December 22, 2024

“พิชัย” คิกออฟโครงการ “พาณิชย์ลดราคา New Year Mega Sale 2025” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยทั้งประเทศ ผนึกกำลังผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ห้าง ร้านสะดวกซื้อ แพลตฟอร์มออนไลน์ รวม 300 ราย ลดราคาสินค้ากว่า 40,000 รายการ สูงสุด 80% ดีเดย์ 17 ธ.ค. 67 - 31 ม.ค. 68 รวม 46 วัน คาดลดค่าครองชีพ 4,800 ล้านบาท สร้างเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจ 14,400 ล้านบาท

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาล โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เปิดตัวโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้ขานรับนโยบายดังกล่าว เพื่อกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน จึงได้กำหนดการจัดงาน “พาณิชย์ลดราคา New Year Mega Sale 2025” โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรทุกภาคส่วน มุ่งลดภาระค่าครองชีพและเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนทั่วประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ และได้คิกออฟจัดกิจกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้าภายใต้แคมเปญดังกล่าว ระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2567 ณ กระทรวงพาณิชย์ (สนามบินน้ำ) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับข้าราชการ พี่น้องประชาชน ในพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนแคมเปญใหญ่ระดับประเทศ ก็เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้เช่นเดียวกัน

สำหรับแคมเปญนี้ ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการ ห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมกว่า 300 ราย นำเสนอสินค้าจำเป็นและบริการครอบคลุมกว่า 40,000 รายการ และสินค้าออนไลน์กว่า 30 ล้านรายการ โดยมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% กำหนดจัดตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2567 ถึง 31 มกราคม 2568 รวมระยะเวลา 46 วัน

โดยสินค้าที่นำมาลดราคา ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องแต่งกาย ของตกแต่งบ้าน อุปกรณ์ช่าง ยาและเวชภัณฑ์ บริการทางการแพทย์ ศูนย์บริการรถยนต์ โรงแรมที่พัก สายการบิน ประกันภัย บริการอินเตอร์เน็ตและอุปกรณ์ ร้านอาหาร และแพลตฟอร์มออนไลน์ (บริการส่งอาหาร ขนส่ง-พัสดุ) และกลุ่มสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน เป็นต้น อีกทั้งยังจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับอีคอมเมิร์ซชั้นนำผ่านแพลตฟอร์ม Lazada, Shopee, Grab Food, Lineman, Foodpanda, Robinhood มอบส่วนลดพิเศษในการซื้อสินค้าและบริการช่วงเทศกาลปีใหม่ด้วย

“โครงการนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่มีเป้าหมายเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย โดยกระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน จึงร่วมมือกับพันธมิตร จัดแคมเปญลดราคาสินค้าและบริการทั่วประเทศ ซึ่งโครงการดังกล่าวไม่เพียงช่วยลดรายจ่ายของประชาชน แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างสภาพคล่องในระบบ อีกทั้งโครงการนี้สอดคล้องกับแนวทาง “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ที่รัฐบาลมุ่งมั่นขับเคลื่อน เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจไทย โดยคาดว่าจะช่วยลดภาระค่าครองชีพได้ 4,800 ล้านบาท และกระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่า 14,400 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาแคมเปญ” นายพิชัยกล่าว

วีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค ร่วมกับ บริษัท Globus Events และ กระทรวงพาณิชย์ กรมปศุสัตว์ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สมาคมที่เกี่ยวข้อง ตัวแทนจากหน่วยงานราชการและเอกชน เปิดตัวการจัดงาน "PET FAIR SOUTH EAST ASIA" (เพ็ท แฟร์ เซาส์ อีสท์ เอเชีย) อย่างเป็นทางการ โดยงานครั้งนี้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ระว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ

ครั้งนี้นับเป็นการจัดงานครั้งที่ 3 ของงาน "PET FAIR SOUTH EAST ASIA" โดยยกระดับประสบการณ์จากงานแสดงสินค้าเพื่อการค้าปลีกสู่การเป็นเวทีระดับสากลในการเจรจาธุรกิจ โดยมีบริษัทชั้นนำกว่า 400 แห่ง จาก 40 ประเทศ และพร้อมต้อนรับผู้เข้าชมงานจาก 80 ประเทศทั่วโลก ในปี 2024 นี้มีพาวิลเลี่ยนนานาชาติจาก 12 ประเทศ ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมด้วยงานสัมมนาเชิงวิชาการที่น่าสนใจกว่า 40 วิทยากรชั้นนำ ภายในงานยังมีโซนพิเศษ Thai Pet Avenue ซึ่งเป็นการรวบรวม SMEs ไทยในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงมาแสดงสินค้าที่เน้นความคิดสร้างสรรค์และคุณภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมี "Pet Trade Service Consultants Zone" เพื่อให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการนำเข้า ส่งออก การจดทะเบียนการค้า และมาตรฐานสินค้าที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการในการขยายธุรกิจไปยังตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพและขยายฐานการตลาดได้เพิ่มมากขึ้น

ซึ่งงานนี้ถือเป็นเวทีสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผู้จัดพร้อมรองรับผู้เข้าชมงานกว่าหมื่นรายจากนานาชาติ และคาดการณ์ว่าการจัดงานครั้งนี้จะสร้างมูลค่าการค้าสูงถึง 850 ล้านบาท (ประมาณ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) จากข้อตกลงที่เกิดขึ้นทั้งในระหว่างและหลังงานแสดงสินค้า การจัดงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตระยะยาวและสร้างความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และระดับนานาชาติ

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประธานในพิธีเปิดงาน กล่าวว่า “อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงของไทย โดยเฉพาะอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่ทำรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ผลิตชั้นนำและเป็นผู้ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่อันดับสองของโลก รองจากเยอรมนี ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 ประเทศไทยส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงมีมูลค่ากว่า 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 26% การเติบโตที่สูงขึ้นอย่างมากนี้สะท้อนถึงศักยภาพและความทุ่มเทของผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูงเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่มทั่วโลก

“กรมปศุสัตว์เล็งเห็นความสำคัญเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง เป็นอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนสามารถเป็นแหล่งที่ก่อให้เกิดรายได้ของประเทศจำนวนมากและส่งผลที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของประเทศ กรมปศุสัตว์ จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมอาหารสัตวเลี้ยงเเบบครบวงจร หรือ PET FOOD SERVICE CENTER (PFSC) ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกและเป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับอาหารสัตว์เลี้ยงโดยตรง เราได้นำระบบอิเล็คทรอนิกส์ New Single Window  เข้ามาใช้งานเป็นการอานวยความสะดวกต่อผู้ประกอบการอาหารสัตว์เลี้ยงให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงของประเทศให้พัฒนาและยั่งยืนทัดเทียมประเทศอื่น” กล่าวโดย นายสัตวเเพทย์ สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์

นายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต รองผู้อำนวยการ (Chief Operating Officer : COO) และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า “ปีนี้ถือเป็นปีที่สามของการจัดงาน งานในครั้งนี้จึงเน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงทั้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทั่วโลก เราภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนการจัดงานครั้งนี้ และมองเห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่ในการยกระดับบทบาทของประเทศไทยในภาคส่วนการดูแลสัตว์เลี้ยงระดับโลก งานนี้เป็นเวทีสำคัญในการสร้างความร่วมมือและความสำเร็จร่วมกันระหว่างผู้แสดงสินค้า ผู้ซื้อ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้ ทีเส็บมุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างประเทศกับโอกาสทางธุรกิจในภาคส่วนต่าง ๆ ของประเทศไทย เรามั่นใจว่างานนี้สร้างแรงบันดาลใจในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง”

“การจัดงานในครั้งนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีผู้เข้าร่วมจัดแสดงสินค้ากว่า 400 รายจาก 40 ประเทศ รวมถึงบริษัทใหม่อีก 100 แห่ง และยังมีพาวิลเลี่ยนระดับประเทศอีก 12 บูธ และพาวิลเลี่ยนสตาร์ทอัพไทยสุดพิเศษ ภายในงาน เรามุ่งมั่นในการมอบประสบการณ์ที่น่าจดจำมากมาย อาทิ Networking Night, Pitching Contest: Innovators Pitch เป็นการแข่งขันที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้นำเสนอนวัตกรรม ปิดท้ายด้วยกิจกรรมการกุศล ร่วมบริจาคกับมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอย (Soi Dog) เพื่อเชื่อมโยงความช่วยเหลือจากบรรดาผู้ประกอบการของเราไปยังสังคมไทยต่อไป” กล่าวโดย นายยารูณ วาน โฮป ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รอยัล ดัตช์ ยาร์เบอร์ส (ผู้จัดงาน)

“ผมรู้สึกยินดีที่ได้เห็นบริษัทจากจีนจำนวนมากและสมาชิกของ Asia Pet Alliance (APA) เข้าร่วมงาน ทั้งในฐานะผู้แสดงสินค้าและผู้เยี่ยมชม สถานะที่แข็งแกร่งของพวกเขาเน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางธุรกิจและความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นระหว่างจีนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของการค้าและความร่วมมือในภาคส่วนนี้ระหว่างทั้งสองภูมิภาค เราและวีเอ็นยู เอเชีย แปซิฟิค มีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอแพลตฟอร์มอันยอดเยี่ยมซึ่งมอบโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรม” กล่าวโดย นายเดวิด จง ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท Globus Events

ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมงาน PET FAIR SOUTH EAST ASIA ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 ณ ไบเทค ฮอลล์ 98-100 ตั้งแต่เวลา 10:00-18:00 น. ข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.petfairsea.com (ขอสงวนสิทธิสำหรับผู้เข้าชมงานที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป และสวมใส่ชุดสุภาพเพื่อการเจรจาธุรกิจายในงาน) 

ย้ำ อนาคตข้าวไทยสดใส แนวโน้มส่งออกข้าวไทยปี 67 สูงเกินคาดการณ์

กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น และกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดงานแสดงสินค้าเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็น 2567 (Bangkok RHVAC 2024) และงานแสดงสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 2567 (Bangkok E&E 2024) รวมสินค้าและบริการหลากหลายจากผู้ผลิตชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ ภายใต้แนวคิด “One Stop Solution for Net Zero Future” พร้อมกิจกรรมมากมายทั้งการสัมมนาวิชาการ นิทรรศการนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุม ไบเทค บางนา

นายเอกฉัตร ศีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ประธานในพิธีเปิดงาน เปิดเผยว่า งานแสดงสินค้านี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จัดขึ้นตามนโยบายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้ขับเคลื่อนกิจกรรมขยายตลาดสินค้าไทยสู่ตลาดต่างประเทศในรูปแบบต่างๆ ให้สอดคล้องกับกระแสโลก โดยอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์เป็นอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานภายในประเทศสูงถึง 660,000 ราย และยังเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจการค้าและการส่งออกของประเทศ โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศอันดับที่ 2 ของโลก และในขณะเดียวกันยังเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกเครื่องทำความเย็นอันดับที่ 6 ของโลก

“งานแสดงสินค้า Bangkok RHVAC และงานแสดงสินค้า Bangkok E&E เป็นเวทีแสดงศักยภาพและเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับผู้ซื้อ ผู้นำเข้าจากทั่วโลก และยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์แนวโน้มความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนเป็นการเชื่อมโยงสร้างเครือข่ายระหว่างกันในระดับสากล” รองปลัดกระทรวงพาณิชย์กล่าว

ในปีนี้ งานแสดงสินค้า Bangkok RHVAC และงานแสดงสินค้า Bangkok E&E ได้กลับมาจัดงานอย่างเต็มรูปแบบ บนพื้นที่การจัดงานกว่า 20,000 ตารางเมตร โดยงานแสดงสินค้า Bangkok RHVAC จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 และงานแสดงสินค้า Bangkok E&E จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 10 ภายใต้แนวคิด “One Stop Solutions for Net Zero Future” ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อเทรนด์สำคัญของโลกที่อุตสาหกรรมนี้ของไทย ตั้งใจมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย Net Zero emissions ในปี 2608 (ค.ศ. 2065)

การจัดงานในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้า รวมกว่า 300 ราย 800 คูหา จากทั้งไทย อาเซียน จีน ฮ่องกง เกาหลี อินเดีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ในงานจะมีทั้งแบรนด์ผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศชั้นนำ ผู้ผลิตส่วนประกอบเครื่องปรับอากาศ ผู้ผลิตตู้เย็น ตู้แช่แข็ง ไปจนถึงผู้เชี่ยวชาญด้านออกแบบและก่อสร้างห้องเย็น ผู้ผลิตคอมเพรสเซอร์ในระบบทำความเย็นและผู้ผลิตระบบควบคุมและอุปกรณ์ในระบบทำความเย็น ตลอดจนผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำ ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อุปกรณ์ไฟฟ้าอุตสาหกรรม/พาวเวอร์ซัพพลาย ไฟฟ้ากำลัง อุปกรณ์ไอที ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ประกอบ คาดการณ์ว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมชมงาน จากทั่วโลกมากกว่า 10,000 ราย และเกิดมูลค่าการเจรจาการค้าภายในงานกว่า 4,500 ล้านบาท

ภายในงานจะมีโซนพิเศษที่เป็น highlight ได้แก่ นิทรรศการ One Stop Solutions for Net Zero future โซนจัดแสดงสินค้าโดดเด่น Product Highlight ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงาน นิทรรศการพิเศษ OZONE และ e-Waste นอกจากโซนพิเศษภายในงานแล้วยังมีสัมมนาวิชาการ โดยหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ เช่น “แนวทางการรับรองระบบทำความเย็นที่ใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็นตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน” “HVAC and Nearly Zero Energy Building Approach” เป็นต้น และกิจกรรมเสวนาภายในนิทรรศการ โดย Green Influencer ที่มีชื่อเสียง ได้แก่ คุณวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล และลุงซาเล้งกับขยะที่หายไป เพื่อตอบโจทย์ Net Zero Future

อีกหนึ่งความพิเศษสำหรับการจัดงาน Bangkok RHVAC และ Bangkok E&E ในปีนี้ คือ การจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง (Virtual Trade Show) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสินค้าในอุตสาหกรรม RHVAC และ E&E แต่ไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานด้วยตนเองได้ สามารถเลือกชมสินค้า พร้อมทั้งเจรจาการค้าผ่านช่องทางออนไลน์ร่วมกับผู้ประกอบการได้เสมือนเดินทางมาที่งาน ได้ที่ https://ditpvirtual.com/RHV024

งาน Bangkok RHVAC 2024 และ Bangkok E&E 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน 2567 ณ Hall 98-100 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา โดยเป็นวันเจรจาการค้าระหว่างวันที่ 4-6 กันยายน และวันสุดท้ายจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมและซื้อสินค้า ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมและลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่ www.bangkok-rhvac.com

รวบรวมกูรูมากความสามารถไว้ในงานเดียว พบกัน 21 – 22 สิงหาคมนี้!

Page 1 of 9
X

Right Click

No right click