LINE ประเทศไทย จัดงาน “LINE NEXPLOSION 2020” สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แห่งวงการคอนเทนต์ออนไลน์ ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะแพลตฟอร์มออนไลน์อันดับหนึ่งของประเทศไทย แสดงวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์ออนไลน์ทั้ง LINE TV ที่เป็นแฟลตฟอร์มวีดีโอออนไลน์ และ LINE TODAY เป็นแพลตฟอร์มสำหรับข้อมูลข่าวสารที่ออนไลน์ครอบคลุมทุกด้าน พร้อมตั้งเป้ายกระดับคอนเทนต์คุณภาพของไทยสู่ทั่วอาเซียน ประเดิมเผยผังออริจินัลคอนเทนต์ใหม่ 6 เรื่อง ต้อนรับทศวรรษ 2020 เป็นครั้งแรก โดยมีพันธมิตร ลูกค้า แบรนด์ ผู้ผลิตคอนเทนต์ ดารา ศิลปิน และผู้ใช้งาน เข้าร่วมงานคับคั่งกว่า 4,000 คน ณ รอยัลพารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน
ตอกย้ำวิสัยทัศน์ Life on LINE สู่การเป็น Life Infrastructure อย่างเป็นรูปธรรม
ดร. พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) กล่าวย้ำถึงวิสัยทัศน์ ‘Life on LINE’ และกลยุทธ์ทางธุรกิจคอนเทนต์ออนไลน์ว่า ปัจจุบัน LINE ยังคงครองแชมป์การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ครองใจผู้บริโภคชาวไทยเป็นอันดับหนึ่ง ตอบทุกโจทย์ความต้องการของผู้ชมทุกเพศทุกวัยได้อย่างครบครัน และสำหรับปี 2563 นี้ ถือเป็นทศวรรษใหม่ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และเป็นครั้งแรกในการแถลงวิสัยทัศน์ของธุรกิจคอนเทนต์ของไลน์ ประเทศไทย ทั้ง LINE TV และ LINE TODAY สิ่งเหล่านี้ จึงทำให้ LINE ยิ่งมั่นใจที่จะพัฒนาและยกระดับคุณภาพและบริการด้านคอนเทนต์ให้ตอบทุกโจทย์และความสนใจของผู้ใช้งานยุคใหม่ ที่เติบโตและมีไลฟ์สไตล์บนโลกดิจิทัลอย่างแท้จริง
ขับเคลื่อนเป้าหมายสู่ความสำเร็จในระยะ 3 ปี
นายกณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ ได้แถลงเป้าหมายของธุรกิจคอนเทนต์ปี 2563-2565 ในการก้าวขึ้นสู่ การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลอันดับหนึ่งสำหรับการให้บริการคอนเทนต์ออนไลน์คุณภาพ เพื่อความบันเทิงที่ครบครัน โดยยึดหลักสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดธุรกิจคอนเทนต์ออนไลน์ของประเทศไทยให้มีคุณภาพและแข่งขันในตลาดโลกได้
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจคอนเทนต์ของ LINE ทั้ง LINE TV และ LINE TODAY มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด และเราได้พบพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ของคนดูรูปแบบใหม่ นั่นคือ Missing Out “Now” is My Option [MONMO] คือการที่ผู้บริโภคในปัจจุบันจริงๆ แล้วไม่ต้องการพลาดคอนเทนต์ดังๆ และเป็นกระแส แต่ต้องการเป็นผู้เลือกด้วยตัวเองว่า จะเสพคอนเทนต์ที่สนใจตอนนั้นทันทีหรือไม่ เมื่อไร อย่างไร และด้วยบริการจากทั้ง LINE TV และ LINE TODAY ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกบริหารความต้องการของตนเองได้อย่างสะดวกสบาย
ในส่วนของ LINE TODAY มีเป้าหมายจะเป็น Personalized Infotainment Portal หรือ ศูนย์รวมข่าวสารและบทความที่มีสาระประโยชน์และความเพลิดเพลินจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และเสิร์ฟเนื้อหาแบบมีความเฉพาะเจาะจงกับแต่ละบุคคล โดยนำเทคโนโลยี AI เฉพาะของ LINE มาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเลือกอ่านคอนเทนต์ตรงตามความชอบของผู้อ่านแต่ละคนมากขึ้น โดยจะรวบรวมเนื้อหาครบทุกรูปรส ในแบบฉบับของ Infotainment ที่ควบรวมทั้งด้าน Information และ Entertainment เข้าด้วยกัน ซึ่งปัจจุบัน LINE TODAY จัดเป็นคอนเทนต์พอร์ทัลอันดับ 1 ของไทย ที่มีพาร์ทเนอร์คอนเทนต์ที่เป็นสื่อและสำนักพิมพ์ชั้นนำทั้งออนไลน์และออฟไลน์กว่า 260 ราย และสามารถเข้าถึงผู้อ่านบนแพลตฟอร์ม LINE ได้ถึง 45 ล้านคนทั่วประเทศ โดยในปีที่ผ่านมาพบว่า
- ผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง 59% และผู้ชาย 41% ซึ่งผู้ชายมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
- อายุเฉลี่ยของผู้อ่านส่วนใหญ่อยู่ที่ 25-34 ปี หรือ 41% ตามด้วยกลุ่มอายุมากกว่า 45 ปี ถึง 22% ซึ่งมีอัตราการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญถึง 50% ต่อปี (YOY)
นอกจากนี้ เทรนด์ใหม่ที่น่าสนใจเกี่ยวกับการอ่านคอนเทนต์ออนไลน์ในปัจจุบันพบว่า โดยเฉลี่ยผู้ชมส่วนใหญ่มีพฤติกรรมการอ่านคอนเทนต์ออนไลน์มากขึ้น โดยผู้ใช้ LINE TODAY
- มีสถิติในการอ่านเฉลี่ยต่อปีต่อคนมากถึง 36,000 บรรทัด หรือเทียบเท่าการอ่านหนังสือแบบพ็อคเก็ตบุคประมาณ 9 เล่ม
- กว่า 60% ของผู้อ่านบน LINE TODAY มีการอ่านแต่ละบทความจนจบ
- ช่วงพีค 2 ช่วงเวลาที่ผู้ใช้นิยมเข้ามาอ่านมากสุด ได้แก่ ช่วง 18.00 – 20.00 น. ระหว่างเดินทางกลับบ้าน และช่วง 00 – 23.00 น. หรือก่อนเข้านอน
- คอนเทนต์ที่ได้รับความนิยมในการอ่านสูงสุด คือ บันเทิง ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น สุขภาพ และกีฬา
ภายในปีนี้ LINE TODAY จะมีการปรับเปลี่ยนดีไซน์ของ User Experience (UX) และอินเตอร์เฟซ (UI) ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สามารถสนองต่อการใช้งานที่ง่าย และดีกว่าเดิม เหมาะกับพฤติกรรมการอ่านคอนเทนต์ของผู้ใช้งาน และจะมีการแนะนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในแต่ละวัน ให้เป็น Personalized Infotainment Portal อย่างแท้จริง
จับมือพันธมิตรชั้นนำ เดินหน้าผลิตออริจินัลคอนเทนต์น้ำดี
เช่นกันสำหรับ LINE TV ยังคงเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอคอนเทนต์ไทยอันดับหนึ่ง โดยปีที่ผ่านมามีผู้เข้าใช้มากกว่า 40 ล้านราย เฉลี่ยรวมถึง 176 นาทีต่อวัน โดย 3 ช่วงเวลาที่มีการรับชมสูงสุด ได้แก่
- ช่วง 12.00 – 14.00 น ระหว่างพักกลางวัน
- ช่วง 15.00 – 18.00 น ช่วงเวลาหลังเลิกเรียนหรือเลิกงาน และขณะเดินทางกลับบ้าน
- และโดยเฉพาะช่วง 20.00 – 22.00 น. เวลาครอบครัว โดยในช่วงเวลานี้มีการรับชมผ่านจอใหญ่สูงขึ้นมาก
และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ยเติบโต 63% ทุกเดือนต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เปิดให้บริการ โดยการรับชมผ่านจอใหญ่ ทำให้ผู้ใช้งานใช้เวลาโดยเฉลี่ยต่อคนมากเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับการดูผ่านโทรศัพท์มือถือหรือผ่านเว็บบราวเซอร์
อีกด้านความสำเร็จในส่วนของ LINE TV Original หรือ คอนเทนต์ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับผู้ชม LINE TV เท่านั้น นายกณพเผยว่า ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเมื่อปี 2558 ถึงตอนนี้ LINE TV มีจำนวนออริจินัล คอนเทนต์รวมแล้ว 72 เรื่อง นับเป็นแพลตฟอร์มที่ผลิต Original Content มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของไทย และมีผู้รับชม LINE TV Original ต่อเรื่อง เพิ่มขึ้นมากถึง 32% จากปี 2561 ถึง 2562 และได้รับรางวัลในเวทีระดับนานาชาติมาแล้วกว่า 10 รายการ อาทิ 8 รางวัลจาก ASIAN TV AWARDS, 1 รางวัลจาก ASIAN ACADEMY AWARDS, 1 รางวัลจาก MAYA AWARDS และล่าสุดได้รับรางวัลจาก ASIAN TV AWARDS ครั้งที่ 24 ประเทศฟิลิปปินส์ถึง 6 รางวัล สำหรับคอนเทนต์คุณภาพในหลากหลายสาขา และรางวัลพิเศษ Online Platform of The Year
สำหรับก้าวต่อไป LINE TV มุ่งหวังจะเป็น Everyday Enjoyment Hub หรือศูนย์รวมแห่งความเพลิดเพลินในทุกๆ วัน โดยจะตั้งเป้าขยายกลุ่มผู้ชมให้ครอบคลุมกลุ่มไลฟ์สไตล์คนเมืองที่กำลังเติบโตขึ้นทั่วประเทศ ด้วยการพัฒนาคอนเทนต์ให้ถูกใจ ตรงความต้องการ และเพิ่มความหลากหลายของประเภทคอนเทนต์ อาทิ แอนิเมชั่น ซิทคอม รายการไลฟ์สไตล์ต่างๆ มากขึ้น รวมถึงเพิ่มความสะดวกแก่ผู้ชมด้วยการติดตั้ง application ไปพร้อมกับ Smart TV และ Smartphone เพิ่มช่องทางการเข้าถึง LINE TV ได้มากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ คือการมุ่งขยายตลาดไปยังประเทศแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งเสริมคอนเทนต์และผู้ผลิตของไทยในตลาดสากล
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการเริ่มต้นทศวรรษใหม่แห่งปี 2020 LINE TV ยังเผยไลน์อัพออริจินัล คอนเทนต์ใหม่ทั้ง 6 เรื่องของปีนี้เป็นที่แรก โดยคาดว่าทั้งหกเรื่องจะสามารถเอาใจทุกความต้องการเพื่อผู้ชมอย่างครบรส เริ่มจากเรื่องแรก (1) Motherเรียกฉันว่า…แม่ |
เตรียมขึ้นแท่นแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์แห่งอนาคต
นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายการพาณิชย์ ได้ขึ้นมาเสริมทัพความแข็งแกร่งด้วยการเผยเพิ่มเติมของฝั่งบิสิเนสโซลูชั่นจาก LINE ในส่วนของบริการโฆษณาบน LINE TV และ LINE TODAY ว่า ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจคอนเทนต์ออนไลน์มียอดการใช้จ่ายโฆษณาที่ขยายตัวอย่างมาก ในส่วนของ LINE TV มีมูลค่าการลงโฆษณาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสะสม 67% ต่อปี และส่วนของ LINE TODAY เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ที่ยอดเฉลี่ยสะสมเพิ่มขึ้นสูงถึง 150% ต่อปี
โดยที่ผ่านมา LINE TV ถือเป็นทีวีออนไลน์คุณภาพคับจออันดับหนึ่งของคนไทย วัดจากสถิติการดูโฆษณาจนจบ (Complete rate) บนแพลตฟอร์ม LINE TV ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในตลาดถึง 200% เท่า รวมถึงอัตราการมองเห็นโฆษณา (Viewability) สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาด 24% และอัตราการคลิก (CTR) สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดถึง 52% เป็นผลทำให้ผู้ชมเกิดความตั้งใจในการซื้อสินค้า (Intention to buy) มากถึง 49% ทั้งนี้ LINE TV ยังถือได้ว่าเป็นแพลตฟอร์ม OTT เจ้าเดียวในประเทศไทยที่สามารถ Tie in สินค้าในออริจินัล คอนเทนต์ได้ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงโฆษณาสูงสุดบน LINE TV ในปีที่ผ่านมา ได้แก่ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มความงามและสุขภาพ รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ในขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดการเติบโตสูงสุดในการลงโฆษณา ได้แก่ อีคอมเมิร์ซ ตามมาด้วยกลุ่มมีเดียและความบันเทิง และกลุ่มประกันภัย
ในส่วนของ LINE TODAY ในปีที่ผ่านมา มียอดการเข้าถึงผู้อ่านชาวไทยเกินครึ่งประเทศ ด้วยอัตราการคลิกสูงกว่าแพลตฟอร์มอื่นๆ ถึง 100% และมีสถิติการใช้เวลาบนแพลตฟอร์มสูงกว่าปกติ 200% และสามารถทำให้เกิดอัตราการตั้งใจซื้อจากผู้ชม (Intention to buy) ถึง 60% และสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการลงโฆษณาสูงสุดบน LINE Today ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร และกลุ่มอีคอมเมิร์ซ ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดการเติบโตสูงสุดในการลงโฆษณา ได้แก่ องค์กรภาครัฐและพลังงาน ตามมาด้วยกลุ่มธุรกิจค้าปลีก และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
สำหรับกลยุทธ์สำคัญสำหรับบิสิเนสโซลูชั่นในส่วนบริการโฆษณานั้น LINE TV จะเป็นการมุ่งเน้นการสร้าง ‘Quality Reach’ เพื่อช่วยให้นักการตลาดสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้า และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น ในเวลาเดียวกัน LINE TODAY จะมุ่งเน้นการสร้าง ‘Quality Impact’ เพื่อตอกย้ำการเป็น ‘พอร์ทัลออนไลน์สำหรับการอ่านข่าวสารและบทความคุณภาพอันดับหนึ่งของไทย’ โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนให้ผู้อ่านสามารถเป็นลูกค้าให้กับผู้ลงโฆษณาได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อนำผลลัพธ์ของทั้งสองส่วนมารวมกันจะสามารถส่งเสริมให้เกิด ‘Quality Conversion’ หรือเกิดเป็นการซื้อขายจริง ซึ่งจะช่วยเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับนักการตลาดและนักโฆษณาได้อย่างสมบูรณ์
นายณธกฤต กาญจนมัณฑนา หัวหน้าฝ่ายการพาณิชย์ คอนเทนต์ และมีเดีย ได้ขึ้นมาแนะนำรายละเอียดของโฆษณาแบบใหม่ในปีนี้ ด้วยการเปิดตัวโซลูชั่นการโฆษณาในรูปแบบที่เรียกว่า ‘Story Linked’ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์มของ LINE ได้ตรงความต้องการของนักโฆษณาและผู้ชมทั้งสองฝ่าย ซึ่งจากการทดสอบแล้ว
ช่วยเพิ่มยอดการดูโฆษณาจนจบมากขึ้นเป็น 2.5 เท่า และเพิ่มอัตราการคลิกได้มากถึง 80% โดยรูปแบบของโฆษณา Story Linked จะมีลักษณะคล้าย Sequential Ads ที่มีการแบ่งโฆษณาเป็นลำดับตอน ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มส่วนร่วมในการรับชมโฆษณา (Engagement) บน LINE TV และ LINE TODAY จากผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากรูปแบบดังกล่าวจะสามารถช่วยเพิ่มความน่าค้นหาจากการเชื่อมโยงของโฆษณาในตอนต่อไปได้ และผู้ชมยังสามารถย่อยเนื้อหาที่นักโฆษณาอยากจะสื่อได้ง่ายและครบมากขึ้นเมื่อเทียบกับการโฆษณารูปแบบเดิมที่ต้องอัดไว้ในตอนเดียว
สองไฮไลท์สำคัญก่อนจบช่วงแถลงวิสัยทัศน์ในเช้าวันนี้ LINE ประกาศถึงการจับมือกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่สองเจ้าในวงการโฆษณา Out-of-Home และธุรกิจขนส่งของไทยคือ VGI และ BMN เพื่อสร้างการรับรู้และเข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้นและตอบโจทย์นักโฆษณาที่ใช้บริการบนแพลตฟอร์มของ LINE ให้มีการเชื่อมโยงของออนไลน์และออฟไลน์ (OMO) ได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จบด้วยความร่วมมือของ LINE และ Nielsen ประเทศไทย บริษัทวิจัยการตลาดชั้นนำระดับโลก ร่วมเปิดตัว ‘LINE Reach Curve’ เครื่องมือที่จะช่วยให้แบรนด์หรือนักการตลาดสามารถวางแผนการลงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม LINE ให้เหมาะสมกับงบประมาณเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการพัฒนาและวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่นักโฆษณาและแบรนด์ต่างๆ ที่ร่วมเป็นพันธมิตรกับ LINE