December 15, 2025

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แสดงจุดยืนในการประชุมรับฟังความคิดเห็นสาธารณะครั้งที่ 2 ต่อร่างประกาศเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล สนับสนุน กสทช. นำคลื่นตามแผน IMT Spectrum Roadmap มาจัดประมูลตามกำหนดเดิม

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะด้านโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ เราต้องรักษาความได้เปรียบนี้ด้วยการมองไปข้างหน้าและเร่งสร้างโอกาสใหม่ๆ การประมูลครั้งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ประเทศไทยจะเป็นประเทศชั้นนำด้านดิจิทัลหรือจะล้าหลัง การประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้มีส่วนสำคัญในการผลักดันโครงสร้างดิจิทัลของประเทศ ดังนั้น กสทช. จึงควรเร่งให้เกิดการประมูลคลื่นความถี่ตามแผนเดิม"

โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น สนับสนุนให้ กสทช. จัดการประมูลตามแผนการจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลของประเทศไทย ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2567-2571) หรือแผน IMT Spectrum Roadmap ที่ กสทช. เห็นชอบ และเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไปตั้งแต่ปี 2567 อันประกอบด้วยคลื่นที่กำลังจะหมดอายุทั้งในปีนี้และอีก 2 ปีข้างหน้า รวมถึงคลื่นความถี่ที่ว่าง เพื่อให้เกิดการนำคลื่นไปใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเห็นว่า กสทช. ควรเร่งให้เกิดการประมูลคลื่นตามแผน IMT Spectrum Roadmap เพื่อลดผลกระทบอันเกิดจากการจัดสรรคลื่นไม่ทันท่วงที นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังสนับสนุนการประมูลคลื่นในรูปแบบที่นำคลื่นมาประมูลพร้อมกัน ซึ่งเป็นวิธีการที่เป็นที่ยอมรับว่ามีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับแนวโน้มในการจัดสรรคลื่นทั่วโลก นอกจากนี้ในประเด็นการกำหนดราคาขั้นต่ำ ทรู เห็นด้วยกับวิธีการกำหนดราคาที่อ้างอิงหลักการสากล ไม่ใช่การนำราคาตามข้อตกลงระหว่างเอกชนในอดีตที่ไม่ได้สะท้อนมูลค่าคลื่นความถี่เพียงอย่างเดียว  

นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคลื่น 3500 MHz แม้จะเป็นอีกหนึ่งคลื่นที่มีความสำคัญ แต่ขณะนี้ทรู คอร์ปอเรชั่นยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้ อีกทั้ง หากนำมาร่วมประมูล กสทช. ควรพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และผู้รับชมโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมระบบ C band ก่อนดำเนินการประมูล

ทรู คอร์ปอเรชั่นเน้นย้ำว่า คลื่นความถี่คือทรัพยากรสำคัญของประเทศที่เปรียบเสมือนรากฐานในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การจัดสรรคลื่นอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้ไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก และสนับสนุนการเติบโตของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ทั้ง 5G ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) บริษัทฯ แสดงความเชื่อมั่นว่า กสทช. จะดำเนินการประมูลคลื่นความถี่ครั้งนี้ด้วยความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 เวลาประมาณ 13.25 น. ประเทศไทยรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งสามารถรู้สึกได้ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที พฤติกรรมการสื่อสารของผู้ใช้งานบนเครือข่ายทรูและดีแทคเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน โดยปริมาณการโทรออก (Voice Call) พุ่งสูงเฉลี่ยกว่า 5 เท่า ขณะเดียวกัน การใช้งานดาต้า (Data) ก็เปลี่ยนทิศทางอย่างเห็นได้ชัด

การโทรกลายเป็นช่องทางเร่งด่วนในการติดต่อระหว่างบุคคล ส่วนดาต้าถูกใช้เพื่อการสื่อสารอย่างมีเป้าหมาย ผ่านแอปอย่าง LINE Messenger และ X เพื่อติดต่อ ตอบกลับข้อความ และเช็กข้อมูลข่าวสาร สะท้อนพฤติกรรมของผู้ใช้งานในภาวะฉุกเฉินที่ต้องการติดต่อสื่อสารอย่างทันท่วงที

พฤติกรรมการใช้งานเครือข่ายในช่วงฉุกเฉิน

จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ข้อมูลการใช้งานบนเครือข่ายทรูและดีแทคสะท้อนภาพชัดเจนถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานในช่วงเวลาฉุกเฉิน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลัก ได้แก่

การใช้งานเสียง (Voice Usage)

  • ช่วงเวลา 13:30 – 13:45 น. เป็นช่วงที่ปริมาณการโทรบนเครือข่ายทรูและดีแทคเพิ่มขึ้นสูงที่สุด

เครือข่ายทรู

  • ปริมาณการโทรออกเพิ่มขึ้นสูงสุด 465% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวันที่ 27 มีนาคม 2568 (จาก 57 ล้านครั้ง เป็น 8.89 ล้านครั้ง)
  • จุดที่การโทรออกพุ่งขึ้นสูงสุดอยู่ที่เวลา 13:33 น. โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 299,000 ครั้ง หรือคิดเป็น 672% จากค่าปกติในช่วงเวลาดังกล่าว

 เครือข่ายดีแทค

  • ปริมาณการโทรออกเพิ่มขึ้นสูงสุด 545% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของวันที่ 27 มีนาคม 2568 (จาก 67 ล้านครั้ง เป็น 17.23 ล้านครั้ง)
  • จุดที่การโทรออกสูงที่สุดคือเวลา 13:32 น. เพิ่มขึ้น 300,000 ครั้ง หรือคิดเป็น 1,061% จากค่าปกติ
  • การโทรภายในเครือข่ายเดียวกัน เพิ่มขึ้น 65% ขณะที่การโทรข้ามเครือข่าย เพิ่มขึ้น 121%
  • ปริมาณการโทรออกเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในชั่วโมงแรก แม้จะลดลงในช่วงเวลาต่อมา แต่ยังคงสูงกว่าปกติจนถึงเวลาเที่ยงคืน

ปริมาณการโทรออกเทียบเป็นรายภาค ในช่วงการโทรสูงสุด

เครือข่ายทรู จุดที่มีการโทรออกสูงที่สุดคือเวลา 13:33 น. โดยเรียงลำดับจากภาคที่มีการเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดังนี้

  • กรุงเทพมหานคร +1,171%
  • ภาคตะวันตก +618%
  • ภาคใต้ +455%
  • ภาคตะวันออก +426%
  • ภาคกลาง +285%
  • ภาคเหนือ +112%
  • ภาคอีสานตอนบน +82%

เครือข่ายดีแทค  จุดที่มีการโทรออกสูงที่สุดคือเวลา 13:32 น. โดยเรียงลำดับจากภาคที่มีการเพิ่มขึ้นมากที่สุด ดังนี้

  • กรุงเทพมหานคร +1,983%
  • ภาคตะวันตก +1,054%
  • ภาคกลาง +822%
  • ภาคเหนือ +541%
  • ภาคตะวันออก +269%
  • ภาคใต้ +229%
  • ภาคอีสานตอนบน +103%

จากข้อมูลข้างต้น อาจสรุปได้ว่าในภาวะฉุกเฉิน ผู้ใช้งานมีแนวโน้มเลือกใช้ “การโทร” (Voice Call) เป็นช่องทางหลักในการติดต่อสื่อสาร โดยปริมาณการโทรออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงบทบาทของการสื่อสารด้วยเสียงในภาวะฉุกเฉิน เพื่อยืนยันความปลอดภัยระหว่างบุคคลอย่างทันท่วงที

การใช้งานดาต้า (Data Usage)

  • พบการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งานดาต้าอย่างชัดเจนในช่วงเวลา 13:15 – 14:15 น. โดยช่วงเวลา 13:15–13:30 น. ปริมาณการใช้ดาต้าบนทั้งสองเครือข่ายลดลง สะท้อนการหยุดชะงักชั่วขณะจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
  • จากนั้นตั้งแต่ 14:00 – 19:00 น. การใช้งานดาต้ากลับมาสูงขึ้น มากกว่าค่าปกติ อย่างต่อเนื่อง
    • ปริมาณการใช้งานดาต้าของทรู เพิ่มขึ้นประมาณ 917 เทราไบต์ (9%)
    • ปริมาณการใช้งานดาต้าของดีแทค เพิ่มขึ้นประมาณ 653 เทราไบต์ (13%)

พฤติกรรมการใช้งาน 7 แอปพลิเคชันยอดนิยมในช่วงเหตุการณ์แผ่นดินไหว

เมื่อพิจารณาการใช้งานของ 7 แอปยอดนิยม (Facebook, Messenger, Instagram, TikTok, YouTube, LINE, X) ในช่วงเวลา 13:15–14:15 น. พบว่าทั้ง ทรู และ ดีแทค มีแนวโน้มคล้ายกัน คือ:

  • แอปสื่อสาร เช่น Twitter, LINE, Messenger มีการใช้งานเพิ่มขึ้นมากที่สุด
  • แอปวิดีโอ เช่น YouTube และ TikTok มีการใช้งานลดลงหรือเพิ่มเพียงเล็กน้อย

สะท้อนว่าในภาวะฉุกเฉิน ผู้ใช้งานมุ่งไปที่การสื่อสารแบบทันที และการตรวจสอบสถานการณ์

เครือข่าย True

  • ใช้ดาต้าเพิ่มขึ้น 469,118 MB (+16%) จุดพีคของการใช้แอปคือเวลา 16:33 น.
    • X +199%
    • LINE +74%
    • Messenger +41%
    • Facebook +35%
    • YouTube -7.8%
    • TikTok -0.9%

เครือข่ายดีแทค

  • ใช้ดาต้าเพิ่มขึ้น 290,063 MB (+17%) จุดพีคของการใช้แอปเกิดขึ้นที่ 13:25 น. ทันทีหลังรับรู้เหตุการณ์
    • Twitter (X) +162%
    • LINE +90%
    • Messenger +77%
    • Facebook +33%
    • YouTube -6%
    • TikTok +0.6%

จากข้อมูลข้างต้น อาจสรุปได้ว่าในภาวะฉุกเฉิน ผู้ใช้งานมีแนวโน้มปรับพฤติกรรมไปใช้แอปที่เน้นการสื่อสาร มากกว่าการเปิดดูคอนเทนต์วิดีโอ เป็นการใช้ดาต้าโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยืนยันความปลอดภัย รับรู้ข่าวสาร และติดต่อผู้คนในช่วงเวลาสำคัญ

เบื้องหลังคือการยกระดับมาตรการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน

หลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทีมงานเน็ตเวิร์กของทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ยกระดับมาตรการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินทันที ด้วยการตั้ง "วอร์รูม” ที่ BNIC ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ โดยใช้ AI ดูแลและบริหารเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงการระดมกำลังทีมงาน เพื่อเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า ประชาชนผู้ใช้งานเครือข่ายทุกคนจะใช้การสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ทรู คอร์ปอเรชั่น ขอส่งความห่วงใยถึงลูกค้าทรูและดีแทคทุกท่านจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้ โครงข่ายโทรคมนาคมของทรูยังคงให้บริการได้ตามปกติทุกระบบ ทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ตบ้าน เคเบิ้ลทีวี และบริการดิจิทัล  และเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านสามารถติดต่อสื่อสารได้อย่างมั่นใจในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน ทรู ได้จัดตั้ง “วอร์รูมเฝ้าระวังภัยพิบัติ” โดยมีทีมวิศวกรและทีมดูแลโครงข่ายประจำการตลอด 24 ชั่วโมงที่ BNIC เพื่อติดตามและตรวจสอบสถานะของเครือข่ายในพื้นที่ต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมความพร้อมรับมือกรณีหากมีเหตุการณ์ After shock หลังจากนี้  

อย่างไรก็ตาม ศูนย์บริการทรูและดีแทคช้อปจะงดให้บริการชั่วคราว เพื่อดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยของสถานที่อย่างละเอียด โดยทรูให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของทั้งลูกค้าและพนักงาน โดยจะเปิดให้บริการอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (29 มีนาคม 2568) สำหรับศูนย์บริการฯที่อยู่ภายในศูนย์การค้า จะเปิดให้บริการตามนโยบายการเปิดให้บริการของศูนย์การค้า ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถใช้บริการหลังการขายผ่านแอปพลิเคชันของทรู หรือคอลเซ็นเตอร์ ทรู 1242 และ ดีแทค 1678 ได้ตามปกติ

ทรูขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านผ่านพ้นเหตุการณ์นี้อย่างปลอดภัย และจะอยู่เคียงข้างเพื่อดูแลการสื่อสารของลูกค้าทุกคนอย่างเต็มที่ทุกสถานการณ์

ทรูให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และความพึงพอใจของลูกค้า พร้อมอยู่เคียงข้างเสมอในทุกสถานการณ์ มอบสิทธิพิเศษและบริการช่วยเหลือให้ลูกค้าทรูและดีแทคที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ลูกค้าสามารถรับส่วนลดพิเศษจาก HomePro, MegaHome และ DOHOME เมื่อซื้ออุปกรณ์สำหรับซ่อมแซมหรือของใช้จำเป็น ผ่านการแลกรับสิทธิ์ทางแอปทรูไอดี และดีแทคแอป

นอกจากนี้ ลูกค้า TrueBlack และ dtac PLATINUM BLUE MEMBER ยังได้รับบริการ Home Assistant บริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน* พร้อมช่วยเหลือทันที โดยให้คำปรึกษาเบื้องต้น และจัดหาบุคลากรที่มีความชำนาญไปยัง ที่พักอาศัย ครอบคลุมการดูแลภายในวงเงิน 1,500 บาท ต่อกรณีฉุกเฉิน ครอบคลุมทั้งค่าแรงและค่าอะไหล่สำหรับงานซ่อมแซมที่จำเป็น ดังต่อไปนี้

· Emergency Electrical Service : บริการซ่อมไฟฟ้าฉุกเฉิน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ที่เป็นผลมาจากความเสียหายหรือผลกระทบต่อไฟฟ้า เช่น ไฟฟ้าดับหรือไฟฟ้าลัดวงจรในที่อยู่อาศัย

· Emergency Air Conditioning Service : บริการซ่อมเครื่องปรับอากาศฉุกเฉิน ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน ที่เกิดจากปัญหาของระบบเครื่องปรับอากาศไม่ทำงาน หรือความเสียหายของระบบเครื่องปรับอากาศที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรในที่อยู่อาศัย

· Emergency Plumbing Service : บริการช่างซ่อมประปาฉุกเฉิน ในกรณีที่เกิดเหตุอันเนื่องมาจากระบบท่อประปารั่วหรือขัดข้องในที่อยู่อาศัย

· Emergency Home-Locksmith Service : บริการช่างกุญแจบ้านฉุกเฉิน ในกรณีที่ไม่สามารถเข้าไปในบ้านหรือห้องได้เนื่องจากอุบัติเหตุที่กุญแจล็อคในที่อยู่อาศัย

· Emergency Roof or Ceiling Service : บริการช่างซ่อมหลังคาและเพดานฉุกเฉิน ในกรณีเช่น หลังคาหรือเพดานรั่วซึมในที่อยู่อาศัย

· Emergency Pest Control Service : บริการกำจัดสัตว์ดุร้ายรบกวน ในกรณีที่เกิดจากการรบกวนของสัตว์ดุร้ายเข้าที่พักอาศัย เช่น ผึ้ง แมงมุมที่เป็นพิษ แตน งู ตัวต่อ และแมงป่อง

ลูกค้า TrueBlack และ dtac PLATINUM BLUE MEMBER สามารถใช้งานบริการ Home Assistant – บริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน ได้แล้ววันนี้! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำหรับลูกค้า TrueBlack โทร TrueBlack Call Center 1236 สำหรับลูกค้า dtac PLATINUM BLUE MEMBER รับสิทธิ์ผ่าน PLATINUM BLUE MEMBER SERVICE โทร *1806 *1 สิทธิ์ ต่อปี

เพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ที่กำลังจะมาถึง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดย นางสรรค์พิจิตร เอี่ยมชีรางกูร หัวหน้าสายงานบริหารความสัมพันธ์และผสานสิทธิประโยชน์ลูกค้า ขานรับ นโยบาย ททท. โดยนางสาวภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ ร่วมยกระดับประสบการณ์นักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ กระตุ้นการเดินทางและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไปกับแคมเปญพิเศษ “Grand Songkran Grand Privileges” มอบประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบาย เชื่อมต่อไร้รอยต่อ พร้อมสิทธิประโยชน์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ อาทิ การเดินทาง ที่พัก อาหาร แฟชั่น และความบันเทิง สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษเพื่อเก็บดีลจาก Splash Box ผ่านเว็บไซต์ www.grandsongkrangrandprivilege.com โดยจะเปิดให้บริการในวันที่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป และสามารถใช้ดีลสิทธิพิเศษได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 เมษายน 2568

 

นางสรรค์พิจิตร เอี่ยมชีรางกูร หัวหน้าสายงานบริหารความสัมพันธ์และผสานสิทธิประโยชน์ลูกค้า บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า เพื่อส่งมอบความสุขให้ลูกค้าทรูและดีแทคทุกพื้นที่ทั่วไทย ให้ทั่วถึง ทุกคน ทรูจึงเดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พัฒนาเครือข่าย 5G ทั่วประเทศไทย เพิ่มประสบการณ์ใช้งานของลูกค้าทุกพื้นที่สู่ระดับเวิลด์คลาส สำหรับเทศกาลสงกรานต์ซึ่งถือเป็นปีใหม่ของคนไทย และเป็นเทศกาลที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางมาร่วมฉลองประเพณีไทยและร่วมเล่นน้ำสงกรานต์ ซึ่งทรู ไม่เพียงแต่มอบเครือข่ายที่ดีที่สุดให้กับนักท่องเที่ยว แต่ยังเข้าใจไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวกสบายและความต่อเนื่องในการใช้ชีวิตดิจิทัล 5G ครอบคลุมทั่วประเทศ รองรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทั้งในสนามบิน สถานีขนส่ง และจุดท่องเที่ยวสำคัญ โดยมีทีมวิศวกรเน็ตเวิร์ก standby ประจำศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะ (BNIC) พร้อม AI และหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ (War Room) เพิ่มประสิทธิภาพความเชื่อมั่นเครือข่าย 5G, 4G และอินเทอร์เน็ตบ้าน พร้อมดูแลและบริหารเครือข่ายครอบคลุมทุกบริการ 24 ชั่วโมง เราต้องการให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเที่ยวเมืองไทย’ ด้วยเครือข่าย และสิทธิพิเศษที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ครั้งนี้ร่วมมือกับ ททท. มอบสิทธิประโยชน์ให้กับนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นสายเที่ยว สายชิล สายกิน หรือสายดิจิทัล ทรูพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับทุกคน

โดยทรู มอบสิทธิพิเศษ ในโครงการ ‘Grand Songkran Grand Privileges’ ดังนี้

· รับฟรีซิมทัวริสต์ เพียงแสดง Promo Code จากโครงการฯ เพื่อรับซิมฟรีหรือส่วนลดค่าซิมมูลค่า 49 บาท (จำกัด 1 สิทธิ์/ 1 หนังสือเดินทาง/ 1 Promo Code)

· รับฟรีชุดเสื้อกางเกงลายช้าง เมื่อซื้อซิมนักท่องเที่ยวมูลค่า 699 บาทขึ้นไป และแสดง Promo Code ที่เคาน์เตอร์ทรูหรือดีแทคที่ร่วมรายการ

· รับฟรีซองกันน้ำ เมื่อซื้อซิมนักท่องเที่ยวมูลค่า 349 บาทขึ้นไป และแสดง Promo Code

มาพร้อมสิทธิพิเศษหลังเปิดใช้งานซิม

· โบนัสโทรฟรีมูลค่า 100 บาท สำหรับโทรไปยัง 7 ประเทศ ได้แก่ จีน ฮ่องกง มาเก๊า ไต้หวัน อินเดีย เกาหลีใต้ และเวียดนาม

· ส่วนลดพิเศษจากพันธมิตร สำหรับลูกค้าซิมทรูและดีแทคทัวริสต์ อาทิ ส่วนลดเครื่องดื่มเต่าบินสูงสุด 25% ส่วนลด 50% สำหรับเครื่องดื่มและไอศกรีมที่ร้าน Burger King และ Bonchon ในสนามบินที่ร่วมรายการ ส่วนลดบริการ Grab สูงสุด 1,050 บาท ส่วนลด 300 บาท เมื่อซื้อสินค้าที่ Lotus’s ครบ 1,000 บาท เป็นต้น

ทั้งนี้ลูกค้าทรูและดีแทคยังสามารถรับของขวัญและสิทธิพิเศษเพิ่มเติมตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ไม่ว่าจะเป็นดีลพิเศษ กล่องสุ่ม และกิจกรรมลุ้นโชค ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางแอปทรูไอดี ดีแทคแอป หรือ https://ttid.co/OiLl/SplashTogether

X

Right Click

No right click