December 05, 2025

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เผยภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีแรก 68 ยอดติดลบลดลงเป็น 7% จาก 15% ชี้ 3 กลุ่มราคาบ้าน ‘ดาวรุ่ง – ทรงตัว – ติดลบ’ บ้านต่ำกว่า 10 ล้านบาท มาแรงจากปัจจัยหลักเรียลดีมานด์หนุนพลิกกลับมาเติบโต กลุ่ม 10 – 20 ล้านบาท ยัง ‘ทรงตัว’ ด้านบ้าน 20 ล้านบาท ติดลบ 15% ลุ้นต่อไตรมาส 3 ช่วงไฮซีซัน จับตา ‘ขึ้นค่าแรง – ภาษีทรัมป์’ ส่งผลต่อต้นทุนสร้างบ้านปรับขึ้นส่งท้ายปี พร้อมเร่งสร้างการรับรู้ผู้บริโภค โชว์จุดเด่น ‘มืออาชีพ – เชื่อถือได้ – บริการครบวงจร’ ควบคู่จัดอีเวนต์ใหญ่ ‘รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2025’ ระหว่าง 10 – 14 กันยายน 2568 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 6

นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2568 ว่า ยอดขายของบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ อยู่ในภาวะติดลบลดลง จากติดลบ 15% ในไตรมาสแรก มาเป็นติดลบเหลือ 7% โดยมีปัจจัยกระตุ้นหลักมาจากความต้องการที่แท้จริง หรือ เรียลดีมานด์ในเซกเมนต์บ้านราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทที่ฟื้นตัวและสามารถผลักดันให้ตลาดส่วนนี้เติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกได้ท่ามกลางความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน

ขณะที่ตลาดบ้านราคา 10 – 20 ล้านบาท ยังเป็นเซกเมนต์ที่ “ทรงตัว” และยังไม่พบปัจจัยที่เป็นสัญญาณบวกมาสนับสนุนให้ตลาดกลุ่มนี้ฟื้นตัว ส่วนราคามากกว่า 20 ล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นเซกเมนต์ที่มีการหดตัวมากกว่า 2 กลุ่มแรก โดยมียอดติดลบ 15%

“ผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านต่ำกว่า 10 ล้านบาท เป็นการสร้างเพื่ออยู่อาศัยจริงและกลุ่มมีกำลังซื้อมีเงินออมอยู่แล้ว พร้อมทั้งมีความกังวลถึงต้นทุนก่อสร้างที่อาจปรับขึ้นได้จากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งค่าแรง วัสดุก่อสร้าง ทำให้ตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่บ้านเกินกว่า 20 ล้านบาท แม้จะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง แต่เนื่องจากเป็นบ้านหลังที่สองและสามจึงยังไม่มีความจำเป็นด้านการเข้าพักอาศัย ทำให้เลื่อนการตัดสินใจสร้างบ้านออกไปก่อนเพื่อรอดูภาพรวมของเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่วนบ้าน 10 – 20 ล้านบาทที่ตลาดทรงตัว เพราะขาดความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ การเมืองภายในและต่างประเทศ อีกทั้งส่วนใหญ่จะไม่ใช่บ้านหลังแรกจึงขอรอดูสถานการณ์ก่อน ซึ่งจากการตัดสินใจของผู้บริโภคทั้งสามกลุ่ม ทำให้ต้องจับตามองตลาดในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป” นายอนันต์กร กล่าว

ทั้งนี้ นอกจากตลาดในภาพรวมแล้ว เมื่อเจาะลึกลงรายพื้นที่พบว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นตลาดที่มีภาวะหดตัวมากที่สุดประมาณ 30% ขณะที่ภาคตะวันออก ในภาพรวมเติบโตประมาณ 3% โดยมีจังหวัดชลบุรีเป็นตลาดที่เติบโตมากที่สุด ส่วนภาคใต้ เติบโตประมาณ 8% และมีการขยายตัวมากที่สุดในจังหวัดภูเก็ตและสงขลา ส่วนภาคเหนือโดยรวมตลาดหดตัวประมาณ 12% มีเพียงตลาดเชียงใหม่ที่สามารถ “ทรงตัว” อยู่ได้ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน

สำหรับตลาดรับสร้างบ้านในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในภาพรวมติดลบ 20% อย่างไรก็ดี นครราชสีมา เป็นจังหวัดที่สามารถเติบโตได้ดีประมาณ 11% ส่วนตลาดภาคกลางและภาคตะวันตก ถือว่ายังอยู่ในภาวะทรงตัว

นายอนันต์กร กล่าวว่า จากภาพรวมตลาดในครึ่งปีแรก สมาคมฯ ต้องเร่งจัดกิจกรรมและสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้ผู้บริโภคในวงกว้างให้มากขึ้นกว่าเดิมผ่านสมาชิกสมาคมฯ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเน้นถึงมาตรฐานการก่อสร้าง การให้บริการที่ครบวงจร ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสร้างบ้านและจุดขายที่แตกต่างจากบริษัทรับเหมา เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้น

“ที่ผ่านมา สมาชิกฯ ในต่างจังหวัดมีการจัดอีเวนต์สำหรับโซนของตัวเองเพื่อสร้างกำลังซื้อ และสื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ว่าธุรกิจรับสร้างบ้านแตกต่างจากผู้รับเหมาอย่างไร ส่งผลให้บางพื้นที่มีผู้บริโภคเลือกใช้บริการมากขึ้น ส่งผลให้บางจังหวัดขยายตัวได้ดี” นายอนันต์กร กล่าว

สำหรับการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการรับรู้ผู้บริโภคในส่วนของสมาคมฯ จะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สามในงาน “รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2025” โดยปีนี้จัดขึ้นในคอนเซ็ปต์ “สร้าง อยู่ ดี” สะท้อนภาพที่ชัดเจนในการสร้างบ้านกับนักสร้างมืออาชีพ บริษัทที่มีประสบการณ์สูง และความเป็นอยู่ที่ดีจากบ้านคุณภาพ ซึ่งงานจัดระหว่าง 10 – 14 กันยายน 2568 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ฮอลล์ 6

“หากผู้บริโภคคิดจะสร้างบ้าน ก่อนการตัดสินใจ แนะนำให้ศึกษาประวัติและผลงานของบริษัทนั้น ๆ ว่ามีประสบการณ์อย่างไร สร้างบ้านมาแล้วกี่หลัง รวมถึงสอบถามลูกค้าที่เคยสร้างบ้านกับบริษัทสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกสมาคมฯ จะช่วยสร้างความมั่นใจในการใช้บริการ โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสที่สาม ซึ่งถือเป็นไฮซีซันของธุรกิจรับสร้างบ้าน ทั้งนี้เชื่อมั่นว่ากำลังซื้อผู้บริโภคจะกลับมา จากความต้องการสร้างบ้านเพื่ออยู่จริง ราคาสร้างบ้านที่ยังคงราคาต้นทุนเดิมในไตรมาสสาม ขณะที่มีแนวโน้มต้นทุนสร้างบ้านอาจปรับตัวขึ้นได้ในช่วงปลายปีนี้และในปีหน้า จากการประกาศปรับค่าแรง 350 เป็น 400 บาท รวมถึงต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่อาจปรับตัวขึ้นจากผลกระทบภาษีทรัมป์” นายอนันต์กร กล่าว

สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) ชี้ภาพรวมยอดขายไตรมาส 2 (เมษายน – พฤษภาคม) ปี 2568 พลิกเติบโตจากดีมานด์ในตลาดที่มีเงินออมพร้อมสร้างบ้าน หวั่นต้นทุนสร้างบ้านพุ่งจากภาวะเศรษฐกิจผันผวน เตรียมอัดอีเวนต์ใหญ่ของปี มุ่งสร้างความเชื่อมั่น พร้อมตอกย้ำความน่าเชื่อถือ มาตรฐานงานก่อสร้าง หวังดันยอดขายไตรมาส 3 ขยายตัว

นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (Home Builder Association : HBA) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 2 ของปี 2568 (เมษายน – พฤษภาคม) ยอดขายของบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ยังสามารถสร้างการเติบโตได้ดี เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากดีมานด์ที่ยังมีอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมากที่เป็นกลุ่มที่มีความพร้อมและมีเงินออมในการสร้างบ้าน เริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้นจากการใช้บริการบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ ที่เน้นการสื่อสารเพื่อสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือในบริการที่ครบวงจร ระบบการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน และ ระบบบริหารคุณภาพ รวมถึงการได้รับคำแนะนำจากทีมสถาปนิกและวิศวกรในทุกแพลตฟอร์ม ได้แก่ เว็บไซต์ (Website) เฟซบุ๊ค (Facebook) อินสตาแกรม (IG) และติ๊กต๊อก (TikTok) ทำให้ผู้บริโภคที่กำลังวางแผนสร้างบ้านมีความมั่นใจในการเลือกใช้บริการแม้ในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันยังมีความผันผวน

นอกจากนี้ กระแสตอบรับเป็นอย่างมากยังมาจากยอดจองในงานรับสร้างบ้าน FOCUS 2025 ที่จัดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมปีนี้ โดยเฉพาะบ้านระดับราคา 2.5 – 10 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดขายดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ยอดขายในช่วง 2 เดือน (เมษายน – พฤษภาคม) ของไตรมาส 2 เติบโต

“ในตลาดยังมีผู้บริโภคที่มีความต้องการสร้างบ้านอยู่เป็นจำนวนมาก และมีเงินออมที่พร้อมสำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยของครอบครัว แต่เนื่องจากยังมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ไม่มีความแน่นอนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ยอดขายไตรมาสแรกอยู่ในภาวะที่ติดลบ ขณะที่ในไตรมาส 2 กลุ่มผู้บริโภคที่มีความพร้อมในการสร้างบ้านเริ่มมีความเชื่อมั่นที่มากขึ้นจากแนวทางการตลาดและการสื่อสารของสมาคมฯ ขณะเดียวกันผู้บริโภครู้สึกว่าเป็นโอกาสดี หรือ โอกาสทองของผู้บริโภคที่ตัดสินใจสร้างในช่วงนี้ เพราะสร้างบ้านได้ราคาเดิม ก่อนที่อาจจะมีปรับราคาหากวัสดุและค่าแรงผันผวน นั่นก็ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากเลือกที่จะสร้างบ้านเพิ่มขึ้นจากที่ชะลอการตัดสินใจมาตั้งแต่ต้นปี” นายอนันต์กร กล่าว

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น นายอนันต์กร คาดว่าความสำเร็จของยอดขายที่เติบโตในไตรมาส 2 จะเป็นการส่งต่อสัญญาณบวกที่ดีต่อเนื่องถึงไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจรับสร้างบ้านได้อย่างแน่นอน โดยสมาชิกฯ บริษัทรับสร้าง มีความมุ่งมั่นในการปรับกลยุทธ์ โดยนำเสนอจุดขายของตัวเองให้ชัดเจน ทั้งแบบบ้าน คุณภาพ และราคาที่เหมาะสมในแต่ละเซกเมนต์ พร้อมกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อเป้าหมายสร้างการรับรู้แบรนด์องค์กร และบริการ รวมทั้งดึงดูดผู้บริโภคที่มีความสนใจสร้างบ้านเข้าร่วมงานอีเวนต์ใหญ่ประจำปีของสมาคมฯ ที่เตรียมจัดขึ้นในกันยายนนี้

“ในไตรมาส 2 และ 3 ของปีนี้ ถือว่าเป็นโอกาสทองของผู้บริโภคที่จะสร้างบ้าน และเป็นช่วงไฮซีซั่นของตลาด โดยสมาคมฯ ได้วางแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่กำลังวางแผนสร้างบ้านว่าจะได้รับบริการที่ดีที่สุดจากบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิก” นายอนันต์กร กล่าว

X

Right Click

No right click