การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นวิกฤตที่ไม่อาจมองข้าม แม้ว่าตอนนี้ประชาคมโลก กว่า 200 ประเทศ ได้ให้คำมั่นในความตกลงปารีส COP 28 ที่จะจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นโดยนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ระบุว่า ตัวเลข 1.5 องศาเซลเซียสถือเป็น ‘จุดเปลี่ยนหลัก’ ที่หากโลกของเรามีอุณหภูมิสูงกว่านี้ ธรรมชาติจะอยู่ในสภาพเกินรับไหวจนไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก และหากวิกฤตนี้เดินทางไปถึงจุด “Point of No Return” ประเทศไทยจะเป็นประเทศที่เสี่ยงจะได้รับผลกระทบมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก
จึงเป็นความท้าทายการอยู่รอดที่ทุกคนต้องเผชิญไปพร้อมๆ กัน และต้องการความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่จะต้องมีความรับผิดชอบต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยลงอย่างรู้คุณค่า เมื่อขยะคือหนึ่งในสาเหตุหลักของวิกฤตสิ่งแวดล้อม 6 องค์กรชั้นนำด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ อิชิตัน กรุ๊ป, เอสซีจี แพคเกจจิ้ง, นิว อาไรวา (แบรนด์ QUALY), เฟลเทคแมนูแฟคเจอริ่ง, อาร์ทีดี อุตสาหกรรมสิ่งทอ และทิฟฟานี เดคคอร์ จึงรวมพลังด้วยความมุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนานวัตกรรมเปลี่ยนขยะให้เป็นผลิตภัณฑ์คุณค่าสูง ผ่านการรีโอเพนนิ่ง “ศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ ดินแดนแห่งความสมดุล” ที่มีแนวคิด “ผลิตอย่างรับผิดชอบ บริโภคอย่างยั่งยืน” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคหันมาสนใจปัญหาและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “หลังจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประเทศไทยปี 2554 ผมเข้าใจถึงผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างแท้จริง ตั้งแต่วันแรกของการสร้างโรงงานอิชิตันกรีนแฟคทอรี่ ผมจึงให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เราได้ลงทุนในเครื่องจักรเทคโนโลยีทันสมัย ระบบบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อที่คงคุณค่าสารอาหารได้ดีกว่าแบบดั้งเดิม และใช้พลาสติกน้อยกว่าในอดีตมาก จากเดิม 26 กรัมต่อขวด ปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 17.5 กรัมต่อขวด เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า นอกจากนี้เรายังนำนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ เช่น บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ 100% ทั้งขวด ฝาปิด ฉลาก และลัง เพื่อให้พร้อมสำหรับนำกลับเข้าสู่ Circular Economy สินค้ากลุ่มแรกที่เป็นบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ 100% คือ อิชิตันกรีนที 500 มล. และชิซึโอกะกรีนที 440 มล. และในเดือนกรกฎาคมนี้ เราจะใช้ rPET (พลาสติกรีไซเคิลนำกลับมาใช้ใหม่) 30% ทดแทนพลาสติกใหม่ในผลิตภัณฑ์อิชิตันกรีนที 500 มล. ซึ่งจะช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่ได้ 175 ตันต่อปี ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อแสดงความตั้งใจในการผลิตอย่างรับผิดชอบและนำเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนแก่ผู้บริโภค สอดคล้องกับเป้าหมายการเป็นองค์กรกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050 ที่อิชิตันกำหนดไว้”
พร้อมกับรีโอเพนนิ่ง “ศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์” บอกเล่าเส้นทางชีวิตใหม่ของขยะจากหลุมฝังกลบสู่ผลิตภัณฑ์คุณค่าสูง เพราะอิชิตันเชื่อว่า โลกนี้ไม่มีขยะ ถ้าเราช่วยกันบริโภคอย่างรับผิดชอบ โดยได้องค์กรชั้นนำด้านนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ได้แก่ เอสซีจี แพคเกจจิ้ง, นิว อาไรวา (แบรนด์ QUALY), เฟลเทคแมนูแฟคเจอริ่ง, อาร์ทีดี อุตสาหกรรมสิ่งทอ และทิฟฟานี เดคคอร์ มาช่วยกันรวมพลังนำนวัตกรรมที่ก้าวหน้าจากความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม มาอัพไซคิ่งเปลี่ยนขยะให้มีมูลค่า พร้อมจัดแสดงภายในศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์”
คุณกาญจนา อารักษ์วทนะ, Fiber Packaging Marketing Director จาก SCPG หนึ่งในพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของอิชิตัน กล่าวว่า “SCGP ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในอาเซียน ที่มุ่งมั่นวิจัย และพัฒนานวัตกรรมเพื่อส่งมอบโซลูชันบรรจุภัณฑ์ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มความสะดวกปลอดภัย ช่วยยืดอายุสินค้า สามารถรีไซเคิล หรือ ย่อยสลายได้ และมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ โดยเราใช้นวัตกรรมในกระบวนการผลิตตั้งแต่ “ต้นน้ำ” คือการพัฒนาวัตถุดิบ เส้นใยและสารเติมแต่ง “กลางน้ำ” คือการพัฒนาวัสดุกระดาษและพลาสติก และ “ปลายน้ำ” คือการพัฒนาบรรจุภัณฑ์สินค้า เพื่อจุดประกายการดำเนินชีวิตรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้า ผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อมได้ก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืนตามกรอบแนวคิด ESG ด้วยวิธีง่ายๆ “ใช้ให้คุ้ม แยกให้เป็น ทิ้งให้ถูก เริ่มได้วันนี้ที่ตัวเรา”
ด้านคุณธีรชัย ศุภเมธีกูลวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ และผู้ก่อตั้งแบรนด์ควอลี่ (QUALY) จากนิว อาไรวา ที่มีแนวคิดเรื่องความยั่งยืนตรงกันและเคยร่วมงานกับอิชิตัน นำขวดที่เสียจากกระบวนการผลิตมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์ Qualy มาแล้ว กล่าวความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “Qualy คือแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของใช้ในชีวิตประจำวันที่ออกแบบเพื่อโลกที่ยั่งยืน เราใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นโดยคำนึงถึงผลกระทบด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าไปจนถึงการลดมลภาวะจากกระบวนการต่างๆ ตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ภายใต้แนวคิด Circular Design เพื่อให้ทุกคนมีความสุขไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ Qualy ส่งออกแล้วกว่า 50 ประเทศ ได้รับรางวัลด้านการออกแบบมากมายทั้งในและต่างประเทศ การได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ นับเป็นโอกาสดีที่ได้เผยแพร่แนวคิดรักษ์โลกสไตล์สร้างสรรค์แบบที่ Qualy ทำ ไปสู่เยาวชนและผู้ที่จะมาเข้าชมที่นี่อีกจำนวนมาก ได้เห็นว่ามีหลายแนวทางที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนไปด้วยกันได้”
คุณเฉลิมชัย พัวพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ จากเฟลเทค แมนูแฟคเจอริ่ง, ผู้นำด้านการพัฒนาแผ่น Acoustic และพรมแผ่นภายใต้แบรนด์ Acoupanel จากการนำขวดที่ใช้แล้วผ่านกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ ด้วยนวัตกรรมขั้นสูงที่ได้รับการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม ตามมาตรฐาน ISO 14025 Environmental Labels and Declarations ซึ่งพิจารณาจาก Life Cycle Analysis โดย Global Green Tag ของประเทศ Australia ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติในการลดเสียงก้อง เหมาะกับการเป็นวัสดุตกแต่งในอาคารสำนักงานต่างๆ กล่าวถึงความร่วมมือกับอิชิตันว่า “ยินดีและเป็นเกียรติ ที่ผลิตภัณฑ์ของเฟลเทคได้เป็นส่วนหนึ่งภายในศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจด้านสิ่งแวดล้อมให้กับคนรุ่นใหม่ ตรงกับความมุ่งมั่นของเฟลเทคที่มีแนวคิดในการพัฒนาสินค้า โดยใช้วัสดุที่ผ่านกระบวนการนำกลับมาใช้ใหม่ มาเป็นส่วนประกอบหลักมากถึง 40-80% และเพิ่มมูลค่าของผลิตภัณฑ์ ด้วยการออกแบบให้มีความสวยงาม ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม”
ดร.วันทิพย์ ชวาลีมาภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ จากอาร์ทีดี อุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่มีแนวคิดหลักในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและมีความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืนของโลก จึงมีผลิตภัณฑ์ในหมวดความยั่งยืนหลากหลาย อาทิ ผ้า Zeclo เป็นผ้าย่อยสลายเองได้, ผ้า Upcycling เป็นต้น กล่าวว่า "ภาวะโลกร้อนเป็นความท้าทายระดับโลกที่พวกเราต้องรับมือด้วยการนำนวัตกรรมและความรับผิดชอบมาใช้ในการต่อสู้ ทุกๆการตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนของเรา คือการลงทุนในอนาคตที่สดใสของโลก ในฐานะที่ บ. อาร์ทีดี อุตสาหกรรมสิ่งทอ จำกัด เป็นผู้ผลิตผ้าที่เน้นนวัตกรรมและความยั่งยืนของไทย เรามีความภาคภูมิใจที่เป็นพันธมิตรกับศูนย์การเรียนรู้ตันแลนด์ เพื่อสร้างความตระหนักในสังคมในวงกว้างและขับเคลื่อนให้สังคมไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อลดโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรม ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการร่วมกันสร้างแรงบันดาลใจสนับสนุนให้คนไทยเลือกผลิตภัณฑ์ ที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังคำนึงถึงความยั่งยืนของโลกของเรา เพื่ออนาคตที่สดใสของลูกหลานเราในภายภาคหน้า”
ปิดท้ายด้วย คุณวิกรานต์ ตั้งศิริพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ จากทิฟฟานี เดดคอร์ ผู้นำเข้าวัตถุดิบสำหรับผลิต-ติดตั้ง หินสังเคราะห์ ประเภท ACRYLIC SOLID SURFACE รายเดียวในประเทศไทย ในนามแบรนด์ SOLITAIRE Solid Surface กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า “เราเห็นถึงความสำคัญในการใช้ทรัพยากรให้มีคุณค่าสูงสุด โดยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดโครงการที่นำวัสดุเหลือใช้นำกลับมา Recycle เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ได้หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น นำกากกาแฟ, กากใบชา หรือเศษหินสังเคราะห์ที่เหลือใช้จากกระบวนการผลิตนำมาประยุกต์ใช้กับหินสังเคราะห์ SOLITAIRE Solid Surface จึงเกิดเป็นหินสังเคราะห์รุ่น Re-Series (Recycle-Series) แห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่นำกลับมาหมุนเวียนใช้ได้ไม่รู้จบ เพื่อช่วยลดปัญหาการย่อยสลายยากที่เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก”
ความร่วมมือของ 6 องค์กรในครั้งนี้ เพื่อตั้งใจที่จะแสดงเจตน์จำนงในการนำนวัตกรรมที่ก้าวหน้ามาแสดงความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ ด้วยการเปลี่ยนขยะให้เป็นผลิตภัณฑ์คุณค่าสูง เพื่อบอกว่า “เราทุกคนมีส่วนร่วมในการเพิ่มอุณหภูมิโลกผ่านการบริโภคทรัพยากรโลก การสู้กับ Climate Change จึงเป็นความรับผิดชอบของเราทุกคน ที่ต้องอาศัยการร่วมมือร่วมใจกัน แก้ไขปัญหาในแบบที่ตัวเองทำได้เพื่อความอยู่รอดของคนรุ่นต่อไป”
กรุงเทพมหานคร, สำนักงานเขตคลองเตย, การทางพิเศษแห่งประเทศไทยและบมจ.อิชิตัน กรุ๊ป ร่วมมือกันปรับปรุงพื้นที่ในเขตทางพิเศษเฉลิมมหานครบริเวณซอยสุขุมวิท 50 เขตคลองเตย เป็นสวนสาธารณะ “สวน 50 สุข” ทำให้พื้นที่ไม่ได้ใช้งานเกิดมีชีวิตชีวา มีคุณค่าและสร้างความเชื่อมโยงให้กับคนในชุมชน เพิ่มพื้นที่สีเขียว และมีส่วนช่วยบรรเทาสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จากแนวคิดโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น และนโยบายสวน 15 นาที ของท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
“สวน 50 สุข” มีขนาดพื้นที่ 12 ไร่ 3 งาน 82 ตารางวา อยู่ในบริเวณใกล้จุดลงทางด่วนในซอยสุขุมวิท 50 เกิดจากแนวคิด 3+2x10 พื้นที่ได้รับการออกแบบเพื่อกระตุ้นให้เกิด 3 ฮอร์โมนแหล่งกำเนิดความสุข เซโรโทนิน โดปามีน และออกซิโตซิน เพื่อให้คนต่างวัย ต่างความชอบได้ใช้พักผ่อน ออกกำลังกายท่ามกลางความร่มรื่นของต้นไม้ เพื่อเพิ่มฮอร์โมนความสุขตามธรรมชาติ เสริมสร้างอารมณ์และความเป็นอยู่ที่ดี ตั้งแต่เส้นทางเดินอันเงียบสงบ ไปจนถึงลานกีฬาที่จะทำให้หัวใจสูบฉีด และมีสวนสำหรับสัตว์เล็ก เพื่อร่วมแบ่งปันความสุขกับสัตว์เลี้ยงของชุมชน รวมกับ 2 องค์ประกอบด้านจิตใจ คือ Art & Earth ที่จะสามารถเดินชมงานศิลปะกลางแจ้ง จุดประกายจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ กลางต้นไม้เขียว และภูมิทัศน์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เชื่อมคนเข้ากับโลก แล้วขยายความสุข x10 เพราะทุกกิจกรรม ทุกลานกีฬา ทุกเส้นทาง และทุกงานศิลปะ คือโอกาสให้คนในชุมชนได้ชวนเพื่อน ครอบครัว หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง แบ่งปันความสุข สุขภาพดี แล้วส่งต่อออกไปไม่รู้จบ
ท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าว “สวน 50 สุข เป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ที่ตั้งใจเหมือนกันในการให้ความสำคัญกับสุขภาพกายสุขภาพใจของชุมชน ไปพร้อมกับสุขภาพของสิ่งแวดล้อม จากข้อมูลทราบว่า สวน 50 สุข ถูกออกแบบมาให้เป็นมากกว่าพื้นที่สีเขียว เป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมให้เกิดความสุขที่เกิดจากร่างกายแข็งแรงสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในระดับครอบครัวและระดับชุมชน และยังตั้งใจจะทำให้ชุมชนได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติ ไปพร้อมกับการปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม และก็ขอบคุณที่สวนแห่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนโครงการปลูกต้นไม้หนึ่งล้านต้น ร่วมกันต่อสู้กับมลพิษทางอากาศ สร้างพื้นที่ร่มเย็นเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ และเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้กับภูมิทัศน์กรุงเทพ อยากจะขอเชิญชวนคนกรุงเทพ โดยเฉพาะชุมชนข้างเคียง ร่วมกันดูแลสวนนี้ เพื่อให้สวนนี้ดูแลชุมชนของเรา และสร้างความสุขให้เกิดขึ้นทุกวัน”
ดร.วรปรัชญ์ พ้องพงษ์ศรี รองผู้ว่าการ (กฎหมาย) การทางพิเศษแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการสนับสนุนว่า “การทางพิเศษฯ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการให้ความร่วมมือปรับปรุงพื้นที่ในเขตทางพิเศษเฉลิมมหานคร บริเวณซอยสุขุมวิท 50 เขตคลองเตย จัดทำเป็นสวนสาธารณะ 50 สุข (ซอยสุขุมวิท 50) เพื่อสาธารณประโยชน์ด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของชุมชน โดยการทางพิเศษฯ ได้อนุญาตให้ กรุงเทพมหานคร (สำนักงานเขตคลองเตย) ใช้ที่ดินในเขตทางพิเศษเฉลิมมหานคร บริเวณซอยสุขุมวิท 50 สวนไทรเฉลิมพระเกียรติ เพื่อปรับปรุงให้เป็นพื้นที่สวนสาธารณะ (สวน 15 นาที) มีเนื้อที่ทั้งหมด 5,182 ตารางวา (12 ไร่ 3 งาน 82 ตารางวา) โดยมีกำหนดระยะเวลา 5 ปี ซึ่งการทางพิเศษฯ ต้องขอขอบคุณ กรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตคลองเตย บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในความร่วมมือกันปรับปรุงพื้นที่จนเกิดเป็นสวนสาธารณะ 50 สุข ในครั้งนี้ด้วย”
คุณตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงเจตนารมย์การสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐด้านสิ่งแวดล้อม และแนวคิดในการปรับปรุงสวน 50 สุขว่า “ความสุขของผม คือการได้ปลูกต้นไม้ ได้เห็นต้นไม้ที่ผมปลูกเติบโตตามที่ต่างๆ สีเขียวของต้นไม้มันสบายตา ผมเก็บเป็นความภูมิใจที่ได้มีส่วนเล็กๆ ในการช่วยลดอุณหภูมิให้กับโลก ตอนที่ทราบโครงการปลูกต้นไม้ล้านต้น และนโยบายสวน 15 นาที ของท่านชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อช่วงปี 2565 ผมและพนักงานอิชิตันได้อาสาเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กรุงเทพ นอกจากออกแบบและสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ริมทางด่วน ให้กลายเป็น “สวน 50 สุข” วันนี้ผู้บริหารและพนักงานอิชิตันจะร่วมปลูกต้นไม้จำนวน 1,000 ต้น ซึ่ง 1,000 ต้นนี้ เป็นส่วนหนึ่งใน New Year Resolution ที่จะปลูกต้นไม้ 10,000 ต้น โดยอีก 9,000 ต้นผมได้ปลูกเสร็จเรียบร้อยที่เขาชีจรรย์ จังหวัดชลบุรี
ภายใน “สวน 50 สุข” อิชิตันได้ร่วมมือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) จัดทำระบบบริหารจัดการขยะแบบ Closed Loop ส่งเสริมให้ชุมชนเห็นประโยชน์ของการหมุนเวียนทรัพยากร ผ่านการมีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เพื่อนำกลับเข้าสู่ Circular Economy หมุนเวียนนำขยะกลับมาสร้างคุณค่าใหม่ เพราะอิชิตันเชื่อว่าแท้จริงแล้วโลกนี้ไม่มีขยะ ถ้าหากเราทุกคนบริโภคอย่างรับผิดชอบ ร่วมมือกันแยกขยะแล้วนำกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตซ้ำ เพื่อเป็นการดูแลสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน “สวน 50 สุข” จึงเป็นความสุขที่ผมและพนักงานอิชิตัน จะขอส่งต่อความสุขให้กับสังคมเพื่อเป็นการขอบคุณที่ทุกคนสนับสนุนอิชิตันมาตลอด”
ด้าน ดร.ชญาน์ จันทวสุ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานความยั่งยืนองค์กร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “GC ในฐานะผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ ที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนโดยนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาประยุกต์ใช้ สนับสนุนการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสอดคล้องตามแผนกลยุทธ์มุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050 และเพื่อร่วมแก้ไขปัญหาขยะในประเทศไทย GC จึงได้ขยายผลการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาปรับใช้สู่ภาคสังคม ผ่าน “YOUเทิร์น แพลตฟอร์ม” ที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธีเพิ่มความสะดวกและส่งเสริมเรื่องการคัดแยกขยะให้ถูกประเภท ไปจนถึงการขนส่งขยะประเภทที่นำไปรีไซเคิลและอัพไซเคิลได้ให้กลับเข้าสู่วงจรการผลิต ลดเส้นทางขยะสู่หลุมฝังกลบอย่างเป็นรูปธรรมโดย GC มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำ “YOUเทิร์น” เข้ามาบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธีและสนับสนุนให้พื้นที่สวนสาธารณะ 50 สุขแห่งนี้ กลายเป็นพื้นที่ต้นแบบในการส่งต่อแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนให้สามารถทำได้จริงในชีวิตประจำวัน สร้างประโยชน์ให้ และมีส่วนช่วยสร้างความสุข สร้างสิ่งแวดล้อมดีๆ ให้กับทุกๆ คนในชุมชน ต่อไป”
Make It A Better Place For You & For Me สุขภาพและคุณภาพชีวิตดีๆ เปิดให้คุณใช้บริการฟรีที่ “สวน 50 สุข” แล้ววันนี้
การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขององค์กรที่มีจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง นับว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญในอันดับต้นๆของภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจการค้า ที่ได้ชื่อว่ายึดมั่นในการประกอบกิจการ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน