November 22, 2024

“นพพร” ทวง “ณพ” ยังค้างหนี้งวดแรกกว่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนกว่า 525 ล้านเหรียญสหรัฐ ขอพึ่งอนุญาโตตุลาการตัดสิน

August 12, 2021 1058

นพพร ศุภพิพัฒน์ เจ้าหนี้ ทวงค่าหุ้นจาก ณพ ณรงค์เดช ตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ

ค่าหุ้นส่วนแรกที่ยุติแล้วกว่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐ และส่วนที่เหลืออีก 525 ล้านเหรียญสหรัฐพร้อมดอกเบี้ยผิดนัด ขอพึ่งอนุญาโตตุลาการสิงคโปร์เพื่อตัดสินใหม่อีกครั้ง พร้อมทั้งฟ้อง พรบ.คอมพิวเตอร์ ณพและภรรยา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง วันที่ 13 ธ.ค.นี้

นายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้นวินด์ เอนเนอยี่ และเจ้าหนี้ของนายณพ ณรงค์เดช เปิดเผยถึงความคืบหน้าของข้อพิพาทระหว่างตนเองและนายณพว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ตนได้มอบหมายให้ทนายดำเนินการยื่นคำร้องขอให้อนุญาโตตุลาการในประเทศสิงคโปร์ ดำเนินคดีใหม่ (Request for Arbitration) แล้ว  โดยการยื่นเรื่องให้อนุญาโตตุลาการแห่งประเทศสิงคโปร์พิจารณาประเด็นกระบวนการพิจารณาและเนื้อหาทั้งหมดอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ตัดสินประเด็นภาระหนี้ที่นายณพ ยังค้างชำระเงินจากการซื้อหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอยี่ 

ภายหลังจากที่ อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศได้พิจารณาตัดสินชี้ขาด ให้นายณพ ชำระหนี้ค่าหุ้นส่วนแรก มูลค่ากว่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐไปเรียบร้อยแล้ว แต่นาย ณพ ก็ยังไม่ได้ชำระหนี้ในส่วนนี้  ขณะที่ส่วนคำชี้ขาดส่วนที่สองของค่าหุ้นส่วนที่เหลือกว่า 525 ล้านเหรียญนั้น ตนขอพึ่งอนุญาโตตุลาการแห่งประเทศสิงคโปร์ ให้ช่วยวินิจฉัยปัญหาอีกครั้ง เพื่อชี้ขาดประเด็นเรื่องภาระหนี้ส่วนที่เหลือพร้อมดอกเบี้ยผิดนัด และค่าใช้จ่ายที่ นายณพ ณรงค์เดชค้างชำระ  

“ตนมั่นใจว่าการดำเนินคดีครั้งใหม่นี้ จะสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมดในกระบวนการพิจารณา รวมไปถึงคาดหวังว่านายณพ จะให้ความร่วมมือในการพิจารณาคดี เพื่อให้ผลคำชี้ขาดออกมาโดยเร็ว และในท้ายที่สุด หากคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดให้ นายณพ ต้องชำระหนี้พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด ก็ขอให้นายณพ ยึดมั่นและดำเนินการตามคำตัดสินของศาล เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย และปลดล็อคหุ้นวินด์ และสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้จริงในอนาคต” นายนพพร กล่าว

 

นอกจากนี้ นายนพพร ยังได้ยื่นฟ้อง นายณพ และนางพอฤทัย ณรงค์เดช ภรรยา ในข้อหาเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ตามพรบ.คอมพิวเตอร์ ภายหลังจากที่ทั้งสองคน ได้โพสต์ภาพและข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์ส่วนตัว ที่บิดเบือนความจริง จนทำให้บุคคลทั่วไปเกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง โดยเฉพาะเรื่องการเผยแพร่ข่าวที่ลงคำตัดสินของศาลสิงคโปร์ ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นวินด์เข้าใจผิดว่า ข้อพิพาททั้งหมดสิ้นสุดแล้ว และไม่มีหนี้ที่ต้องชำระ จนทำให้คนจำนวนมากแสดงความยินดีและแชร์ข้อมูลที่ทั้งนายณพและนางพอฤทัยลงในสังคมออนไลน์ส่วนตัวของทั้งสองคน แต่เปิดเป็นสาธารณะไว้ออกไป ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อตน และคดีความอื่นๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่ โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลา 13.00 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้

“ที่ผ่านมานายณพ พยายามออกข่าวเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงมาโดยตลอด และทุกครั้งตนต้องออกมาชี้แจงข้อมูลที่ถูกต้องภายหลัง  แต่ข้อมูลที่บิดเบือนนั้นได้ถูกเผยแพร่ออกไปในวงกว้างแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมาก ตนจึงขอใช้สิทธิในฐานะเจ้าหนี้ตามกฎหมาย และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ถือหุ้นของวินด์ หรือบุคคลภายนอก หรือ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าใจผิดและหลงเชื่อข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง" นายนพพร กล่าวทิ้งท้าย  

ทั้งนี้ คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำตัดสินชี้ขาดส่วนแรกให้กลุ่มบริษัทของนายณพคือบริษัท ฟุลเลอร์ตัน เบย์ อินเวสต์เมนต์ จำกัด (Fullerton) และบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (KPNEH) ชำระเงินค่าหุ้นงวดแรกและดอกเบี้ยผิดนัดให้แก่กลุ่มบริษัทของนายนพพร โดยที่นายณพไม่ได้อุทธรณ์หรือขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดส่วนแรกดังกล่าว คำชี้ขาดส่วนแรกของคณะอนุญาโตตุลาการจึงเป็นที่สุดตามกฎหมาย ดังนั้น เมื่อคำนวณยอดหนี้ค่าหุ้นงวดแรกรวมกับดอกเบี้ยผิดนัดจนถึงปัจจุบันแล้ว Fullerton และ KPNEH ยังคงมีหนี้ค่าหุ้นงวดแรกที่ต้องชำระให้แก่กลุ่มบริษัทของนายนพพรเป็นเงิน 70 กว่าล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนที่เหลือกว่า 525 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมดอกเบี้ยผิดนัด จะขอให้อนุญาโตตุลาการแห่งประเทศสิงคโปร์เพื่อตัดสินต่อไป

X

Right Click

No right click