

เตรียมตัวให้พร้อม เชื่อมทุกหัวใจคนไทยให้รวมเป็นหนึ่งเดียวในมหกรรมกีฬาครั้งประวัติศาสตร์...
นพ. มีชัย อินวู๊ด รองผู้ว่าการ การกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายบริหาร ประธานคณะกรรมการบริหารการจัดการแข่งขัน การจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) และกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่าง บริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด โดย นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บริษัท สปิน เวิร์ค จำกัด โดย นายธิษัณย์ ธนโรจน์ประดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร เพื่อมอบสิทธิ์ “ทรูวิชั่นส์ นาว (TrueVisions NOW)” เป็นผู้ถ่ายทอดสดเอ็กซ์คลูซีฟเพียงรายเดียวในไทย ครอบคลุม 2 มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 (9–20 ธันวาคม 2568) โดยประเทศไทยรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพกระจายตามจังหวัดหลัก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี และสงขลา และอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 (20–26 มกราคม 2569) ที่จะจัดขึ้น ณ จังหวัดนครราชสีมา และกรุงเทพฯ โดย ทรูวิชั่นส์ นาว (TrueVisions NOW) ในฐานะ ผู้นำด้านคอนเทนต์กีฬาและความบันเทิงดิจิทัลครบวงจรของไทย จะถ่ายทอดสดฟรี ครบทุกแมตช์ ทุกประเภทกีฬา ให้คนไทยได้ร่วมส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยให้เป็นเจ้าเหรียญทองได้แบบเรียลไทม์ ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ททีวี หรือกล่องทรูไอดี สะท้อนความมุ่งมั่นของทรูวิชั่นส์ในการคัดสรรคอนเทนต์ที่ดีที่สุด เพื่อเติมเต็มทุกช่วงเวลาสำคัญของผู้ชม และสร้างประสบการณ์ที่เหนือกว่า เพราะทรูวิชั่นส์เข้าใจดีว่า ทุกชัยชนะของนักกีฬาไทยคือความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ
วันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของทรูวิชั่นส์ ในฐานะ King of Sport ผู้นำคอนเทนต์กีฬาที่ครบถ้วนที่สุดในไทย เรามุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานการถ่ายทอดสดสู่ระดับโลก
![]()
นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าสายงานทรูวิชั่นส์ และมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “วันนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของทรูวิชั่นส์ ในฐานะ King of Sport ผู้นำคอนเทนต์กีฬาที่ครบถ้วนที่สุดในไทย เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ ทรูวิชั่นส์ นาว (TrueVisions NOW) ได้รับสิทธิ์เป็น OTT รายเดียวในประเทศในการถ่ายทอดสด 2 มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ทั้งการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 และการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13 โดยเฉพาะปีนี้ ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซีเกมส์ ซึ่งนับเป็นโอกาสสำคัญที่คนไทยทั่วประเทศจะได้ร่วมส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยแบบใกล้ชิด ติดขอบสนาม สร้างพลังและความภาคภูมิใจร่วมกันในฐานะเจ้าภาพ
ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของทรูวิชั่นส์ ที่พร้อมสนับสนุนวงการกีฬาไทยอย่างต่อเนื่อง และมุ่งมั่นนำเสนอประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ครบวงจรที่สุดในประเทศ เราต้องการให้แฟนกีฬาทุกคนไม่พลาดทุกแมตช์สำคัญ สามารถรับชมแบบเรียลไทม์ได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ททีวี และกล่องทรูไอดี ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเชียร์ทัพนักกีฬาไทยได้อย่างใกล้ชิด ลื่นไหล และเต็มอิ่มกับทุกอารมณ์ของการแข่งขัน”
นายธิษัณย์ ธนโรจน์ประดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สปิน เวิร์ค จำกัด เปิดเผยว่า “ความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการจัดการแข่งขันกับทรูวิชั่นส์ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการถ่ายทอดพลังแห่งกีฬาซีเกมส์ และอาเซียนพาราเกมส์สู่สายตาผู้ชมทั่วประเทศ ผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารที่ล้ำสมัย บริษัท สปินเวิร์ค จำกัด รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติให้เป็นผู้ดูแลสิทธิประโยชน์อย่างเป็นทางการ และเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์การรับชมให้สามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึง มีคุณภาพ พร้อมส่งเสริมประโยชน์ให้กับทั้งแฟนกีฬา ผู้สนับสนุน และสังคมไทยโดยรวม”
เตรียมตัวให้พร้อม! สำหรับ 2 มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งภูมิภาคอาเซียน “ซีเกมส์ ครั้งที่ 33” (SEA Games 2025) และ “อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13” (ASEAN Para Games 2025) ถ่ายทอดสดครบทุกแมตช์ ส่งตรงถึงหน้าจอคุณได้ที่ ทรูวิชั่นส์ นาว (TrueVisions NOW) เพียงดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทรูวิชั่นส์ นาว (TrueVision NOW) วันนี้ สามารถรับชมคอนเทนต์บันเทิง และกีฬาคุณภาพ ระดับพรีเมียมผ่าน สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ททีวี และกล่องทรูไอดี เพียงค้นหาคำว่า TrueVisions NOW ทาง App Store (IOS), Google Play (Android) และทาง TV STORE อาทิ Apple TV, Android TV, Samsung TV, LG TV
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) หรือ อบก. ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ในการผลักดันและส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกจากการจัดแข่งขันกีฬา ในรูปแบบคาร์บอนนิวทรัลอีเวนต์ (Carbon Neutral Event) เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) พร้อมจัดงานแถลงความร่วมมือ โดยมี ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนาม และ ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก พร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ เกิดจันทึก รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมในพิธี และ นางสาวชรัญญา เพชรสุวรรณนาคะ นางสาวไทย พิษณุโลก 2568 และ “Miss Climate Change” ร่วมเป็นกระบอกเสียงในการสร้างการรับรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ์เป็นศูนย์ หรือ Net Zero ณ ห้องอารีย์สัมพันธ์ ชั้น 3 กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร

ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย เรามุ่งมั่นสนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถก้าวทันต่อสถานการณ์โลกและปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง และนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 ได้ในที่สุด
โอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับทุกองค์กรกีฬาที่ได้ร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในการมุ่งมั่นดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกจากการจัดแข่งขันกีฬา ในรูปแบบคาร์บอนนิวทรัลอีเวนต์ (Carbon Neutral Event) และร่วมเป็นพลังสำคัญในการผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปธรรม สิ่งนี้สะท้อนถึงเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ในการร่วมมือกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับประเทศของเรา

ดร.ณัฐริกา วายุภาพ นิติพน รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก เปิดเผยว่า ปัจจุบัน วิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายเร่งด่วนของโลก ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งนี้ วงการกีฬา มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยว และการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม การจัดแข่งขันกีฬานั้นมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นจากการเดินทาง การใช้พลังงาน หรือการใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการรองรับนักกีฬา คณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ ผู้ชม และนักท่องเที่ยว
ดังนั้น อบก. ซึ่งเป็นหน่วยงานให้บริการทางวิชาการ รับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG Certify Body) โดยดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม จึงร่วมกับ กกท. จัดงานในวันนี้ขึ้นเพื่อแถลงความร่วมมือ ในการร่วมเป็นเครือข่ายผลักดัน และสนับสนุนให้ กกท. รวมทั้งสมาคมกีฬาต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เห็นประโยชน์ของการมีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย เสริมสร้างให้สมาคมกีฬาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดแข่งขันกีฬา มีความรู้ความเข้าใจ มีส่วนร่วมลดก๊าซเรือนกระจกและชดเชยด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) เพื่อให้เป็นการจัดแข่งขันกีฬาในรูปแบบ Carbon Neutral Event ซึ่งเป็นการกระตุ้นตลาดคาร์บอนภายในประเทศ โดยในปีงบประมาณ 2568 อบก. มีเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดปริมาณการซื้อขายและถ่ายโอนคาร์บอนเครดิต ซึ่งมาจากโครงการ T-VER จำนวน 900,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยในจำนวนนี้มาจากการส่งเสริมการทำกิจกรรมชดเชยคาร์บอนในรูปแบบต่าง ๆ เช่น องค์กร ผลิตภัณฑ์ การจัดงานอีเวนต์ และระดับบุคคล รวมจำนวน 140,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า

สำหรับองค์กรกีฬา ที่ร่วมลงนามความร่วมมือและประกาศเจตนารมณ์เป็นองค์กรที่มุ่งมั่นดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกจากการจัดแข่งขันกีฬา เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในครั้งนี้ มีจำนวนทั้งสิ้น 4 องค์กร ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สมาคมวอลเลย์บอลแห่งประเทศไทย สมาคมการจัดการกีฬาแห่งประเทศไทย และสมาคมกีฬาขี่ม้าแห่งประเทศไทย
ดร.ณัฐริกาฯ กล่าวด้วยว่า ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ อบก. จะร่วมพัฒนาองค์ความรู้ด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการชดเชยคาร์บอนที่เหมาะสมกับบริบทของ กกท. รวมถึงภาคส่วนด้านการกีฬา และสมาคมกีฬาต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการสร้างจิตสำนึกและพฤติกรรมที่ดีให้กับบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่ในสาขากีฬา ผู้จัดงานและผู้เข้าร่วม ผ่านการสนับสนุนความรู้เชิงเทคนิค และการอบรม รวมทั้งเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้เรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์และการชดเชยคาร์บอน ผ่านช่องทางการสื่อสารของ อบก.

“ภายใต้ความร่วมมือในครั้งนี้ จะมีส่วนผลักดันการจัดแข่งขันกีฬาของไทยให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับสากล ตอบโจทย์ทั้งนักกีฬา ผู้ชม นักท่องเที่ยว และนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ตลอดจนสอดรับนโยบายรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และพัฒนาตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตโดยส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายคาร์บอนเครดิตของอาเซียนได้ในที่สุด” ดร.ณัฐริกาฯ กล่าวในตอนท้าย
แกร็บ ประเทศไทย ประกาศสนับสนุน การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ผุดแคมเปญใหญ่ “Grab Your Goalมากกว่าเส้นชัย คือกำลังใจจากคุณ” เพื่อส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยสู้ศึกการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 โดยเตรียมจัดขบวนพาเหรด พร้อมด้วยอาหารร้านดังจาก #GrabThumbsUp บน GrabFood และบัตรกำนัล GrabGift เพื่อต้อนรับและแสดงความยินดีกับนักกีฬาทีมชาติไทยหลังเดินทางกลับจากการแข่งขัน
เสริมทัพด้วยรางวัลอัดฉีดให้กับนักกีฬาไทยที่คว้าเหรียญทอง ด้วยการมอบบัตรกำนัลมูลค่ากว่า 180,000 บาท เพื่อใช้บริการแกร็บฟรีตลอดปี* นอกจากนี้ ยังชวนคนไทยร่วมส่งแรงเชียร์นักกีฬาทีมชาติด้วยการมอบโค้ดส่วนลดพิเศษสำหรับการสั่งอาหาร ซื้อสินค้า และการเดินทางผ่านแอปพลิเคชัน Grab ตลอดระยะเวลาการแข่งขัน ระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “แกร็บ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมสนับสนุนการกีฬาแห่งประเทศไทย ในการจัดเตรียมการเฉลิมฉลองต้อนรับนักกีฬาทีมชาติไทยหลังจบเกมส์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 นักกีฬาทีมชาติไทยทุกคนถือเป็นตัวแทนประเทศและเป็นไอดอลคนสำคัญที่ได้สร้างความหวังและแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย ทั้งยังมีส่วนในการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก ในฐานะแพลตฟอร์มที่มุ่งมั่น ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน แกร็บขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการยกย่องและสนับสนุนบุคคลตัวอย่างเหล่านี้ โดยเราเตรียมจัดขบวนรถต้อนรับทัพนักกีฬาไทยอย่างยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมเซตอาหารไทยจากสุดยอดร้านอาหารจาก #GrabThumbsUp บน GrabFood ไม่จะเป็น Emily’s เส้นหมี่ไก่ฉีกที่เป็นกระแสไวรัล เจ๊แดง ส้มตำไก่ย่างร้านเด็ด Easy Buddy ข้าวกะเพราวัตถุดิบคุณภาพ ร้านโคตรยำ ยำสุดแซ่บ และ HAAB ขนมไข่เตาถ่านเจ้าดังสูตรต้นตำรับจากสงขลา พร้อมด้วยบัตรกำนัล GrabGift เพื่อให้นักกีฬาสามารถนำไปใช้บริการต่างๆ ของแกร็บได้ นอกจากนี้ เรายังได้เตรียมรางวัลพิเศษให้กับนักกีฬาที่คว้าเหรียญทองกลับมา ด้วยการมอบบัตรกำนัลมูลค่ากว่า 180,000 บาท เพื่อนำไปใช้เรียกรถและสั่งอาหารผ่านแกร็บได้ฟรีตลอดทั้งปี*”
ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) กล่าวเสริมว่า “การกีฬาแห่งประเทศไทย
มีพันธกิจสำคัญในการพัฒนานักกีฬาไทยเพื่อยกระดับขึ้นไปเทียบเท่าระดับสากล โดยในปีนี้ ประเทศไทยส่งตัวแทนนักกีฬาทีมชาติ เพื่อเข้าร่วมการแข่งโอลิมปิกเกมส์ จำนวน 17 ชนิดกีฬา อาทิ เทควันโด มวยสากล และยกน้ำหนัก
ในส่วนของพาราลิมปิกเกมส์ จำนวน 13 ชนิดกีฬา อาทิ ยิงธนู แบดมินตัน และ จักรยาน นอกจากเสียงเชียร์จากคนไทยนับล้านที่คอยให้กำลังใจนักกีฬาทุกคนระหว่างการแข่งขันแล้ว การสนับสนุนจากทุกภาคส่วนก็ถือเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่จะช่วยพัฒนาและส่งเสริมวงการกีฬาไทย กกท. ขอขอบคุณหน่วยงานภาคเอกชนอย่าง
แกร็บ ประเทศไทย ที่ได้ให้การสนับสนุนนักกีฬาในครั้งนี้ ทั้งอาหารที่ช่วยให้นักกีฬาได้ฟื้นฟูกำลังอย่างเต็มที่ และขบวนพาเหรดที่จะต้อนรับนักกีฬาอย่างอบอุ่น ซึ่งถือเป็นการสร้างกำลังใจและความภาคภูมิใจให้กับกองทัพนักกีฬาไทยได้เป็นอย่างดี”
![]()
นอกจากนี้ เพื่อต้อนรับกระแสเชียร์กีฬาระดับโลก แกร็บชวนคนไทยร่วมส่งแรงใจเชียร์ทัพนักกีฬาไทยในศึก การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และพาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ด้วยการมอบส่วนลดสุดพิเศษสำหรับผู้ใช้บริการ เพียงใส่ โค้ด “CHEERTHAI” เมื่อใช้บริการ GrabFood รับส่วนลดสูงสุด 100 บาท บริการ GrabMart รับส่วนลดทันที 30 บาท และบริการการเดินทาง อาทิ JustGrab และ GrabCar รับส่วนลดสูงสุด 50 บาท ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม - 11 สิงหาคม 2567 นี้
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์กลยุทธ์และความสามารถทางการแข่งขันองค์กร (STECO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย