September 19, 2024

การท่องเที่ยวไต้หวันเผยปี 67 คนไทยไปไต้หวันเพิ่มขึ้นเกือบ 18%  เดินหน้าจับมือเคทีซีเปิดตัวแคมเปญ ‘Unseen Taiwan 2024’ เที่ยวได้ในทุกฤดูกาล พร้อมเผยโฉมโลโก้ ‘Taiwan - Waves of Wonder’ สะท้อนกลยุทธ์การท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สอดรับเทรนด์คนไทยนิยมเดินทางใกล้ วางรูปแบบการท่องเที่ยวตามปัจเจกนิยม และให้คุณค่ากับบริการรักษ์โลก หวังสิ้นปีดันยอดคนไทยเยือนไต้หวันเพิ่มไม่ต่ำกว่านักท่องเที่ยวในช่วงก่อนโควิด 

 

มิสซินดี้ เฉิน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ในปี 2566 นักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปไต้หวันทั้งสิ้นเกือบ 4 แสนคน และตั้งแต่เดือนมกราคม – เมษายน 2567 ยอดรวมนักท่องเที่ยวคนไทยแตะ 153,638 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 17.82% เป็นผลจากการขยายระยะเวลานโยบายฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทย 14 วัน จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 รวมถึงจำนวนเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ - ไต้หวัน ก็มีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน สำหรับในปีนี้ การท่องเที่ยวไต้หวันได้เปลี่ยนโลโก้ใหม่ภายใต้ธีม ‘Taiwan - Waves of Wonder’ เพื่อชูจุดยืนเรื่องกลยุทธ์การท่องเที่ยวที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้รูปแบบเส้นสายลอนคลื่นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภูเขา ทะเล ถนนทรงคดเคี้ยว หรือทางรถไฟ      บ่งบอกถึงความงดงามของภูมิทัศน์ธรรมชาติผสานกับมรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนานของไต้หวัน การเลือกโทนสีส้มเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของพระอาทิตย์ขึ้น สื่อถึงความหวังสำหรับการท่องเที่ยวยั่งยืนที่พร้อมส่งต่อไปยังประชากรรุ่นต่อไปในอนาคต  

ถึงแม้ว่าไต้หวันต้องการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้มากขึ้น แต่รัฐบาลก็ได้ออกนโยบายเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจมีต่อทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรม ด้วยการรณรงค์ให้ความรู้แก่หน่วยงานภาคการท่องเที่ยวในเรื่องการลดปริมาณขยะ การใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า และเคารพวัฒนธรรมพื้นถิ่น นอกจากนี้รัฐบาลยังได้วางแผนงานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism) ดังนี้  1) โครงการด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ (Ecotourism Initiatives) การจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ อุทยานธรณี และเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ พร้อมแผนการบริหารด้านการท่องเที่ยวใส่ใจสิ่งแวดล้อม 2) การคมนาคมคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Transportation) ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวเลือกเดินทางด้วยรถไฟ เส้นทางจักรยาน หรือการเช่ารถยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการปล่อยปริมาณคาร์บอน 3) การรับรองมาตรฐานคุณภาพ (Certification and Standards) รัฐบาลสนับสนุนธุรกิจบริการท่องเที่ยวให้ได้รับใบรับรอง อาทิ  Green Travel Mark และ Travelife เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและรับผิดชอบต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน 4) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Development) การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวยั่งยืน อาทิ ที่พักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบการกำจัดของเสีย รวมถึงศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยวเพื่อให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและมรดกทางวัฒนธรรม 

ทั้งนี้ ปัจจุบันไต้หวันได้มีโครงการที่เป็นแบบอย่างของนโยบายท่องเที่ยวยั่งยืนเชิงรุก อาทิ ระบบยืมแก้วน้ำใช้ซ้ำที่ทะเลสาบสุริยันจันทรา: เพื่อลดปริมาณแก้วน้ำพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยอนุญาตให้ผู้เข้าชมยืมแก้วน้ำใช้ซ้ำ (Reuse) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะลดขยะตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม หรือโครงการติดป้าย Bicycle-Friendly: เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวด้วยจักรยาน โดยรับรองมาตรฐานที่พักว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับนักปั่นจักรยาน และส่งเสริมการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

นอกจากเรื่องของการท่องเที่ยวยั่งยืนแล้ว  ไต้หวันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวจากแคมเปญ ‘Unseen Taiwan 2024’ ที่พร้อมมอบประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับนักท่องเที่ยวใน 4 ฤดูกาลดังนี้ 

  1. ฤดูใบไม้ผลิ (Spring) เป็นช่วงที่ดอกซากุระกำลังบานและสวยงามที่สุด ไต้หวันมีจุดชมดอกซากุระหลายแห่ง อาทิ ไทเป – อุทยานแห่งชาติหยางหมิงซาน หรือสวนเล่อหัว / นิวไทเป - วัดเทียนหยวน / เจียอี้ – อุทยานแห่งชาติอาลีซาน และ เถาหยวน - ลาลา เมาท์เทน  หรือหากต้องการขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไต้หวันมีวัดมากถึงกว่า 12,000 แห่งทีเดียว 
  1. ฤดูร้อน (Summer) ไต้หวันเป็นสวรรค์ของนักชิม มีร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิชลินถึง 4 เมืองทั่วเกาะไต้หวันได้แก่ ไทเป  ไถจง เกาสง และไถหนาน ในขณะที่ Street Food ของไต้หวันก็เป็นที่นิยมด้วยรสชาติที่อร่อย มีความหลากหลาย ในราคาที่เหมาะสม  
  1. ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) อากาศช่วงนี้เหมาะกับการปั่นจักรยานท่องเที่ยว ไต้หวันมีเส้นทางการปั่นจักรยานที่จัดอันดับจาก CNN ว่าเป็น 1 ในเส้นทางจักรยานที่สวยงามที่สุดในโลก นั่นคือ เส้นทางปั่นจักรยานรอบทะเลสาบสุริยันจันทรา หรือจะเลือกแช่บ่อน้ำพุร้อนเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง อาทิ บ่อน้ำพุร้อนหยางหมิงซานที่ไทเป  ซึ่งถือเป็นน้ำพุร้อนที่มีเอกลักษณ์เพราะได้รับความร้อนมาจากภูเขาไฟ ทำให้น้ำพุร้อนมีส่วนผสมของกำมะถันสีขาวและกำมะถันสีเขียว 
  1. ฤดูหนาว (Winter) นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปไต้หวันเพื่อช้อปปิ้ง ประกอบกับเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองวันสิ้นปี จะมีการจุดดอกไม้ไฟสว่างไสวไปทั้งเมืองไทเป และหัวเมืองใหญ่ทั่วเกาะไต้หวัน รวมถึงกิจกรรมรื่นเริงอื่นๆ อีกมากมายเพื่อต้อนรับวันขึ้นปีใหม่ 

 

นางสาวพัทธ์ธีรา อนันต์โชติพัชร ผู้บริหาร KTC World Travel Service และการตลาดหมวดสายการบิน “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดของเคทีซีที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอคือเรื่อง Partnership Marketing โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ให้การสนับสนุน ส่งเสริม และขยายขอบเขตความร่วมมือกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน อาทิ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว สายการบิน บริษัทตัวแทน (ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์) โรงแรม รถไฟ รถเช่า หรือเรือสำราญ ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ด้านการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังได้ทำกิจกรรมการตลาดร่วมกันเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกผ่านงานด้านการท่องเที่ยวหรืองานแฟร์ การจัดเวิร์กชอป และกิจกรรมร่วมกับชุมชน รวมถึงพัฒนาช่องทางสื่อสารให้ตรงกลุ่มสมาชิกมากยิ่งขึ้น สำหรับความร่วมมือกับการท่องเที่ยวไต้หวันในปี 2566 ที่ผ่านมา ได้รับผลตอบรับที่ดี สะท้อนจากจำนวนสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีและยอดรวมการใช้จ่ายที่ไต้หวันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ไต้หวันยังคงเป็นเส้นทางยอดนิยมของสมาชิก โดยในครึ่งปีแรกของปี 2567สมาชิกใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ที่ไต้หวันเป็นอันดับที่ 5 เมื่อดูจากพอร์ตยอดรวมการใช้จ่ายในต่างประเทศเส้นทางเอเชีย รองจากญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง และจีน และสมาชิกเลือกใช้บริการเพื่อเดินทางไปยังไต้หวันผ่าน KTC World Travel Service สูงเป็นอันดับที่ 4 รองจากฮ่องกง ญี่ปุ่น และ จีน โดยมียอดใช้จ่ายสำหรับการเดินทางต่อบุคคลอยู่ที่ 23,000 บาทต่อราย 

ในปี 2567 เทรนด์การท่องเที่ยวมีการปรับเปลี่ยนไป สมาชิกนิยมเลือกใช้เวลาเดินทางสั้นลง และวางแผนการท่องเที่ยวด้วยตัวเองตามไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างมากขึ้น รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกใช้บริการด้านการท่องเที่ยว KTC World Travel Service จึงได้รวมผลิตภัณฑ์บริการท่องเที่ยวที่แสดงความมุ่งมั่นด้านรักษ์สิ่งแวดล้อมไว้ในหมวดที่เรียกว่า ‘Green Products’ โดยเคทีซีได้ร่วมมอบสิทธิพิเศษเพิ่มเติม เพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนร่วมกับพันธมิตรทุกราย สำหรับแคมเปญ ‘Unseen Taiwan 2024’ เคทีซีได้จับมือกับสายการบินหลักได้แก่ ไชน่าแอร์ไลน์ (China Airlines) อีวีเอ แอร์ (EVA Air) สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ (STARLUX Airlines) และการบินไทย (THAI Airways) มอบส่วนลดพิเศษเฉพาะบัตรเครดิตเคทีซี เมื่อสมาชิกจองตั๋วเครื่องบินผ่านเว็บไซต์สายการบินดังกล่าวรวมถึงผ่านช่องทางของเคเคเดย์ (KKday) นอกจากนี้ KTC World Travel Service ยังได้เสนอแพ็กเกจ ‘Taiwan Explorer’ รวมตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และบัตรรถไฟเพื่อเน้นเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนระยะเวลา 3 วัน 2 คืน โดยสามารถเลือกเมืองจุดหมายที่ต้องการ เช่น ไทเป เกาสง หรือเมืองทางตอนใต้อื่นๆ สำหรับรายละเอียดแพ็กเกจมีดังนี้ 

  • Taiwan Explorer 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ราคา 13,900 บาท / ท่าน ประกอบด้วย ตั๋วเครื่องบินสาย การบินไชน่าแอร์ไลน์ อีวีเอ แอร์ สตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ และการบินไทย เส้นทางกรุงเทพฯ – ไทเป ไป - กลับ ชั้นประหยัด ที่พักโรงแรมอินเฮาส์ ย่านซีเหมินติง 2 คืน รวมอาหารเช้า สำหรับ 2 ท่าน และบัตรรถไฟ MRT ใช้เดินทางในไทเปได้ไม่จำกัดเที่ยว ระยะเวลา 3 วัน 
  • Unseen Taiwan 3 วัน 2 คืน ราคา 15,900 บาท / ท่าน ประกอบด้วย ตั๋วเครื่องบินสายการบินไชน่าแอร์ไลน์ ขาไปเส้นทางกรุงเทพฯ - ไทเป ขากลับเส้นทางเกาสง - กรุงเทพฯ ชั้นประหยัด ห้องพัก 2 คืน ไม่รวมอาหารเช้า และบัตรรถไฟความเร็วสูง Taiwan Pass High – Speed Rail Edition เดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยว ระยะเวลา 3 วัน 

ระยะเวลาการจองตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 – วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ระยะเวลาเดินทางตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2567 - วันที่ 15 มกราคม 2568 สมาชิกสามารถเลือกใช้บริการแบ่งชำระ 0% นาน 6 เดือน และพิเศษ!   เมื่อชำระค่าตั๋วเครื่องบินหรือแพ็กเกจด้วยบัตรเครดิตเคทีซี วีซ่าทุกประเภท รับฟรี Dragon Pass ทันที ดูรายละเอียดสิทธิประโยชน์จากแคมเปญ ‘Unseen Taiwan 2024’ ได้ที่ www.ktc.co.th/UNSEENTAIWAN  

นายคณพศ สิทธิวงค์ บรรณาธิการนิตยสาร My World นิตยสารท่องเที่ยวราย 2 เดือนที่จัดพิมพ์สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีที่สนใจด้านการเดินทางและเป็นผู้มียอดใช้จ่ายสูงในหมวดท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า สมาชิกนิตยสาร My World มีไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวแบบ Frequent Travelers หรือวางแผนการท่องเที่ยวบ่อย ๆ ไต้หวันจึงเป็นเส้นทางที่ตอบโจทย์ เพราะมีองค์ประกอบครบครัน อาทิ วัฒนธรรมที่สะท้อนจากประวัติศาสตร์และประเพณีที่มีอายุยาวนาน นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสวัฒนธรรมจีนดั้งเดิมควบคู่ไปกับวัฒนธรรมสมัยใหม่ ธรรมชาติและภูมิประเทศที่สวยงาม  เช่น อุทยานแห่งชาติอาลีซาน เมืองทางใต้ที่ทันสมัยและสวยงามอย่างเกาสง หรือเกาะทางใต้ที่มีวิถีดั้งเดิมของชาวประมง เช่น เกาะเผิงหู อาหารไต้หวันเป็นที่รู้จักในเรื่องความอร่อยและหลากหลาย โดยเฉพาะ Street Food ใน Night Market ที่มีในทุกเมืองใหญ่ การเดินทางสะดวก มีระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน รถบัส หรือรถไฟความเร็วสูง ชาวไต้หวันมีชื่อเสียงในเรื่องความเป็นมิตรและการต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างอบอุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านและสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นได้อย่างใกล้ชิด 

นางสาวกิจชรัตน์ นทีธำรงสุทธิ์ จากเฟสบุ๊คเพจ Ratto Wanderlust เปิดเผยถึงเทรนด์การท่องเที่ยวไต้หวันมีการปรับเปลี่ยนไปตามไลฟ์สไตล์ของนักท่องเที่ยว และยังมีสถานที่ Unseen ที่ไม่ควรพลาด เช่น ถนนแห่งของกินย่านหย่งคัง (Yongkang Food Street) ที่นอกจากจะเป็นแหล่งรวมอาหารยอดนิยมโดยเฉพาะอาหารท้องถิ่นแท้ๆ ของไต้หวันแล้ว ยังมีร้านคาเฟ่น่ารักๆ ที่ทำให้ทุกคนเพลิดเพลินกับการถ่ายภาพ รวมถึงสวนหรงจิ่น (Rongjin Gorgeous Time) แหล่งรวมสถานที่โดนใจวัยรุ่นแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองไทเปเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและยังมีกลิ่นอายสไตล์ญี่ปุ่น เดินทางสะดวกสบาย กิน ช้อป จบในที่เดียว 

มิสซินดี้ เฉินกล่าวปิดท้ายว่า การท่องเที่ยวไต้หวันได้ร่วมมือกับเคทีซีมาเป็นปีที่ 2 แล้ว และรู้สึกพึงพอใจกับกิจกรรมต่างๆ ที่เคทีซีให้การสนับสนุนด้วยดีทั้งในด้านการประชาสัมพันธ์และสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบัตรฯ  จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปไต้หวันก็เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าสิ้นปี 2567 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปไต้หวันเพิ่มไม่ต่ำกว่านักท่องเที่ยวในช่วงก่อนโควิด 

ผู้สนใจสิทธิพิเศษด้านการเดินทางท่องเที่ยวสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ KTC World Travel Service โทรศัพท์ 02 123 5050 ตั้งแต่เวลา 8.00 น. – 22.00 น. หรือทักแชทไลน์ได้ที่ @KTCWORLD สำหรับผู้ที่ต้องการสมัครสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ลิงค์ https://ktc.today/apply-card หรือติดต่อศูนย์บริการสมาชิก “เคทีซี ทัช” ทุกสาขาทั่วประเทศ 

 กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย (Dow) ร่วมกับสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาฯ จัดกิจกรรมค่ายผู้นำเยาวชนด้านสิ่งแวดล้อมรวม 3 วัน ให้กับน้อง ๆ ม.ต้น จากโรงเรียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อสร้างเสริมทัศนคติและพฤติกรรมที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้ และสัมผัสเชื่อมโยงกับธรรมชาติ พร้อมกับพัฒนาทักษะและศักยภาพให้เยาวชนไทยสามารถเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและมีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติจริงเพื่อพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยมีนายประทรรศน์ สูตะบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจหมุนเวียน เป็นประธานเปิดค่าย และ ดร.อรทัย พงศ์รักธรรม ผู้จัดการแผนกกิจการด้านความยั่งยืน ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยาวนานกว่า 20 ปี ในแวดวงวิชาการและองค์กรระดับนานาชาติ ร่วมถึงการดำเนินงานในปัจจุบันร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมในหลากหลายโครงการด้านการต้านโลกร้อน เปลี่ยนขยะพลาสติกเป็นผลิตภัณฑ์ และส่งเสริมวงจรรีไซเคิล ร่วมแชร์มุมมอง ชวนน้อง ๆ ขบคิด ตั้งคำถาม และนำไปเป็นแนวทางประยุกต์ใช้กับโครงการหรือการดำเนินชีวิตประจำวันต่อไปในอนาคตได้ระหว่างการเสวนาหัวข้อ “ทักษะผู้นำเยาวชนในยุคโลกรวน” พร้อมกันนี้ยังได้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมร่วมเป็นคณะกรรมการตัดสินโครงการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย

กรุงเทพฯ 21 มิถุนายน 2566 – มิตรผล ไบโอเทค หนึ่งในกลุ่มธุรกิจใหม่ ‘ไบโอเบส’ (Bio-based) ภายใต้ มิตรผล ร่วมทัพองค์กรต่างๆ โชว์สุดยอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตระดับอุตสาหกรรมในงาน Manufacturing Expo 2023 โดยงานนี้ มิตรผล ไบโอเทค ยกนวัตกรรมการพัฒนาเม็ดพลาสติกสลายตัวได้ทางชีวภาพ (Compostable Compound) ที่ผลิตจากมันสำปะหลังและอ้อย มาจัดแสดงภายใต้แบรนด์ PlaneX (แพลนเน็กซ์) และสามารถนำมาต่อยอดเพิ่มคุณค่าสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์อาหารสลายตัวได้ทางชีวภาพ (Compostable Food Packaging) ภายใต้แบรนด์ CaneX (เคนเอ็กซ์) ผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ที่รักษ์โลก เพราะผลิตจากวัสดุธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภค แถมยังสามารถสลายตัวได้ทางชีวภาพ ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมพลาสติกของไทยให้เติบโตอย่างเป็นมิตร สู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

สำหรับผู้ที่สนใจและอยากสัมผัสประสบการณ์จริงกับผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพจากแบรนด์ PlaneX และ CaneX สามารถเยี่ยมชมได้ที่บูธ “บริษัท มิตรผล ไบโอเทค จำกัด” 3D16 Hall 103 และในส่วนแสดงพิเศษ “Sustainovation Showcase” Hall 102 ซึ่งเป็นโซนจัดแสดงกระบวนการผลิตสินค้าจากพลาสติกชีวภาพ ในงาน Manufacturing Expo 2023 ณ ไบเทค บางนา ตั้งแต่วันนี้ – 24 มิถุนายน 2566

อัลลี่ (ALLIE) ผลิตภัณฑ์กันแดดชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น โดย บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำเสนอผลิตภัณฑ์กันแดดภายใต้แนวคิด “ความงาม เพื่อโลกที่ยั่งยืน” จัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 1 ปี ALLIE "Beauty & Sustainable UV” ในประเทศไทย กิจกรรม ALLIE x EARTH DAY เนื่องในวันคุ้มครองโลก เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2566 ด้วยการเปิดสยามสแควร์เชิญผู้สนใจร่วมงาน เพื่อร่วมกันสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และรณรงค์ให้ทุกคนอนุรักษ์ และร่วมรักษ์โลกให้ยั่งยืน อัลลี่ (ALLIE) อาสาเป็นตัวแทนรวบรวมขวดน้ำดื่ม PET ที่ใช้แล้ว ส่งมอบต่อสำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เพื่อผลิตเป็นชุด PPA สำหรับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานต่อไป

 

นางสาวแสงเดือน อุทารวุฒิพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า อัลลี่ (ALLIE) เป็นผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีแนวคิดสนับสนุนการรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงในหลายมิติ ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และสามารถนำกลับมารีไซเคิลซ้ำอีกได้ทุกชิ้นส่วน เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างคุ้มค่า และส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ ได้ยกเลิกการใช้สารดูดซับรังสียูวีจำพวก OMC ที่ประกอบด้วยสาร Octinoxate, Oxybenzone, 4-Methylbenzylid Camphor (4MBC) และ Butylparaben ที่มีข้อมูลการวิจัยพบว่าเป็นอันตรายต่อสัตว์ทะเลบางชนิด ขัดขวางการเจริญเติบโตของปะการัง ก่อให้เกิดมลพิษต่อท้องทะเล ซึ่งจากการคิดถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอน ทำให้ อัลลี่ (ALLIE) เป็นที่ยอมรับว่าเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดรักษ์โลกอย่างแท้จริง

ซึ่งในกิจกรรม ALLIE x EARTH DAY ทางอัลลี่ (ALLIE) ได้แนะนำ ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด LIMITED-EDITION PACKAGE ALLIE X PEANUTSTM กันแดดที่ออกแบบมาให้ทุกชิ้นส่วนสามารถนำไปใช้งานได้ โดยนำกันแดด 2 รุ่นขายดีมาบรรจุในแพ็คเกจจิ้งลาย SNOOPY กล่องบรรจุภัณฑ์นำไป DIY เป็นที่ใส่ปากกาหรือใส่แปรงได้ เนื้อกันแดดมีให้เลือก 2 รุ่น คือ ALLIE CHONO BEAUTY GEL UV EX สำหรับผิวหน้า-ผิวกาย และ ALLIE CHONO BEAUTY COLOR TUNING UV 03SHEER BEIGE สำหรับผิวหน้า พร้อมคุณสมบัติสำคัญในการกันแดดประสิทธิภาพสูง SPF50+ PA++++ โดยยังคงแนวคิดและคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไร้สารอันตรายต่อปะการังและสัตว์ทะเล ภายในงานมีการให้ความรู้แนะนำการดูแลสิ่งแวดล้อมง่ายๆ ใกล้ตัว

 

กิจกรรมนี้มีคุณ ปูเป้-จิรดาภา อินทจักร และ ไข่มุก-วรัทยา ดีสมเลิศ อดีตสมาชิก BNK48 และนักแสดงน้องใหม่ ริวกิ (@rryu.ki), จิมมี่ (@jimmy.nt), พรีเซ้นต์ (@ssaintntp) และ ตั๋ง (@tung_thatkawin) ในฐานะตัวแทนคนรุ่นใหม่มาร่วมทดสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์กันแดด อัลลี่ (ALLIE) พร้อมอาสาร่วมเป็นตัวแทนในการรวบรวมขวดน้ำดื่มพลาสติกที่เป็น PET เพื่อส่งต่อให้กับสำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปผลิตเป็นชุด PPE ให้กับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความสะอาดของกรุงเทพฯ โดยการเลือกจัดกิจกรรมนี้ เนื่องจากเป็นเรื่องใกล้ตัว ทุกวันนี้มีการใช้งานผลิตภัณฑ์ที่เป็นพลาสติกเป็นจำนวนมาก การเป็นจุดเล็กๆ ของเขาหวังว่าจะเป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นให้ตระหนักว่า ทุกคนสามารถดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมได้ด้วยการช่วยกันคนละไม้ละมือ ซึ่งทำให้สิ่งแวดล้อมและสังคมน่าอยู่ยิ่งขึ้น

 

ซึ่งหลังจากกิจกรรมการจัดงาน ALLIE x EARTH DAY คณะผู้บริหารจาก อัลลี่ (ALLIE) นำโดย มร.อะทสึชิ ซูมิโน่ ประธานกรรมการ และ นางสาวแสงเดือน อุทารวุฒิพงศ์ ผู้จัดการฝ่ายวางแผนกลยุทธ์ บริษัท คาเนโบ คอสเมติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนในการส่งมอบขวด PET ที่รวบรวมได้จำนวน 1,500 ขวด ให้แก่สำนักงานสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร โดยมีนาย นายประพาส เหลืองศิรินภา ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร เป็นผู้รับมอบ โดยขวด PET ทั้งหมดสามารถนำไปผลิตชุด PPE ส่งต่อให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลรักษาความสะอาดของกรุงเทพฯ ได้เป็นจำนวนถึง 35 ชุด ผลิตภัณฑ์ อัลลี่ (ALLIE) ผู้บริหาร และทีมงานทุกคน ขอขอบคุณผู้ร่วมสนับสนุนกิจกรรมฯ อันเป็นประโยชน์ต่อโลกและสิ่งแวดล้อมในครั้งนี้ และสัญญาว่าจะยืนยัดในแนวคิด “ความงาม เพื่อโลกที่ยั่งยืน” ต่อไปอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

X

Right Click

No right click