The 1 จัดแคมเปญลุ้นโชคกระตุ้นยอดขายต้นปี 2567 ชวนนักช้อปสมัครสมาชิก The 1 รับสิทธิ์ลุ้นรางวัลใหญ่ รวมมูลค่ากว่า 2 แสนบาท! เพียงดาวน์โหลดและสมัครสมาชิกใหม่ผ่าน The 1 APP รับทันที 1 สิทธิ์ พิเศษอีกขั้น! ซื้อสินค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล ครบ 500 บาท รับเพิ่มอีก 1 สิทธ์ต่อใบเสร็จ ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์! สำหรับสมาชิกใหม่ที่สมัครและช้อประหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 - 30 มิถุนายน 2567 เท่านั้น

ห้ามพลาด! เพียงสมัครสมาชิกใหม่ ดาวน์โหลด The 1 APP และช้อปในเครือเซ็นทรัล รีเทล เพื่อลุ้นโชคฉ่ำๆ กับรางวัลกว่า 200 รายการ รวมมูลค่ากว่า 200,000 บาท อาทิ สร้อยคอทองคำ หนัก 50 สตางค์ มูลค่ารางวัลละ 17,579 บาท จำนวน 3 รางวัล โทรศัพท์มือถือ iPhone รุ่น 15 Pro Max ขนาด 256GB มูลค่ารางวัลละ 48,900 บาท จำนวน 1 รางวัล เครื่องเป่าผม Dyson Supersonic มูลค่ารางวัลละ 15,215 บาท จำนวน 2 รางวัล Starbucks e-Coupon มูลค่ารางวัลละ 200 บาท จำนวน 200 รางวัล รวมมูลค่า 20,000 บาท โดยจะจับรางวัลครั้งที่ 1 วันที่ 10 เม.ย. ประกาศผลวันที่ 15 เม.ย. และจับรางวัลครั้งที่ 2 วันที่ 10 ส.ค. ประกาศผลวันที่ 15 ก.ค. สามารถศึกษาและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับของรางวัลในรอบที่ 1 และรอบที่ 2 ได้ที่ The 1 APP เว็บไซต์ https://www.the1.co.th/ และ โทร. 0 2660 1000 ศูนย์บริการสมาชิก The 1

ไม่เพียงเท่านั้น ตลอดทั้งปี 2567 The 1 ยังมอบสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกที่ดาวน์โหลดและลงชื่อเข้าใช้ The 1 APP ครั้งแรก โดยจะได้รับคูปองส่วนลดรวม 2,000 บาทจากกว่า 20 ร้านค้าในเครือเซ็นทรัล รีเทล ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัล ดีพาร์ทเมนต์ สโตร์, โรบินสัน, เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป, เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป, ไทวัสดุ, บีเอ็นบี, โก! ว้าว, บีทูเอส, ท็อปส์, โก! ว้าว, เพาเวอร์บาย, โก เพาเวอร์, ซูเปอร์สปอร์ต, ออโต้วัน, โก โฮลเซลล์, ท็อปส์ วีต้า, ท็อปส์แคร์, เพ็ทแอนด์มี, ท็อปส์ เดลี่ และออฟฟิศเมท

นายกวิน ตั้งอุทัยศักดิ์ (ซ้าย) Managing Director – The 1 พร้อมด้วย นายโรบิน สเปนเซอร์ (ขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย

The 1 (เดอะ วัน) ผู้นำด้านดิจิทัลไลฟ์สไตล์และลอยัลตี้ ในฐานะ Center of Life Platform อันดับ 1 ของไทย ภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล เผยข้อมูลจาก The 1 Insight วิเคราะห์เจาะแนวโน้มการใช้จ่ายในยุคหลังโควิด บ่งชี้ชัดถึงปรากฏการณ์ Revenge Spending ผู้บริโภคโหยหาอิสระในการใช้จ่ายกับสินค้าเพื่อความพึงพอใจมากขึ้นใน 4 กลุ่มสินค้า ของหวานและไวน์-เครื่องสำอางและน้ำหอม-ร้านอาหาร-เสื้อผ้าสปอร์ตแวร์ ช่องทางออนไลน์เติบโตต่อเนื่อง ย้ำแบรนด์ต้องให้ความสำคัญของ Omnichannel เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน  

ล่าสุด The 1 Insight นำเสนอปรากฏการณ์ Revenge Spending หรือ ‘ช้อปล้างแค้น’ ที่เรียกได้ว่าเป็นการทวงคืนอิสระในการจับจ่ายในยุคหลังโควิดเพื่อสร้างความผ่อนคลายและระบายความอัดอั้น ที่สะท้อนให้เห็นได้จากยอดขายที่สูงขึ้นใน 4 กลุ่มสินค้าเพื่อความพึงพอใจ ได้แก่ 1) อุปโภคบริโภค พบยอดขายเติบโตขึ้นถึง 51% ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเพื่อความเพลิดเพลินใจ อย่างไวน์ ขนม และของหวาน ในขณะที่ยอดขายวัตถุดิบเพื่อการประกอบอาหารและเบเกอรี่ลดลง 14% สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่ทำอาหารที่บ้านน้อยลง 2) ร้านอาหาร ยอดขายร้านอาหารเติบโตสูงขึ้น 15% และโดดเด่นในกลุ่มร้านอาหารชาบู/ปิ้งย่างที่นิยมทานเป็นกลุ่ม และอาหารญี่ปุ่น/เกาหลี ที่มีราคาสูง บ่งชี้ถึงการมอบรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ให้ตนเองเพื่อสร้างความผ่อนคลาย 3) ความงาม ยอดขายเครื่องสำอางและน้ำหอมกลับมาเติบโตกว่า 20% ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตัวเลขเติบโตสัมพันธ์กับการที่ผู้บริโภคสามารถออกจากบ้านและพบปะผู้คนได้มากขึ้น การแต่งหน้า-ฉีดน้ำหอมจึงเป็นการใช้จ่ายเพื่อความเพลิดเพลินอย่างแรกๆ ที่นึกถึง 4) การออกกำลังกาย เมื่อผู้คนไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายเพียงแค่ที่บ้าน แต่สามารถออกจากบ้านรวมถึงการออกกำลังกายเป็นกลุ่มได้ จึงไม่แปลกที่ยอดขายสปอร์ตแวร์ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 25% และยอดขายอุปกรณ์ออกกำลังกายที่เติบโตในช่วงโควิดกลับปรับตัวลดลง 22%

อีกหนึ่งแง่มุมที่น่าสนใจสำหรับปรากฏการณ์ Revenge Spending ในรอบนี้นั้นมีความแตกต่างจากครั้งก่อนๆ เนื่องจากกลุ่มสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกจับจ่ายมากขึ้นนั้นเป็นในกลุ่มสินค้าเพื่อความพึงพอใจในราคาที่เข้าถึงได้ มากกว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย อาทิ สินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ ซึ่งไม่น่าแปลกใจด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังมีแนวโน้มไม่สู้ดีและสภาวะเงินเฟ้อ  จึงเป็นเหตุให้ผู้คนใช้จ่ายมากขึ้นเพื่อสร้างความผ่อนคลายในงบประมาณที่ ‘สามารถจ่ายได้’ โดยไม่กระทบกับทรัพย์สินจำนวนมากเกินไปนัก นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันดีว่าปรากฏการณ์ Revenge Spending นั่นมักเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลาย ลดความอัดอั้นสำหรับตัวผู้บริโภคเอง รวมถึงมักเกิดขึ้นในกลุ่มสินค้าบางกลุ่มเท่านั้น จึงไม่สามารถบ่งชี้ถึงทิศทางเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งต้องอาศัยการฟื้นตัวในหลายแง่มุมได้

อย่างไรก็ตาม การช้อปในช่องทางออนไลน์ (Online Shopping) คือพฤติกรรมหนึ่งที่เติบโตอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานและอัตราการเติบโตยิ่งสูงขึ้นในช่วงโควิด-19 ทั้งในแง่ของยอดขายและจำนวนผู้ใช้ โดยยอดขายเติบโตกว่า 2 เท่า และยอดผู้เข้าชมสินค้าสูงขึ้นกว่า 3 เท่าตลอดช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 - พฤษภาคม 2022 นอกจากนั้นยังพบว่าผู้บริโภคกว่า 36% ยังคงพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ในยอดคงที่อย่างต่อเนื่อง แม้จะกลับไปจับจ่ายที่หน้าร้านมากขึ้นด้วย อาจสรุปได้ดังเช่นที่ผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกเห็นตรงกันว่า การสร้างประสบการณ์แบบ Omnichannel คือเรื่องที่ทุกแบรนด์ต้องให้ความใส่ใจในปัจจุบันเพราะมีผลอย่างยิ่งกับความอยู่รอดของแบรนด์ในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออฟไลน์หน้าร้าน ช่องทางออนไลน์ อาทิ E-Commerce Application และ Website, Social Commerce รวมถึง New Sales Channels อย่าง Chat & Shop, Call & Shop และ Personal Shopper กล่าวคือแบรนด์ไม่อาจให้ความสำคัญกับเพียงช่องทางใดช่องทางหนึ่งอีกต่อไป แต่ควรมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างไร้รอยต่อให้กับลูกค้าในทุกช่องทาง

X

Right Click

No right click