September 19, 2024

ทรู คอร์ปอเรชั่น ลุยแจ้งจับโจรลักทรัพย์เสามือถือเหตุกระทบบริการลูกค้า ตั้งสำนักงานกฎหมายตัวแทนเพื่อร่วมกับตำรวจเอาจริงทุกคดี ทั้งลักทรัพย์แบตเตอรี่ลิเธียม สายไฟ หรืออุปกรณ์ประจำสถานีฐานทั่วไทย ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับการให้บริการในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะภาคตะวันออก และภาคอีสาน พร้อมขยายผลร่วมมือกับตำรวจสืบหาแหล่งแก๊งโจรและเส้นทางการเงินเพื่อจับกุมมาดำเนินคดีทุกรายให้ถึงที่สุด และสืบค้นตลาดมืดรับซื้อของโจรต่อไป พร้อมเตือนด้วยความห่วงใยคนซื้อแบตเตอรี่ลิเธียมมือสองระวังถูกหลอกรับซื้อของโจร

ความเสียหายจากขบวนการลักทรัพย์เสามือถือในพื้นที่ต่างๆ ประกอบด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม สายไฟ เครื่องปรับอากาศ โซลาร์เซลล์ ซึ่งหลายแห่งมีการลักทรัพย์อุปกรณ์ที่เป็นเหล็ก บันได รั้ว รวมถึงถอดน็อตทำให้เกิดเหตุเสาล้มนำความเสียหายมาให้แก่ประชาชนในพื้นที่

ล่าสุด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้มอบหมายให้สำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล เป็นผู้แทนรับมอบอำนาจจากทรู คอร์ปอเรชั่น เข้าพบ เข้าพบ พ.ต.ท. ชาติคณิณพ์ อินทร์สอน สารวัตร(สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรพานทอง จ. ชลบุรี  เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับโจรลักทรัพย์อุปกรณ์เสาสัญญาณมือถือทรูในพื้นที่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ชลบุรี จากเหตุโดนโจรตัดสายไฟเพื่อลักทรัพย์นำไปขายต่อ อันจะทำให้เกิดเหตุเสาสัญญาณหยุดบริการสะดุดชั่วคราว พร้อมมอบหลักฐานสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่ขยายผลการสืบสวนต่อไป

นายฤทธิรอน เพริดพร้อม ทนายความจากสำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล ตัวแทนทรูคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เหตุการณ์ลักทรัพย์นี้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งนับเป็นสาธารณูปโภคดิจิทัลพื้นฐาน เนื่องจากสถานีฐานต้องหยุดทำงานชั่วคราวเพราะขาดระบบจ่ายไฟ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถใช้บริการโทรศัพท์มือถือได้ตามปกติ ทั้งการติดต่อสื่อสารพื้นฐาน การใช้แอปพลิเคชันในชีวิตประจำวัน การทำธุรกิจ ธุรกรรมออนไลน์ และการศึกษา ซึ่งสร้างความเดือดร้อนแก่สาธารณชนอย่างกว้างขวาง

ทางสำนักงานกฎหมายจะดำเนินการฟ้องร้องทางอาญาในข้อหาลักทรัพย์โดยเน้นความผิดสถานหนัก ในทุกกรณีไม่ว่าจะกระทำความผิดคนเดียวหรือตั้งแต่สองคนขึ้นไป ใช้ยานพาหนะ หรือลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ซึ่งถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเหตุฉกรรจ์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 โดยระวางโทษจำคุกได้ถึง 7 ปี และปรับสูงสุดถึงหนึ่งแสนบาท แล้วแต่กรณี โดยมีโทษทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ การฟ้องร้องดำเนินคดีในความผิดฐานนี้ไม่สามารถยอมความได้ พร้อมทั้งจะฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากทรัพย์สินด้วยมูลค่าสูงสุด"

ทั้งนี้ สำนักงานกฎหมายบี แอนด์ แอล ตัวแทนบริษั ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จะร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ในทุกพื้นที่ในการสืบสวนและขยายผลเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการลักทรัพย์ทั้งหมด รวมถึงการทลายแหล่งที่ใช้ในการแปรรูปและจำหน่ายอุปกรณ์ที่ถูกขโมยมา ไม่ว่าจะเป็นการขายในตลาดมืดหรือผ่านช่องทางออนไลน์

“ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการซื้ออุปกรณ์มือสอง โดยเฉพาะแบตเตอรี่ลิเธียมที่มักนำไปใช้ร่วมกับระบบโซลาร์เซลล์ในบ้านเรือน ควรเลือกซื้อจากผู้ขายและร้านค้าที่น่าเชื่อถือ และสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาการนำเข้าของสินค้าได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นผู้เสียหายจากการรับซื้อของโจรโดยไม่รู้ตัว” นายฤทธิรอน กล่าวในที่สุด

ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมกับ กสทช. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมวิกฤตในอำเภอศรีสำโรงและอำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย เพื่อตรวจสอบคุณภาพสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้บริการในพื้นที่ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งนำถุงยังชีพ 500 ชุดมอบแก่ผู้ประสบภัยในชุมชนต่างๆ โดยมีนายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. และรักษาการเลขาธิการ กสทช. พร้อมด้วยทีมงาน นำทีมลงพื้นที่ ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้วางแผนการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดตั้งทีมเฝ้าระวังต่อเนื่องพื้นที่จังหวัดภาคกลางและกรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากน้ำเหนือไหลบ่าและฝนตกหนัก

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ทรู คอร์ปอเรชั่นขอส่งกำลังใจถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วมทุกท่าน โดยล่าสุดทีมงานของเรานอกจากจะดูแลความพร้อมระบบสื่อสารให้ใช้งานได้ต่อเนื่องแล้ว ยังได้เร่งลงพื้นที่ช่วยเหลือ พร้อมนำถุงยังชีพ อาหารแห้ง น้ำดื่ม และยา มอบแก่ผู้ประสบภัยในจังหวัดสุโขทัยซึ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์น้ำเหนือทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ทั้งนี้ เราได้ดำเนินการช่วยเหลือจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง เช่น ร่วมมือกับหอการค้าจังหวัดน่าน และโรงพยาบาลน่านในการมอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่ นอกจากนี้ เรายังได้ร่วมมือกับ กสทช. ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัยตรวจสอบสัญญาณมือถือ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทรูและดีแทคว่าจะสามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักและน้ำเหนือที่ไหลผ่าน ซึ่งทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่”

ทีมเน็ตเวิร์กของทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ประจำการตามสถานีฐานต่างๆ ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทางภาคเหนือ และพื้นที่เสี่ยงภัยจังหวัดอื่นๆ โดยทีมงานได้เข้าปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนตามแผนฉุกเฉิน เพื่อให้ลูกค้าทรูและดีแทคสามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้ ทรูได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการพิเศษประจำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ (BNIC) พร้อมระบบ AI คอยเฝ้าระวังและดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดเตรียมรถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW) และยานพาหนะทั้งรถและเรือสำหรับเข้าพื้นที่น้ำท่วม ตลอดจนอุปกรณ์สำรองและอะไหล่สำหรับซ่อมแซมในกรณีฉุกเฉิน รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้บริการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้มอบความช่วยเหลือแก่ลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งรวมถึงการขยายระยะเวลาใช้งานสำหรับลูกค้าเติมเงิน การระงับการตัดสัญญาณ และการขยายเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนของทรูมูฟ เอช ดีแทค ทรูออนไลน์ และทรูวิชั่นส์ เป็นเวลา 7 วัน สำหรับลูกค้าในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในจังหวัดต่างๆ (ลูกค้าจะได้รับ SMS ยืนยันสิทธิ์)

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เดินหน้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในหลายจังหวัดทางภาคเหนือของไทยอย่างเต็มกำลัง โดยล่าสุดได้ส่งทีมเน็ตเวิร์กลงพื้นที่ประสบภัยเพื่อดูแลสถานีฐานและเน็ตบ้านให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ ทั้งในจังหวัดน่าน เชียงราย พะเยา และแพร่ เป็นต้น พร้อมทั้งทีมภูมิภาคของทรู คอร์ปอเรชั่นเร่งนำอาหาร น้ำดื่มช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

  • ทีมงานเน็ตเวิร์กเร่งลงพื้นที่สถานีฐานทั้งทางรถและเรือ เพื่อตรวจสอบอุปกรณ์และทดสอบคุณภาพสัญญาณบริการต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนในพื้นที่ยังสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่องแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • ทีมงานภูมิภาคของทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้เร่งนำอาหารแห้ง น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นไปมอบให้แก่ผู้ประสบภัย โดยได้ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่น เช่น หอการค้าจังหวัดน่าน และโรงพยาบาลน่านในการประสานความช่วยเหลือสู่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้มอบความช่วยเหลือลูกค้าในพื้นที่ประสบภัย ซึ่งรวมถึงการขยายวันใช้งานสำหรับลูกค้าเติมเงิน การระงับการตัดสัญญาณ และการขยายเวลาชำระค่าบริการสำหรับลูกค้ารายเดือนของทรูมูฟ เอช ดีแทค ทรูออนไลน์ และทรูวิชั่นส์ เป็นเวลา 7 วัน แก่ลูกค้าในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดต่างๆ (รอรับ SMS ยืนยัน)

บริษัทฯ ยังคงดำเนินการตามแผนฉุกเฉินอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีทีมปฏิบัติการพิเศษประจำ BNIC (ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ) พร้อม AI คอยเฝ้าระวังและดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ฉุกเฉิน เช่น รถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (COW) และยานพาหนะสำหรับเข้าพื้นที่น้ำท่วม เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพแม้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมเดินหน้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยอย่างเต็มกำลัง

เพิ่มขีดศักยภาพ ความจุ ความเร็ว ลดการใช้พลังงานด้วยการปรับปรุงเสา 7,100 แห่ง – True Blog ชวนเปิดมุมมอง “CTO ทรู คอร์ป”

นับเป็นเวลาหลายทศวรรษที่อุตสาหกรรมโทรคมนาคมเร่งพัฒนาการให้บริการด้วยแนวคิด "จัดเต็ม" ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น ความเร็วที่มากขึ้น หรือการเข้าถึงการใช้ดาต้าได้มากขึ้น ในอีกด้านหนึ่ง จากการคาดการณ์ว่าในเอเชียจะมีการใช้งานดาต้ามือถือเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี พ.ศ. 2573 ยิ่งต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพของเครือข่ายและพัฒนาสู่ความยั่งยืน ควบคู่ไปกับความท้าทายที่เกิดจากการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้อย่างรวดเร็ว 

ประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีผู้ให้บริการที่มีผู้ใช้งานมากสุดในประเทศ ทำให้เข้าใจในมิติของปรากฏการณ์และการรักษาสมดุลการพัฒนาเครือข่ายและความต้องการใช้งานมือถือเป็นอย่างดี อีกทั้ง จากประสบการณ์อันยาวนานในวงการโทรคมนาคม เมื่อครั้งอยู่ที่ดีแทคเขาได้รับประสบการณ์ที่ท้าทาย สู่ภารกิจสำคัญในการเริ่มต้นวางเครือข่ายในเมียนมาตั้งแต่ก้าวแรกกับเทเลนอร์ โดยในวันนี้เขากำลังทุ่มเทกับภารกิจอันยิ่งใหญ่และท้าทายอีกรูปแบบ ด้วยการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายของทรู คอร์ปอเรชั่นให้ทันสมัยหลังจากการควบรวมกิจการโทรคมนาคมครั้งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ลุยขับเคลื่อนการใช้งานดิจิทัลเชื่อมต่อเพื่อทุกคน 

"การทำงานในเมียนมาสร้างแรงบันดาลใจให้ผมอย่างมาก ผมได้เห็นพลังของการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิตผู้คนผ่านเทคโนโลยีโทรคมนาคมด้วยตาตัวเอง มันสร้างโอกาสใหม่ๆ มากมายให้กับคนในชุมชน สร้างธุรกิจขนาดเล็ก ทุกพื้นที่แม้อยู่ห่างไกลในชนบท การเชื่อมต่อผ่านมือถือพลิกเปลี่ยนชีวิตผู้คนได้จริงๆ" ประเทศ กล่าว 

ทุกวันนี้ ประเทศในฐานะ CTO ทรู คอร์ป ยังคงมุ่งมั่นที่จะลุยไปข้างหน้านำความล้ำสมัยของดิจิทัลไปสู่ทุกคนในประเทศไทย แต่เขาต้องเผชิญกับความท้าทายบทใหม่ที่แตกต่างออกไป ทรูและดีแทคกำลังรวมโครงข่ายที่มีสถานีฐานหลายหมื่นแห่งที่ครอบคลุมทั่วไทยเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับให้บริการประชาชนมากกว่า 50 ล้านเลขหมาย นอกจากนี้ คนไทยยังเป็นหนึ่งในผู้ใช้ข้อมูลที่มากสุดในโลก โดยใช้งานเฉลี่ยราว 30 GBต่อคนต่อเดือน (ข้อมูลไตรมาส 2/2567) 

"นี่เป็นการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอยู่ในระดับต้นๆ ของเอเชีย" ประเทศ เล่าเพิ่มเติม "เราวางแผนที่จะพัฒนาเสาสัญญาณหลายพันแห่ง โดยทำงานร่วมกับทีมขายในพื้นที่ซึ่งรู้จักชุมชนที่พวกเขาให้บริการเป็นอย่างดี" 

ในการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2567 ทรู คอร์ปอเรชั่นระบุว่า ได้ดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยเสร็จสมบูรณ์แล้ว 7,100 แห่ง หรือ 42% ของเป้าหมายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ประเทศยอมรับว่าโครงการนี้เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา 

"แม้จะมีการทดสอบอย่างหนักและจัดทำโครงการนำร่องในสถานการณ์จริงเพื่อให้มั่นใจว่าการติดตั้งจะราบรื่น แต่การพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัยทั่วประเทศก็ยังคงท้าทายกว่าที่คิดมาก ทีมวิศวกรภาคสนามจำนวนมากต้องได้รับการฝึกอบรมใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาปฏิบัติตามมาตรฐานที่เข้มงวดของทรู" ประเทศ กล่าว "สิ่งสำคัญที่สุดคือประสบการณ์ของลูกค้า ที่เป็นเป้าหมายหลักของเรา" 

 

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการปล่อยคาร์บอน 

นอกเหนือจากประสิทธิภาพของเครือข่าย ประเทศกำลังมองไปยังอนาคตที่ AI จะมีบทบาทสำคัญทั้งในด้านประสบการณ์ผู้ใช้และความยั่งยืน 

"ทรู คอร์ปอเรชั่นตั้งเป้าหมายที่ท้าทายในความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2573 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593" เขากล่าว "AI เป็นกุญแจสำคัญในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ของเรา เราใช้ AI วิเคราะห์รูปแบบและกลยุทธ์การใช้งานและปิดอุปกรณ์ในช่วงที่มีการใช้งานต่ำ ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 15%" 

นอกจาก AI แล้ว ทรูยังใช้ประโยชน์จากการปรับปรุงเครือข่ายเพื่อเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น และเพิ่มจำนวนสถานีฐานที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีสถานีฐานที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์แล้ว 10,490 แห่ง จากนี้ต่อไปเขาคาดการณ์อย่างมั่นใจว่า AI จะยิ่งเป็นปัจจัยหลักที่นำมาใช้ทั้งในแง่การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าและการแก้ไขปัญหาต่างๆ 

"ด้วย AI เราจะสามารถตรวจจับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในเครือข่ายได้ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อลูกค้า นี่คือสิ่งที่เรียกว่าเครือข่าย 'self-healing' หรือ 'self-optimizing' AI ยังช่วยปรับปรุงประสบการณ์การบริการลูกค้าอย่างมาก เนื่องจากพนักงานบริการจะยิ่งสามารถใช้ AI co-pilots มากขึ้น เพื่อช่วยเหลือลูกค้าได้เร็วขึ้นและแม่นยำมากขึ้น" ประเทศ กล่าว 

 การเปลี่ยนแปลงบุคลากรสู่ยุค AI 

ความมุ่งมั่นของทรู คอร์ปอเรชั่นในการใช้ AI ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย บริษัทวางแผนที่จะมี "พลเมืองดิจิทัล (Digital Citizens)" 5,000 คนภายในปี 2568 รวมถึงผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้าน AI และ วิทยาการข้อมูล (Data Science) จำนวน 1,000 คน และเมื่อเร็วๆ นี้ได้จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยี (Center of Technology Excellence) เพื่อทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับโลกที่มีความสามารถด้าน AI ขั้นสูง 

"เราให้ความสำคัญกับการนำ AI มาใช้งานแต่ต้องควบคู่กับความปลอดภัย" ประเทศ กล่าว "เราเริ่มโครงการนำร่องการใช้ AI co-pilots ที่เราสามารถบริหารจัดการดาต้า และผลลัพธ์จาก AI ทั้งหมดจะได้รับการตรวจสอบโดยมนุษย์ก่อนนำไปใช้งานจริง" 

ประเทศมองว่า AI จะมาพลิกโฉมรูปแบบคนทำงาน โดยงานบางอย่างอาจล้าสมัย ในขณะที่งานอื่นๆ ต้องการชุดทักษะใหม่ๆ อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานคือการพัฒนาตนเองและการเรียนรู้ตลอดชีวิต 

"สิ่งที่คุณเรียนในโรงเรียนอาจไม่เกี่ยวข้องเมื่อคุณได้งานทำ" เขาให้คำแนะนำ "แต่ด้วยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง คุณจะประสบความสำเร็จได้ อย่างไรก็ตาม AI ยังคงต้องการมนุษย์ในการสร้าง ฝึกฝน และดำเนินการ . . . อย่างน้อยก็ในขณะนี้" 

การรักษาสมดุลระหว่างเทคโนโลยีล้ำสมัยกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นสำคัญที่เขาให้ความสำคัญอยู่เสมอ ในขณะที่ทรู คอร์ปอเรชั่นกำลังนำศักยภาพพลังของ AI มาใช้และเผชิญกับความท้าทายด้านความยั่งยืน ความเป็นผู้นำของเขาในฐานะหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยีจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างอนาคตที่ทุกคนยังคงเชื่อมต่อกัน  ไปพร้อมๆ กับการดูแลรักษาโลก 

บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้นอกเวลางาน ประเทศ CTO ทรู คอร์ป ให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลในชีวิตครอบครัว โดยแบ่งเวลาระหว่างการช่วยเหลือลูกๆ ทำการบ้าน และการใช้เวลาร่วมกันทำกิจกรรมกลางแจ้ง สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตที่ผสานความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเข้ากับการใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างลงตัว อันเป็นแนวทางการดำเนินชีวิตที่มีความหมายในโลกปัจจุบัน 

Page 2 of 9
X

Right Click

No right click