเรื่องของความต้องการของคนไทยในยุคปัจจุบันที่ว่า ซื้อของใช้จำเป็นเพื่อตนเองและครอบครัวก่อน 

“การที่คนไทยจะได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติอีกครั้งถือเป็นสัญญาณที่ดี ได้ออกมาจับจ่ายซื้อของตามต้องการ โดยไม่ต้องกังวลต่อเรื่องใดมันจะส่งผลดีต่ออะไรอีกหลาย ๆ ด้าน ในอนาคตอย่างแน่นอน เช่นเรื่องความสุขของคนไทย จากผลสำรวจ คนไทยมีอัตราความสุขที่สูงขึ้น คนต้องการซื้อของเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเองและเพื่อครอบครัวถึงแม้ยังจะไม่มากแต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี”  คุณ ณัฐกานต์ วัฒนมงคลศิลป์ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด กล่าวเสริม

ผลการวิจัยประจำเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ของสถาบันวิจัยความเป็นอยู่ฮาคูโฮโด อาเซียน (ประเทศไทย) ระบุว่า ข่าวเรื่องการระบาดของโควิด-19 ไม่ใช่อันดับหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจและเป็นที่พูดถึงมากที่สุด แต่กลับเป็นเรื่องของหัวข้อข่าว อาชญากรรม บ้านเมือง นับได้ว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบปีที่โควิด-19 ไม่ใช่ประเด็นที่คนไทยให้ความสำคัญมากเป็นอันดับหนึ่งอีกต่อไป คนไทยเริ่มหันมาสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเพื่อเตรียมพร้อมกลับมาใช้ชีวิตปกติและเน้นถึงความสุขปัจจุบันมากกว่าอนาคต 

คุณเรืองริน อักษรานุเคราะห์ นักจิตบำบัดความสัมพันธ์และครอบครัว ได้ให้ความเห็นที่ตรงกันกับผลสำรวจนี้ในมุมมองของนักจิตวิทยาไว้ว่า “ที่ผ่านมาคนไทยต้องอยู่ภายใต้ความหวาดระแวงกับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากคนไทยเริ่มปรับตัวได้ในปีที่ผ่านมา มีการเริ่มปรับทัศนคติให้ไปในทางที่ดีขึ้น คนไทยหลายคนเริ่มสนใจสิ่งรอบข้างหรือเหตุการณ์บ้านเมืองยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสนใจกับคนในครอบครัว ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในการเป็นอยู่ ใส่ใจคนในครอบครัวมากขึ้น ให้เวลาในการสานสัมพันธ์กันระหว่างคนในครอบครัว คนหันมาสนใจเรื่องความสุขของตนเองและครอบครัว ณ ปัจจุบันมากกว่ามองถึงความสุขในอนาคต ซึ่งเป็นจุดสำคัญอีกหนึ่งจุดที่ทำให้เห็นว่าคนไทยกำลังกลับมามีชีวิตแบบปกติอีกครั้งในวิถี Now Normal มะเฟืองมองว่า  เพื่อทดแทนช่วงเวลาที่หายไป พ่อแม่ควรหาช่วงเวลาพิเศษกับลูก ๆ มากขึ้น อาทิ ไปทำกิจกรรมนอกบ้าน สอนการบ้านด้วยตัวเอง หรือ ไปจับจ่ายใช้สอยด้วยกันเพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัว และ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว ในขณะเดียวกันก็สามารถจะบาลานส์ความสุขส่วนตัว ให้เวลาตัวเองได้ด้วยเช่นเดียวกัน” 

เพื่อให้แบรนด์สามารถทำการตลาดได้สอดคล้องกับสถานการณ์ช่วงหน้าฝนนี้ คุณ ธัชชัย กลีบบัว ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท สปา-ฮาคูโฮโด  ได้ให้คำแนะนำว่า 

  1. แบรนด์ควรใช้โอกาสนี้ในการสนับสนุนให้ พ่อแม่ได้ใช้เวลาของตัวเองมากขึ้นช่วงที่ลูกอยู่โรงเรียน หลังจากที่ต้องดูแลลูกและทำงานที่บ้านมาเป็นระยะเวลาที่นานกว่า 2 ปี ทำให้มีความเครียด ความเหนื่อยล้า สะสมมากยิ่งขึ้น แต่ในตอนนี้โรงเรียนเริ่มกลับมาเปิดเทอม on site 100% แล้ว ทำให้เด็ก ๆ ได้กลับไปเรียนที่โรงเรียนตามปกติ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีที่พ่อแม่ผู้ปกครองหลาย ๆ ท่าน จะได้กลับมามีเวลาพักผ่อนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแบรนด์ต่าง ๆ ควรมองเห็นถึงโอกาสในการทำ Emotional Maketing ในการสร้างแคมเปญ Happy To School โดยใช้ Key Message พ่วงกับโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อที่จะกระตุ้นให้พ่อแม่ผู้ปกครองหันมาซื้อของ ซื้อความสุขให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น

    “ตอนนี้โรงเรียนได้กลับมาเปิดให้เรียนที่โรงเรียนครั้งหลังจากหายไปนานกว่า 2 ปี ซึ่งการเปิดเทอมนี้ก้เป็นหนึ่งในผลดีสำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่จะได้มีเวลาให้กับตนเองมากยิ่งขึ้นสามารถจัดสรรเวลาให้ตนเองและครอบครัวได้อย่างลงตัว ซึ่งในยุค Now Normal นี้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำให้ครอบครัวกลับมาสานสัมพันธ์กันได้อย่างดีมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ทิ้งความสุขของตัวเอง แต่กลับมีมากขึ้นในทางกลับกัน” คุณเรืองริน กล่าวเสริม 
  1. เป็นแรงขับเคลื่อนสังคมไทยให้ใช้ชีวิต “NOW NORMAL” เร็วที่สุด จากที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 2 ปีเต็ม กับการระบาดของโควิด-19 คนไทยยังมีความรู้สึกไม่มั่นคงกับเรื่องของอนาคต แบรนด์ควรสร้างกระแสให้คนไทยมีความสุขและมีพลังใจในการกลับมาใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง ด้วยการเชิญชวนคนไทยมาร่วมสร้าง Soft Power ใหม่ ๆ เพื่อเป็นการสร้างสีสันและจุดกระแสให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยสามารถหาแง่มุมในการทำแคมเปญที่มีจุดเชื่อมโยงทางเอกลักษณ์หรือความภาคภูมิใจของไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร วิถีชีวิต การแต่งตัว หรือด้านอื่น ๆ เช่น การปลุกกระแสการไหว้แบบไทย หรือการปลุกกระแสอาหารไทย เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

“โดยสถานการณ์ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นที่คนไทยกำลังจะกลับมาใช้ชีวิตได้แบบปกติอีกครั้ง เริ่มมีแนวโน้มในการต้องการออกมาจับจ่ายใช้สอยในสิ่งที่ต้องการมากขึ้น จากผลการสำรวจสามารถมองเห็นได้ว่า คนไทยกำลังจะกลับมามีความสุขมากขึ้นอีกครั้งในรอบ 2 ปี หลังจากที่เผชิญกับการระบาดของโควิด-19 ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเปอร์เซ็นต์ความสุขที่ยังน้อย แต่ในอนาคตจะสูงขึ้นแบบต่อเนื่องอย่างแน่นอน” คุณชุติมา วิริยะมหากุล กล่าวปิดท้าย

X

Right Click

No right click