December 15, 2025

 GO Travel คุ้มจัด เน็ตฉ่ำ ...

ทรู เดินหน้าสร้างประสบการณ์โรมมิ่งที่ดีที่สุดไม่ว่าจะใช้เครือข่ายค่ายใด ก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาส ที่เหนือกว่า กับ GO Travel บริการโรมมิ่งตัวเลือกอันดับหนึ่งในใจนักเดินทางกับ ซิมโรมมิ่งโฉมใหม่ GO Travel SIM (Asia & Australia) ที่เพิ่มเน็ตขึ้นอีก 2 เท่า เป็น 12GB ใช้งานได้นาน 10 วัน ราคาสุดคุ้มค่าเพียง 549 บาท ครอบคลุมการเดินทางในทวีปเอเชียและออสเตรเลียรวมกว่า 35 ประเทศ ให้ท่องโลกได้สนุก สื่อสารไม่สะดุด ทุกที่ ทุกเวลา กับเครือข่ายพันธมิตรอันดับ 1 ทั่วโลกกว่า 900 ราย มั่นใจ เน็ตแรงบนเครือข่ายต่างประเทศอันดับ 1 เลือกเครือข่ายที่ดีที่สุดให้อัตโนมัติ เน็ตไม่รั่ว ไม่มีบิลช็อก พร้อมบริการคอลเซ็นเตอร์โรมมิ่ง ฟรี 24 ชั่วโมง

พร้อมสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย ให้ลูกค้า GO Travel ท่องโลกได้สมาร์ทยิ่งกว่า

สมาร์ทกว่าด้วย ฟรี! In-flight Roaming

· ฟรี! อินเทอร์เน็ตสำหรับใช้งานบนเครื่องบิน แบบไม่จำกัดดาต้า นาน 1 วัน (ตั้งแต่ 1 มี.ค.68 – 15 มิถุนายน 68 เท่านั้น)

สมาร์ทกว่าด้วย ฟรี! ประกันการเดินทาง ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม จาก FWD Life Insurance

· ฟรี! คุ้มครองอุบัติเหตุระหว่างเดินทาง

· ฟรี! ครอบคลุมกระเป๋าเดินทาง/ทรัพย์สินส่วนตัวหาย หรือเสียหาย

สมาร์ทกว่าด้วย ฟรี! สิทธิพิเศษที่สนามบิน

· ฟรี! AirAsia บริการ Red Carpet ช่องเช็กอินสุดพิเศษและบริการสุด VIP

· ฟรี! เมนูอิ่มอร่อย กับร้านค้าชั้นนำในสนามบิน

สมาร์ทกว่าด้วย สิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำ

· ส่วนลด 40% ค่าเดินทาง ไป-กลับสนามบิน จาก Grab

· คูปองส่วนลดจากร้านค้าชั้นนำในต่างประเทศ

· และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

ลูกค้าที่มีแผนจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ สามารถเปิดใช้งาน

GO Travel SIM (Asia & Australia) 12GB 10 วัน ในราคาสุดคุ้มเพียง 549 บาท

- ซื้อง่าย ที่ศูนย์บริการทรู ดีแทคทั่วประเทศ

- ซื้อสะดวก ส่งฟรี! ที่ True Online Store/dtac Online Store

- และสะดวกยิ่งกว่า! GO Travel eSIM ซื้อออนไลน์ ใช้ได้ทันที

ปัจจุบันการทำธุรกรรมผ่าน โมบายแบงก์กิ้ง กลายเป็นทางเลือกหลักในการโอนเงิน จ่ายบิล และทำธุรกรรมต่างๆ แต่เพื่อป้องกัน ซิมผี บัญชีม้า และภัยไซเบอร์ ภาครัฐจึงได้ออกมาตรการยกระดับความปลอดภัยการใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง กำหนดให้ชื่อผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้งต้องตรงกับชื่อเจ้าของซิมหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมาตรการนี้ทำให้หลายคนตกใจและสงสัยว่าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง และต้องทำทุกคนหรือไม่? วันนี้ ทรูพร้อมแนะเคล็ดไม่ลับ! เพื่อให้ทุกคนสบายใจและปลอดภัยในการใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ได้ต่อเนื่อง

1. ถ้าไม่ได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร ไม่ต้องดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ต้องไปทรูช้อป ไม่ต้องไปธนาคาร ยังสามารถใช้งานโมบายแบงก์กิ้งได้ตามปกติ

2. การแจ้งเตือนของธนาคาร ไม่ใช่เป็นการส่งข้อความ SMS แต่เป็นการส่งข้อความเตือนผ่านแอปพลิเคชันธนาคารที่ใช้บริการ (เป็นpush notifications)

3. หากได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร จะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับการยกเว้น และกลุ่มที่ไม่ได้รับการยกเว้น

4. กลุ่มที่ได้รับการยกเว้น (คือชื่อผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ไม่ต้องตรงกับชื่อเจ้าของซิมหมายเลขโทรศัพท์มือถือได้) มี 3 กลุ่มคือ 1. บุคคลในครอบครัวเดียวกัน 2. ผู้ที่ต้องได้รับการดูแลตามกฏหมาย

3. นิติบุคคล

โดย 2 กลุ่มแรก สามารถติดต่อสาขาธนาคารที่สะดวก ภายใน 30 เมษายน 2568 เพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตน พร้อมเตรียมเอกสารตามที่ธนาคารกำหนด ดังนี้

· บุคคลในครอบครัว : เอกสารที่แสดงความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน,สำเนาสูติบัตร หรือสำเนาทะเบียนสมรส และใบเสร็จค่าโทรศัพท์ที่แสดงความเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์

· ผู้ที่ต้องได้รับการดูแลตามกฏหมาย : คำสั่งศาลแต่งตั้งผู้อนุบาล, ผู้พิทักษ์, บัตรผู้พิการ หรือเอกสารที่หน่วยงานราชการออกให้

5. สำหรับนิติบุคคล สามารถดำเนินการได้ 2 แนวทาง

o ยื่นแบบฟอร์มยืนยันเลขหมายจดทะเบียน พร้อมลายเซ็นกรรมการผู้มีอำนาจ และตราประทับบริษัท โดยให้ทรูอัปเดตข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

o ออกหนังสือรับรองสำหรับธนาคาร โดยระบุชื่อพนักงาน เลขหมายโทรศัพท์ และอนุญาตให้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง ตามข้อกำหนดของธนาคาร เพื่อนำไปยื่นที่สาขาธนาคาร ดูรายละเอียดและดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ที่ https://truebusiness.truecorp.co.th/th/home

6. กลุ่มที่ได้รับการแจ้งเตือนและไม่ได้รับการยกเว้น สามารถอัปเดตชื่อจดทะเบียนให้ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ได้ที่ทรูช้อป (ไม่มีค่าบริการ) ภายใน 30 เมษายน 2568 ถ้าไม่ดำเนินการตามกำหนด ธนาคารอาจระงับบริการโมบายแบงก์กิ้ง

7. การอัปเดตชื่อจดทะเบียนให้ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ทั้งลูกค้าระบบรายเดือนและเติมเงิน ต้องเตรียมบัตรประชาชนตัวจริง และซิมการ์ดตัวจริง โดยผู้จดทะเบียนซิมเดิมและใหม่ ต้องแสดงบัตรประชาชนตัวจริง พร้อมซิมการ์ดเลขหมายที่ต้องการเปลี่ยนชื่อผู้ใช้บริการ ติดต่อทำรายการโอนเปลี่ยนเจ้าของได้ที่ ทรูช้อป

8. หากลูกค้าได้รับการแจ้งเตือนและผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้งอยู่ต่างประเทศ ซึ่งต้องการอัปเดตชื่อ จดทะเบียนซิม สามารถทำได้โดยให้ผู้อยู่ในประเทศไทยนำเอกสารของผู้จดทะเบียนซิมและผู้รับโอนไปดำเนินการที่ ทรูช้อป เพื่อยืนยันตัวตนพร้อมกันทั้งคู่ผ่าน VDO Call

9. หากผู้ที่ได้รับการแจ้งเตือน ไม่ดำเนินการแก้ไขชื่อผู้จดทะเบียนให้ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีโมบายแบงก์กิ้ง ภายในเวลาที่ภาครัฐกำหนดคือ 30 เมษายน 2568 ลูกค้าก็จะยังสามารถใช้บริการโทรศัพท์ทั้งโทรและเน็ตได้ตามปกติตลอดไป แต่ภายหลังจากวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จะไม่สามารถทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงก์กิ้งได้

10. ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะของตัวเองและดำเนินการตามได้ง่ายๆ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่คอลเซ็นเตอร์ ทรู 1242 หรือดีแทค 1678

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพ ล่าสุดผนึกพลังกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เสริมแรงดึงดูดชาวต่างชาติเข้าลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ด้วยบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบทุกความต้องการด้านการลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติแบบเบ็ดเสร็จในที่เดียว ผ่าน TDPK International Service Center เริ่มต้นประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้สะดวก ง่าย ไม่ยุ่งยาก พร้อมโอกาสสร้างธุรกิจเติบโตได้เร็วตามเป้าหมาย ครอบคลุมบริการสำคัญๆ ทั้งเพื่อธุรกิจและเพื่อการพำนักระยะยาว กระตุ้นชาวต่างชาติที่มีความมั่งคั่งและมีทักษะสูงเข้าสู่ประเทศไทย พร้อมจัดงาน Thailand Fast Track สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตรนานาประเทศ เพิ่มความมั่นใจในนโยบายส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย ตอกย้ำศักยภาพความพร้อมเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มอาเซียนที่น่าลงทุน

รายงานของ ASEANstats เปิดเผยมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของ 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียน พบว่า ประเทศไทยรั้งท้ายอยู่อันดับ 6 และมีอัตราการเติบโตลดลงต่อเนื่อง ในปี 2567 ที่ผ่านมา FDI ของประเทศไทยมีมูลค่าราว 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปี 2566 ที่มีมูลค่า 11.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคอาเซียนยังคงน่าลงทุนและมีเม็ดเงิน FDI เติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่เข้มข้นเพื่อดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศ ประเทศไทยจึงต้องเร่งส่งเสริมการลงทุน รวมพลังทุกภาคส่วน ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการลงทุนของชาวต่างชาติในอาเซียน หากชาวต่างชาติหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน จะไม่มีการลงทุนใหม่ๆ เข้ามา ส่งผลให้การจ้างงานในประเทศลดลง และกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

ดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พาร์ค ร่วมมือกับบีโอไอ มานานกว่า 6 ปี เพื่อร่วมกันสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็งในการดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนและประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้รับการแต่งตั้งจากบีโอไอ ให้เป็นตัวแทนที่ได้รับการรับรอง (Certified Agent) ให้ดูแลชาวต่างชาติในการยื่นขอวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ Long-Term Resident Visa (LTR Visa) และผู้ให้บริการด้านการสนับสนุนการเข้าสู่ตลาดประเทศไทย โดยได้จัดตั้ง

TDPK International Service Center เป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรทั้งเพื่อธุรกิจและการพำนักในประเทศไทย ที่ผ่านมา เราสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติให้ได้รับการอนุมัติวีซ่า SMART “S” Visa มากกว่า 100 ราย จาก 32 สัญชาติ เพื่อประกอบธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ดิจิทัล การเงิน ความบันเทิง และการศึกษา โดยผู้ประกอบการส่วนมากมาจากทวีปเอเชียและยุโรปตามลำดับ รวมถึงดูแลให้นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงได้รับวีซ่าพำนักระยะยาวแล้วกว่า 50 ราย จาก 15 สัญชาติ และมีบริษัทต่างชาติในระบบนิเวศของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค มากกว่า 300 บริษัท ผ่านโปรแกรม Global Startup หรือเช่าพื้นที่สำนักงานและโคเวิร์คกิ้งสเปซ

การทำงานอย่างใกล้ชิดกับบีโอไอและนักลงทุนต่างชาติจากทุกทวีปทั่วโลก ทำให้เราเข้าใจความท้าทายที่ชาวต่างชาติต้องเผชิญ โดยเฉพาะในด้านการเข้ารับบริการต่างๆ ในประเทศไทยที่ยังไม่มีการรวมศูนย์ ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการวีซ่า พื้นที่ทำงาน คำแนะนำด้านกฏหมาย การหาที่พักอาศัย รวมถึงการเข้าถึงเครือข่ายธุรกิจ ทำให้มีความยุ่งยากซับซ้อน เป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้ามาดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตในประเทศไทย

ระบบนิเวศครบวงจรที่แข็งแกร่งของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค สามารถตอบโจทย์และลดอุปสรรคในการเข้าประกอบธุรกิจและพำนักในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม โดย TDPK International Service Center เชื่อมโยงทุกความต้องการของนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรกว่า 5,800 ราย ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งบริษัทเทคระดับโลก องค์กรเอกชนชั้นนำ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนผู้ประกอบการเทครุ่นใหม่และสตาร์ทอัพในแวดวงธุรกิจต่างๆ และให้บริการครบวงจรครอบคลุมทั้งบริการด้านกฎหมาย การเงิน การลงทุน บริการสนับสนุนทางธุรกิจ และอีกมากมาย จึงช่วยลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาในการติดต่อขอรับบริการต่างๆ สามารถประมาณการค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมได้ชัดเจน และที่สำคัญยังได้รับคำแนะนำและปรึกษาเกี่ยวกับตลาดในประเทศไทย เปิดโอกาสใหม่ๆในการเริ่มต้นธุรกิจ

 

เชื่อมโยงทุกความเป็นไปได้จากต่างชาติสู่ประเทศไทย

TDPK International Service Center ให้บริการแบบครบวงจรในที่เดียว ทั้งบริการเพื่อธุรกิจและเพื่อการพำนักระยะยาวในประเทศไทย

1. บริการวีซ่า   : ทรู ดิจิทัล พาร์ค สนับสนุนนโยบายของบีโอไอ โดยส่งเสริมให้ชาวต่างชาติสามารถมาพำนักในประเทศไทยในระยะยาวได้อย่างถูกกฎหมาย เช่น วีซ่าพำนักระยะยาว (Long-Term Residence Visa) บัตรไทยแลนด์ พริวิเลจ (Thailand Privilege Card) สมาร์ทวีซ่า (SMART Visa) สำหรับผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพ และ วีซ่านักท่องเที่ยว ประเภทพิเศษ (Destination Thailand Visa - DTV) ทั้งนี้ ทรู ดิจิทัล พาร์คยังเป็นศูนย์ให้คำแนะนำเรื่องการ ตั้งถิ่นฐาน รวมถึงบริการให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพและประกันอีกด้วย

2. บริการด้านธุรกิจแบบครบวงจร  : บริการดูแลเรื่องการปรึกษาด้านธุรกิจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย การจัดตั้งบริษัทในประเทศไทย และการหาเครือข่ายและนักลงทุนเพื่อเป็นหุ้นส่วนในอนาคต รวมไปจนถึงการเช่าออฟฟิศที่เป็นที่อยู่สำหรับการจัดตั้งบริษัท

3. เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต  : บริการต่างๆที่จะเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้กับชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตในประเทศไทย เช่น ฟิตเนส สปา ร้านอาหาร และโรงเรียนนานาชาติ รวมไปถึงกิจกรรมสร้างเครือข่ายชุมชนชาวต่างชาติในประเทศไทยที่จัดขึ้นเฉพาะกลุ่ม เช่น ชมรมวิ่ง และกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนนี้ เรามุ่งมั่นที่จะดึงดูดนักลงทุนและนักธุรกิจต่างชาติให้เข้าสู่ประเทศไทยผ่าน TDPK International Service Center เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปี 2568 โดยเน้นนำเสนอบริการที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ ควบคู่กับการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจและนวัตกรรม พร้อมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย การสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดึงดูด ผู้มีศักยภาพจากทั่วโลก เรามั่นใจว่า ความพยายามต่อเนื่องนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย ช่วยผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตและแข่งขันได้ในระดับโลก” ดร.ธาริต กล่าวสรุป

ทรู คอร์ปอเรชั่น ร่วมงานเปิดโครงการสำมะโนประชากรและเคหะ พ.ศ. 2568 จัดโดย สำนักงานสถิติแห่งชาติ ภายใต้แนวคิด เพราะทุกคนสำคัญ ทุกข้อมูลมีความหมาย ร่วมสร้างอนาคตไทย ให้ดีขึ้น Everyone Counts, Everyone Matters พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การส่ง SMS เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตอบแบบสอบถามออนไลน์” เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและชัดเจนให้แก่ประชาชน สร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูล ทั้งมีการจัดเก็บและระบบป้องกันที่ได้มาตรฐาน โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง (กลาง) รองนายกรัฐมนตรและรัฐมาตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายภุชพงค์ โนดไธสง (ซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ และ ทรู คอร์ปอเรชั่น โดย นายพิชิต ธันโยดม (ขวา) ที่ปรึกษาด้านไอที และผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ ข้อมูลสำมะโนประชากรมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวางแผนพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนคนไทยทุกคน รวมถึงชาวต่างชาติที่พำนักในไทยตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป สามารถให้ข้อมูลกับสำนักงานสถิติแห่งชาติผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ เว็บไซต์ทางรัฐและเว็บไซต์สำนักงานสถิติแห่งชาติ

X

Right Click

No right click