November 07, 2024

บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเกินคาด มั่นใจศักยภาพธุรกิจเจ้าของเวทีประกวดนางงามก้องโลก “มิสแกรนด์ ไทยแลนด์” และ “มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล” โดย MGI ราคาเปิดเทรดวันแรก 6.25 บาท เพิ่มขึ้น 26.26% จากราคาไอพีโอ 4.95 บาทต่อหุ้น ราคาปิดเทรดวันแรกสูงสุดที่ 8.50 บาท เพิ่มขึ้น 71.72% จากราคาไอพีโอ มูลค่าการซื้อขายกว่า 1,329.38 ล้านบาท

 

ด้านนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MGI ขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่น ทำให้ MGI ได้รับการตอบรับที่ดีในการเข้าซื้อขายวันแรก เราวางแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อกิจการ ภายในปี 2566-2567 รองรับการเติบโตและการขยายธุรกิจของ MGI โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมการประกวดนางงามทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ให้เป็นเวทีนางงามที่ได้รับกระแสนิยมมากที่สุด ภายใต้คำขวัญขององค์กร “นับจากนี้ทุกพื้นที่มีแต่แกรนด์” ตอกย้ำการเป็นบริษัทแรกที่นำเวทีนางงามเข้าสู่มหาชน ครบเครื่องทั้งธุรกิจพาณิชย์ การจัดประกวดนางงาม ธุรกิจสื่อและบันเทิง ธุรกิจบริหารจัดการศิลปิน เป็นโมเดลที่ไม่เหมือนใครในโลก

การเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่สนับสนุนโอกาสให้ MGI เท่านั้น แต่ยังสนับสนุนให้เราสามารถต่อยอดโอกาสไปยังลูกค้า ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เติบโตก้าวกระโดดได้ในอนาคต รวมทั้งโปรเจกต์ในมือที่พร้อมเดินหน้าต่อทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งอยากให้นักลงทุนทุกท่านติดตาม เราจะใช้ความสามารถเต็มกำลังในการสร้างเม็ดเงิน ให้ MGI เป็นยูนิคอร์นของไทย ด้วยผลการดำเนินที่เติบโตต่อเนื่อง ไม่ต่ำกว่า 20% และมีนโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

“ในฐานะเจ้าของที่ปลุกปั้นบริษัทมาเป็นเวลายาวนานนับ 10 ปี วันนี้ MGI ได้ก้าวสู่มหาชน เข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ขอทำผลงานเต็มที่ให้ผู้ถือหุ้นทุกท่านได้เป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตไปพร้อมกับเรา” นายณวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย

Lirunex ได้รับรางวัลโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดของเอเชีย (Best Asia Forex Broker) ในการประชุมสุดยอดฟอเร็กซ์เทรดเดอร์ที่ดูไบ (Forex Traders Summit Dubai) ประจำปี 2566 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

เป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศของโบรกเกอร์ผู้ให้บริการเทรดหลักทรัพย์และสินค้าโภคภัณฑ์รายนี้ รวมทั้งสนับสนุนการเพิ่มศักยภาพให้กับนักเทรดในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ที่ไม่หยุดนิ่ง ในฐานะนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ชั้นนำของภูมิภาค Lirunex ได้แสดงข้อมูลเจาะลึกของตลาดอันเฟื่องฟูของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้แรงหนุนจากเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตของภูมิภาค และการมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคนี้

ภูมิภาคเอเชียได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตลาดที่มีความแข็งแกร่ง แม้จะมีความไม่แน่นอนตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 ซึ่งเป็นปีที่ชี้ชะตาในหลาย ๆ ภาคส่วนนั้น แวดวงการเทรดในเอเชียเติบโตขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 29.6% ในช่วงสามไตรมาสแรก และภายในสิ้นปี 2566 มีการคาดการณ์การเติบโต 3.8% ทั่วเอเชียแปซิฟิก (APAC) ไม่รวมจีน แซงหน้าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่คาดการณ์ไว้ 2.7%

ตลาดการเทรดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เต็มไปด้วยโอกาส

การเติบโตทางเศรษฐกิจและภูมิทัศน์ตลาดที่มีชีวิตชีวาของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้บุคคลและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความสนใจในตลาดการเงินพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการเทรดฟอเร็กซ์และสินค้าโภคภัณฑ์ นักเทรดที่ทะเยอทะยานและนักลงทุนที่ช่ำชองกำลังใช้ประโยชน์จากภาคส่วนที่กำลังเติบโตนี้ และมองหาโอกาสในการทำกำไร

อย่างไรก็ตาม บางประเทศและบางชุมชนในภูมิภาคนี้ยังมีระดับความรู้ทางการเงินที่ไม่เพียงพอ ผู้ให้บริการต่างตระหนักถึงความจำเป็นในการเสริมศักยภาพให้กับนักเทรด เพื่อให้แน่ใจว่าชุมชนทั่วทั้งภูมิภาคมีความพร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึกของตลาดและทักษะที่สำคัญ ผ่านหลักสูตรฝึกอบรมและการสัมมนาผ่านเว็บ เช่น LX Academy ของ Lirunex ความพยายามเหล่านี้ยังมุ่งเอาชนะความเสี่ยงด้านสกุลเงินและสภาพคล่อง รวมทั้งอุปสรรคด้านภาษาและวัฒนธรรม ด้วยการสนับสนุนในท้องถิ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดสำหรับนักเทรดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและสินค้าโภคภัณฑ์ของภูมิภาคนี้ ตลอดจนสกุลเงินต่าง ๆ ที่ใช้ภายในภูมิภาค ทำให้มีสินทรัพย์ที่หลากหลายเป็นพิเศษสำหรับนักเทรด แนวทางที่อิงตามแพลตฟอร์มช่วยให้การกระจายความเสี่ยงและกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนง่ายขึ้น

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้สนับสนุนกลยุทธ์ของนักเทรด เมื่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นำเครื่องมือและโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัยมาใช้ โดยเครื่องมือสร้างแผนภูมิขั้นสูง ตัวบ่งชี้ทางเทคนิค และความสามารถในการซื้อขายแบบอัลกอริทึม ช่วยให้นักเทรดมีเครื่องมือที่ซับซ้อนในการตัดสินใจอย่างรอบรู้ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มต่าง ๆ ยังได้รับการเสริมด้วยโปรโตคอลความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เข้มงวด เพื่อปกป้องข้อมูลผู้ใช้จากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นและเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับระหว่างประเทศ

กรอบการกำกับดูแลสำหรับการซื้อขายฟอเร็กซ์และสินค้าโภคภัณฑ์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นแยกเป็นส่วน ๆ และซับซ้อน แต่ก็กำลังพัฒนา หน่วยงานกำกับดูแลในภูมิภาคนี้กำลังดำเนินนโยบายเพื่อควบคุมการลงทุนและส่งเสริมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งสร้างโอกาสเพิ่มเติมสำหรับนักเทรดและนักลงทุน โดยโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มการซื้อขาย อย่างเช่น Lirunex ยังคงมุ่งมั่นที่จะรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ และมุ่งปฏิบัติตามกฎระเบียบของเขตอำนาจทางการเงินชั้นนำอันดับต้น ๆ ของโลก

คุณแจ๊ก ฟุง (Jack Foong) ซีอีโอของ Lirunex กล่าวว่า "Lirunex สนับสนุนความพยายามด้านกฎระเบียบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างจริงจัง ขณะนี้บางประเทศกำลังพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่เป็นมิตรต่อนักลงทุนมากขึ้นสำหรับแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ ความชัดเจนและความเชื่อมั่นที่มีต่อกฎระเบียบดึงดูดนักเทรดเข้าสู่ตลาดเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งส่งเสริมการเติบโตและเสถียรภาพที่ดี"

Lirunex เป็นโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่ดีที่สุดของเอเชียประจำปี 2566 โดยสนับสนุนให้นักเทรดคว้าโอกาสที่เฟื่องฟูในตลาดเทรดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมใช้เครื่องมือและการสนับสนุนที่จำเป็นเพื่อรับมือกับความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและการอุทิศตนอย่างแน่วแน่เพื่อความสำเร็จของนักเทรด Lirunex ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักเทรดที่แสวงหาประสบการณ์การเทรดที่ยอดเยี่ยมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

มร.คาซึนาริ โอกาวะ (ที่3 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จํากัด ปลื้มกระแสตอบรับจากโครงการ ‘SBITO GAME OF TRADE ร่ายเวทย์ เทรดหุ้นให้เป็นโปร’ หลังจับมือ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเหล่าพันธมิตรแบรนด์ ประกอบด้วย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และบริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ปลุกกระแสการเทรดหุ้นออนไลน์ในไทย ผ่านรูปแบบการแข่งขันสไตล์เกมออนไลน์ e-sport หวังสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ด้านการเงินการลงทุนในไทยให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ช่วยให้กลุ่มนักลงทุนมือใหม่ได้เข้าใจขั้นตอนและช่องทางการเทรดหุ้นขั้นพื้นฐานแบบครบครัน โดยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศได้จัดขึ้นที่ AIS eSports Studio ชั้น 2 ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ โดยผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 ของการแข่งขันโครงการ ‘SBITO GAME OF TRADE ร่ายเวทย์ เทรดหุ้นให้เป็นโปร’ ในปีนี้ ได้แก่ คุณวัชรพงศ์ แก้วก่อศรี รับเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล ผู้สนใจสามารถชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sbito.co.th/ หรือ https://www.facebook.com/Sbithaionline/

จักรพงศ์ ธรรมวิเศษศรี ประธานกรรมการบริหาร ควินท์ เรล์ม ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการควินทิลเลียน เบิร์ก (QUiNTILLION BURGH) เมืองอัจฉริยะท่ามกลางธรรมชาติ เพื่อผู้อยู่อาศัยวัยเกษียณจากทั่วโลก ที่รองรับการใช้ควินท์ คอยน์ กล่าวว่า “ในระหว่างที่ทิศทางของวงการ
คริปโตเคอเรนซีเมืองไทยกำลังเดินหน้าไปด้วยดี และอยู่ในช่วงเวลาที่ผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจกำลังขอใบอนุญาต ทางเราอาศัยจังหวะนี้ออกโรดโชว์ในต่างประเทศ พบว่ามีชาวต่างชาติให้ความสนใจโครงการของเราเป็นจำนวนมาก ในทางเดียวกันก็ทำให้เกิดความต้องการซื้อขายเหรียญมากเกินความคาดหมาย เราจึงตัดสินใจนำควินท์ คอยน์ ขึ้นเทรดบนกระดานต่างประเทศ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดโลกที่กำลังให้ความสนใจซื้อขายเหรียญของเรา”

โดยควินท์ เรล์ม บี.วี. พา ควินท์ คอยน์ (QUiNT COIN) ขึ้นเทรดวันแรก 8 สิงหาคม 2561 บน EXRATES  กระดานซื้อขายอันดับที่ 35 ของโลก ที่ลิสต์เหรียญมากกว่า 120 สกุล

ควินท์ คอยน์ คือการระดมทุนในรูปแบบไอซีโอ (ICO: Initial Coin Offering) จำนวน 1,250 ล้านโทเคน เสนอแก่ผู้ที่สนใจจากทั่วโลก ในราคาเหรียญละ 0.024 ดอลลาร์สหรัฐ/โทเคน หรือประมาณ  0.75 บาท/โทเคน ซึ่งสิ้นสุดการเสนอขายไปเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา รวมยอด ได้ทั้งสิ้นกว่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 661 ล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ของโครงการควินทิลเลียน เบิร์ก

จักรพงศ์บอกว่า ควินทิลเลียน เบิร์ก เป็นโครงการที่สามารถใช้ควินท์ คอยน์ ซื้อสิทธิในการอยู่อาศัย หรือใช้จ่ายภายในโครงการได้ นับได้ว่าเป็นโครงการแห่งอนาคตที่คนทั่วโลกกำลังมองหา  จึงมั่นใจเป็นอย่างมากว่าราคาซื้อขายของควินท์ คอยน์ จะสามารถรักษาระดับได้ดี ทั้งจากผู้ต้องการอยู่อาศัยจริงและจากผู้มองเห็นโอกาสในการลงทุน

โดยโครงการควินทิลเลียน เบิร์ก (QUiNTILLION BURGH) จะสร้างบนพื้นที่ขนาดประมาณ 3,200 ไร่ หรือประมาณ 4.8 ตารางกิโลเมตร ใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ มีการนำแนวคิดเมืองอัจฉริยะมาบริหารจัดการโครงการอย่างเต็มศักยภาพในทุกส่วน โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยและการดูแลสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ซึ่งสำรวจแล้วว่าเป็นความต้องการหลักของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายวัยเกษียณจากทั่วโลกที่ปรารถนาจะเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองไทย

X

Right Click

No right click