November 08, 2024
×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 806

ธุรกิจโรงแรมขยับตัวรับการแข่งขัน เล็งใช้การออกแบบตกแต่งสร้างความแตกต่าง เน้นจับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ให้ความสำคัญไลฟ์สไตล์ พฤติกรรม และความสนใจผู้เข้าพัก พร้อมสร้างประสบการณ์ร่วมเพื่อหวังผลการบอกต่อ ด้าน  อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย เผยเทรนด์ออกแบบใหม่ เน้นความโดดเด่นเฉพาะตัว ใช้เทคโนโลยี รักษ์โลก และเชื่อมโยงถึงธรรมชาติ ล่าสุดขยายโซน Hospitality Style ในงาน Food & Hospitality Thailand 2024 เพื่อครอบคลุมในทุกมิติของการออกแบบ พร้อมจับมือสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย ให้คำปรึกษาแนะนำและจัดกิจกรรมบรรยายให้ความรู้ 3 หัวข้อสำคัญ คือ การออกแบบบาร์ การออกแบบร้านอาหารคาเฟ่ และการออกแบบโรงแรม 

นางกรกช คุณาลังการ นายกสมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญและแนวโน้มของการออกแบบตกแต่งที่พัก โรงแรม และรีสอร์ทให้เป็นจุดแข็งเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวว่า การออกแบบห้องพักสำหรับโรงแรมมีความสำคัญอย่างมาก นักท่องเที่ยววันนี้ต้องการประสบการณ์ใหม่จากการเดินทาง โรงแรมที่มีการออกแบบให้มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น น่าสนใจ จึงสร้างความประทับใจและตอบสนองต่อความต้องการดังกล่าวได้อย่างลงตัวและเป็นจุดแข็งที่แตกต่างจากคู่แข่งในตลาด รูปแบบในการออกแบบคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น  

สำหรับการพิจารณารูปแบบและสไตล์การออกแบบนั้น ผู้ประกอบการและนักออกแบบควรเริ่มต้นที่ความเข้าใจบริบทของพื้นที่ ข้อจำกัดด้านกฎหมาย และกลุ่มเป้าหมายหลักของผู้มาใช้บริการก่อน เพราะจะเป็นตัวกำหนด ประโยชน์ใช้สอยต่างๆ ของโรงแรม ซึ่งการออกแบบจะช่วยทำให้โรงแรมมีจุดขายที่ชัดเจน ช่วยดึงดูดกลุ่มแขกที่มาพักได้มากขึ้น ส่วนแนวคิดในการออกแบบว่าทำอย่างไรจะให้เกิดความโดดเด่น สวยงาม น่าประทับใจนั้น ต้องคำนึงถึงแนวคิดหลัก ความเหมาะสมกับข้อกำหนด และมาตรฐานของโรงแรมที่เป็นโจทย์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณการลงทุน ระยะเวลาการดำเนินงาน ราคาห้องพัก ฯลฯ 

ส่วนการร่วมจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2024 นั้น นับเป็นโอกาสดีของทางสมาคมฯ และ อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกันในการร่วมพัฒนาผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวให้มีความเข้มแข็งและโดดเด่นในสายตาของนักท่องเที่ยว ซึ่งตลอดทุกครั้งของการร่วมจัดงานฯ นอกจากทางสมาคมฯ จะมีการให้คำปรึกษา แนะนำ ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจอย่างต่อเนื่องแล้ว ในการจัดงานฯ ปีนี้ ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่ทางสมาคมฯ จัดขึ้นเป็นพิเศษ อาทิ การจัดแสดง Designer Selected Zone โดยเลือกสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมาจัดแสดง การบรรยาย 3 หัวข้อพิเศษ ได้แก่ การออกแบบบาร์ การออกแบบร้านอาหารคาเฟ่ และการออกแบบโรงแรม โดยอยากเชิญชวนให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจเข้ามาเยี่ยมชมการจัดงาน และขอรับคำปรึกษาด้านการออกแบบจากทางสมาคมได้ภายในงานฯ 

ด้านนางสาวสุภาภรณ์ อังศรีสุรพร ผู้จัดการฝ่ายบริหารโครงการอาวุโส อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) กล่าวถึง การออกแบบตกแต่งที่พัก โรงแรม และรีสอร์ท เพื่อสร้างเป็นจุดขาย 

และจุดแข็งในการดึงดูดนักท่องเที่ยวว่า ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่าครึ่งปีแรกของปี 2567 ประเทศไทยคว้าระดับโลกมาแล้วถึง 21 รางวัล จากการจัดอันดับทั่วโลก เป็นการยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยว โดยประเทศไทยมีพร้อมทั้งสถานที่ท่องเที่ยว อาหาร และวัฒนธรรมประเพณีที่โดดเด่นน่าสนใจ นอกจากนั้นการออกแบบที่พักและบริการด้านการท่องเที่ยวยังเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่สร้างความพอใจแก่นักท่องเที่ยว โดยที่พัก  โรงแรม และรีสอร์ทในไทยหลายแห่งได้รับการยกย่องและคว้ารางวัลระดับโลกมาได้ทุกปี อาทิ รางวัล World’s 50 Best Hotels 2023 มีโรงแรมจากไทยติดอันดับถึง 4 โรงแรม ฯลฯ  ส่วนทิศทางการออกแบบที่เป็นเทรนด์ของโลกขณะนี้ เน้นที่การสร้างประสบการณ์อันน่าจดจำแก่ผู้เข้าพัก การออกแบบเฉพาะบุคคลมีเอกลักษณ์และเรื่องราว การนำเทคโนโลยีมาผสมผสาน คำนึงถึงความยั่งยืนเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพิ่มพื้นที่สาธารณะ เชื่อมต่อและนำธรรมชาติมาเป็นองค์ประกอบ  

ดังนั้นในงาน Food & Hospitality Thailand 2024 ปีนี้ จึงมีการขยายโซน Hospitality Style ให้มีความครอบคลุมในทุกมิติที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ ตกแต่งมากขึ้น โดยมีทั้งเฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่ง เครื่องนอน เครื่องใช้ และของตกแต่งสำหรับธุรกิจที่พักโรงแรมจากบริษัทชั้นนำของไทยและระดับโลกหลากหลายแบรนด์กว่า 60 ราย อาทิ Hotel And Home Innovation, BrotherJ Co.,Ltd, GUANGZHOU HAOTIAN CLEANING EQUIPMENT TECHNOLOGY CO.,LTD, SONITE INNOVATIVE SURFACES CO.,LTD, MC Plus Company Limited, ITALY PRESENT-MORE SRL, Scent And Sense Laboratory Co., Ltd., Zhejiang MSD Group Share Co., Ltd. , Scientific Innovation Company Limited, Kusar International Co., Ltd., Top Class Design Co., Ltd., Table U Co., Ltd. and SETH Intertrade Co., Ltd เป็นต้น สิ่งเหล่านี้นอกจากเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาพักแล้ว ยังสร้างมูลค่าเพิ่มและเป็นจุดขายในความแตกต่างอีกด้วย ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของโซน Hospitality Style คือ การรวบรวมสินค้าประเภทเครื่องนอน ฟูก และเตียงทุกแบบทุกสไตล์สำหรับธุรกิจที่พักโรงแรมมาไว้ให้เลือกชม ทดสอบ และทดลองนอนมากที่สุดของประเทศไทยกว่า 20 แบรนด์ โดยแบรนด์ที่เข้าร่วมในการจัดแสดง อาทิ Darling Mattress Co., Ltd., Jaspal & Sons Co., Ltd., JESSICA , TULIP, Santa Mattress Co., Ltd., Serta (Thailand), Shanghai Zihui Textile Decoration Co.,Ltd, SIMMONS BEDDING & FURNITURE (THAILAND) CO., LTD., Sleepwell Industries Co., Ltd.,, Pornprapa International Co., Ltd,  Somphol Bedding and Mattress Industry Co., Ltd., AK&J TEXTILE and Aqua Hotel Supply Co., Ltd เป็นต้น พร้อมกันนั้นในปีนี้ยังมีงานแสดงสินค้าใหญ่ของเอเชียด้านผลิตภัณฑ์สำหรับการออกแบบตกแต่งอาคาร โรงแรมและพื้นที่เชิงพาณิชย์อย่าง Hotel & Shop Plus Thailand มาร่วมจัดแสดงภายในงานฯ ครั้งนี้ด้วย จึงอยากเชิญชวนทั้งนักออกแบบ ผู้ประกอบการ และผู้สนใจให้เข้าเยี่ยมชมการจัดงานฯ และ โซน Hospitality Style เพื่ออัปเดตเทรนด์ล่าสุดของทุกองค์ประกอบการออกแบบและตกแต่งที่พักโรงแรมที่มาร่วมจัดแสดงในงาน 

งาน Food & Hospitality Thailand 2024 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 สิงหาคม 2567 ฮอลล์ 1-4 ชั้น G  ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานเข้าชมได้ที่เว็บไซต์ www.fhtevent.com  Facebook : Food & Hospitality Thailand 

 

การจัดตกแต่งจานอาหารเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรงและเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจอาหารยุคนี้ ซึ่งนอกจากจะสร้างความสวยงามน่ารับประทานให้กับจานอาหารของลูกค้าแล้ว ยังเพิ่มมูลค่าและเพิ่มยอดขายได้ด้วยรูปแบบใหม่ของอาหารจานใหม่ สร้างความแตกต่างแก่อาหารจานเดิมให้น่าสนใจขึ้น

ดังนั้น อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 จึงขอเชิญเจ้าของธุรกิจร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ เชฟ ผู้ที่สนใจต้องการเรียนรู้และยกระดับศิลปะบนจานอาหาร เข้าร่วมเวิร์กชอป “ศิลปะการจัดตกแต่งอาหารเพื่อเพิ่มมูลค้า” (Food Stylist for Value Added Workshop) โดยเชฟประชัน วงศ์อุทัยพันธ์ กรรมการบริหาร สมาคมเชฟประเทศไทย กรรมการระดับ B จากสมาคมเชฟโลก และอาจารย์พิเศษ วิชาศิลปะการตกแต่งอาหาร มหาวิทยาลัยชั้นนำ ให้เกียรติมาเป็นวิทยากร พร้อมให้ความรู้ในการนำศิลปะมาจัดตกแต่งอาหารทั้งองค์ประกอบและเรื่องราว การใช้งานศิลปะมาสร้างจุดเด่นและเพิ่มมูลค่าให้แก่อาหาร เทคนิคลับเฉพาะที่จะเปิดเผยเฉพาะในเวิร์กชอปนี้เท่านั้น

โดยเวิร์กชอปพิเศษครั้งนี้จะจัดขึ้นในงาน Food & Hospitality Thailand 2023 วันที่ 25 สิงหาคม 2566 เวลา 15.00 -18.00 น. ณ Workshop Experience ฮอลล์ 1 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจลงทะเบียนที่ https://bit.ly/FHT2023_FoodStylist ค่าสมัครท่านละ 2,675 บาท ผู้เข้าร่วมเวิร์กชอปทุกท่านจะได้รับประกาศนียบัตรหลังการเวิร์กชอป (ด่วน! รับจำนวนจำกัด) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณชุดาพร โทร.0-2036-0573 E-mail: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

สำหรับ งาน Food & Hospitality Thailand 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 - 26 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com Facebook : Food & Hospitality Thailand

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ที่สามจากซ้าย) นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย (ที่สองจากซ้าย) และนายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย (คนกลาง) จัดเสวนาพิเศษ “รวมพลังสร้างกลยุทธ์เพิ่มมูลค่า เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย” พร้อมร่วมพันธมิตรองค์กรภาครัฐและเอกชนผู้ให้การสนับสนุนการจัดงาน Food & Hospitality Thailand 2023 แถลงความพร้อมการจัดงาน โดยมี นางสาวสุนันทา หามนตรี ผู้อำนวยการกองประชาสัมพันธ์ในประเทศ ฝ่ายโฆษณาและประชาสัมพันธ์ (คนแรกซ้าย) ดร.ฉัตรชัย ตวงรัตนพันธ์ รองประธาน สมาคมผู้ค้าปลีกไทย (ที่สามจากขวา) นายมีชัย อมรพัฒนกุล นายกสมาคมบาริสต้าแห่งประเทศไทย (ที่สองจากขวา) เชพสมศักดิ์ รารองคำ นายกสมาคมเชฟประเทศไทย (คนแรกขวา) ให้เกียรติร่วมแถลงข่าว ซึ่งงาน Food & Hospitality Thailand 2023 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-26 สิงหาคม 2566 ณ ฮอลล์ 1-3 ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ผู้สนใจรายละเอียดการจัดงานฯ สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.fhtevent.com เมื่อเร็วๆ นี้

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NIA) ร่วมกับ บริษัท ไทยยูเนี่ยนกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มหาวิทยาลัยมหิดล บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) บริษัท ดีลอยท์ ประเทศไทย และบริษัท ล็อตเต้ ไฟน์ เคมิคอล จำกัด นำ 8 สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารในโปรแกรมเร่งการเติบโต ภายใต้โครงการ SPACE-F Accelerator รุ่นที่ 4 ร่วมนำเสนอผลงานแก่นักลงทุน และผู้ที่สนใจในนวัตกรรมด้าน FoodTech บนเวที SPACE-F Batch 4 Accelerator Demo Day ในงาน Startup x Innovation Thailand Expo 2023 (SITE2023) ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สตาร์ทอัพภายใต้โครงการ SPACE-F Accelerator รุ่นที่ 4 นั้นได้เข้าร่วมโปรแกรมเร่งการเติบโตเป็นระยะเวลา 4 เดือน โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างโอกาสทางธุรกิจและพัฒนานวัตกรรมร่วมกับบริษัทคู่ค้า สร้างความร่วมมือและเพิ่มศักยภาพของอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทย

โดย ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวเปิดงาน SPACE-F Batch 4 Accelerator Demo Day ว่า “โครงการ SPACE-F เป็นโครงการที่สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรมอาหารในระดับนานาชาติ พร้อมส่งเสริมความร่วมมือกันของเครือข่ายและระบบนิเวศของสตาร์ทอัพให้แข็งแกร่ง โดยมีจุดประสงค์ที่จะเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมอาหารของโลก สตาร์ทอัพทั้ง 8 ในโปรแกรม Accelerator ของ SPACE-F รุ่นที่ 4 จะเป็นผู้นำเสนอเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาและเปลี่ยนแปลงอนาคตของอุตสาหกรรมอาหารที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนบนโลก โดย SPACE-F เป็นผู้นำของโลกยุคใหม่ด้านนวัตกรรมอาหาร ทั้งการเป็นผู้ประกอบการ การสร้างนวัตกรรม และการสร้างการร่วมมือกันของทุกภาคส่วนมาบรรจบกันเพื่อเปลี่ยนโลกของเราให้ดียิ่งขึ้น ความสำเร็จของสตาร์ทอัพเหล่านี้เป็นสิ่งยืนยันถึงศักยภาพอันไร้ขีดจำกัดที่อยู่ในภาคส่วนเทคโนโลยีอาหาร”

ดร. ธัญญวัฒน์ เกษมสุวรรณ ผู้อำนวยการกลุ่มด้านนวัตกรรม บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างผู้สนับสนุนของโครงการตั้งแต่เริ่มต้นและการให้ความร่วมมือกับสตาร์ทอัพเพื่อพัฒนานวัตกรรมอาหารว่า “โครงการ SPACE-F ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างเครือข่ายและระบบนิเวศด้านเทคโนโลยีอาหารให้แข็งแกร่ง พร้อมทั้งสนับสนุนการเติบโตของสตาร์ทอัพในโครงการตลอดจนต่อยอดโอกาสด้านธุรกิจสู่ระดับสากล และด้วยเครือข่ายของ SPACE-F ที่เข้มแข็งขึ้นทำให้สตาร์ทอัพที่เคยร่วมโครงการมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุน นักลงทุน พันธมิตร รวมถึงโอกาสต่างๆ ในการขยายธุรกิจในเวทีโลก

ทั้งนี้ สตาร์ทอัพที่นำเสนอผลงานได้รับการคัดเลือกโดยพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ได้รับโอกาสในการสร้างนวัตกรรมอาหาร ไทยยูเนี่ยนจึงได้ถือโอกาสนี้ในการเข้าไปสนับสนุนและทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเร่งสปีดความสำเร็จ โดยเราคาดหวังว่าจะได้สนับสนุนและทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องกับสตาร์ทอัพเหล่านี้ในอนาคตแม้หลังจากจบโครงการแล้ว”

คุณต้องใจ ธนะชานันท์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานความยั่งยืนและกลยุทธ์ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้สนับสนุนหลักของโครงการ SPACE-F Batch 4 ได้เสริมอีกว่า “ความหลากหลายของสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหารในรุ่นที่ 4 นี้ ครอบคลุมไปในส่วนของนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งเรามองเห็นความสามารถและศักยภาพของสตาร์ทอัพในรุ่นนี้ที่มาจากนานาประเทศ พวกเขาทำให้เรามั่นใจว่า SPACE-F จะกลายเป็นตัวกลางในการสนับสนุนนวัตกรรมที่โดดเด่นเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้กลายเป็นศูนย์กลางระดับโลกสำหรับนวัตกรรมอาหารและเครื่องดื่มอย่างแน่นอน

ไทยเบฟเวอเรจ ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ SPACE-F ในตลอด 3 ปีที่ผ่านมา และเรามองว่า SPACE-F จะเป็นเวทีสำคัญในการผลักดันวาระความยั่งยืนในระดับโลก”

ทำความรู้จักกับ 8 สตาร์ทอัพที่ร่วมโชว์ผลงาน

· AlgaHealth (อิสราเอล): ผู้คิดค้นและผลิตอาหารเสริมสารสกัด Fucoxanthin จากสาหร่าย ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดไขมันในเลือด

· AmbrosiaBio (อิสราเอล): ผู้พัฒนาและออกแบบสารทดแทนน้ำตาลที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ เช่น โรคอ้วน หรือเบาหวาน โดยไม่ทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลง

· Lypid (สหรัฐอเมริกา): ไขมันจากพืชสำหรับการผลิตโปรตีนทดแทนที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์

· MOA (สเปน): ผู้พัฒนาและผลิตแหล่งโปรตีนใหม่ ๆ อย่างยั่งยืนจากการ Upcycling วัตถุดิบจากกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร

· Pullulo (สิงคโปร์): ผู้ผลิตโปรตีนทดแทน จากการ Upcycling วัตถุดิบจากภาคการเกษตรโดยใช้เทคโนโลยีการหมัก (Fermentation technology)

· Seadling (มาเลเซีย): ผลิตภัณฑ์อาหารและอาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยงผลิตจากสาหร่าย

· TeOra (สิงคโปร์): ผู้คิดค้นเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันโรคและส่งเสริมการเจริญเติบโตของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ

· The Leaf Protein Co. (ออสเตรเลีย): ผู้สร้างและผลิตโปรตีนทดแทนจากใบไม้ด้วยกรรมวิธีที่ยั่งยืน

สตาร์ทอัพผู้เข้าร่วมโครงการได้ให้สัมภาษณ์ และกล่าวถึงความรู้สึกเกี่ยวกับการเข้าร่วมโครงการ และกิจกรรม SPACE-F Batch 4 Accelerator Demo Day ว่า พวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม SPACE-F โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเข้าร่วมวัน Accelerator Demo Day นี้ พวกเขาได้พบกับผู้ที่มีความสามารถอันหลากหลาย พร้อมได้สร้างเสริมสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากภายในงานอันเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ด้านเทคโนโลยีอาหาร โปรแกรมนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเขาในการร่วมมือกับพันธมิตรองค์กรและทุก ๆ ภาคส่วน พวกเขาได้เรียนรู้หลายอย่างจากประสบการณ์ต่าง ๆ จากผู้เชี่ยวชาญในโครงการ พร้อมทั้งได้รับข้อมูลและข้อเสนอแนะมากมายที่พวกเขาสามารถนำไปใช้กับแผนการนำร่องนวัตกรรมของตัวเองได้

ศาสตราจารย์ นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปิดท้ายงาน SPACE-F Batch 4 Accelerator Demo Day ว่า รู้สึกยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานที่ประสบความสำเร็จ จากที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมากให้ความสนใจนวัตกรรมด้านอาหาร และอยู่ร่วมกิจกรรมตั้งแต่ต้นจนจบช่วง Pitching “มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้สนับสนุนในด้านสิ่งอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์การวิจัยด้านเทคโนโลยีอาหาร พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ ที่พร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีอาหาร ซึ่งในโครงการ SPACE-F รุ่นต่อ ๆ ไป ทางคณะวิทยาศาสตร์ และสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทุ่มเทและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายการขับเคลื่อนนวัตกรรมตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของโครงการ SPACE-F เพื่อช่วยส่งเสริมสตาร์ทอัพและสร้าง “ระบบนิเวศน์ด้านเทคโนโลยีอาหาร ทั้งในมหาวิทยาลัยของไทยและในระดับประเทศ”

คุณแจโฮ ลี หัวหน้าทีมพัฒนาอาหารและยา บริษัท ล็อตเต้ ไฟน์ เคมิคอล จำกัด ในฐานะตัวแทนจากบริษัทที่ล่าสุดได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้สนับสนุนของโครงการ ได้เสริมอีกว่า “สำหรับโครงการ SPACE-F ทางล็อตเต้ได้ให้การสนับสนุนในเรื่องของการลงทุนและได้ให้ความร่วมมือกับองค์กรทุกภาคส่วนในโครงการ ตั้งแต่รุ่นที่ 3 เป็นต้นมา โดยล็อตเต้วางแผนที่จะลงทุนในสตาร์ทอัพอย่างต่อเนื่องรวมถึงการแบ่งปันความรู้ของล็อตเต้ให้กับสตาร์ทอัพ โดยเรามีจุดประสงค์เพื่อสร้างรากฐานความยั่งยืนของนวัตกรรมอาหารเพื่อเด็ก ๆ มนุษยชาติ และโลกของเราที่สวยงาม มาร่วมสร้างการเดินทางสู่ความสำเร็จครั้งใหม่ไปด้วยกัน”

ด้วยผู้เข้าร่วมที่มากกว่า 200 คน ซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหาร และพนักงานจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน นักลงทุน ผู้ประกอบธุรกิจ ทั้งไทย และต่างประเทศ และผู้เข้าร่วมอื่น ๆ ที่ให้ความสนใจ นับเป็นความสำเร็จของ SPACE-F Batch 4 Accelerator Demo Day ที่เปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพภายใต้โครงการได้เปิดตัวต่อเครือข่ายคู่ค้า เพื่อเชื่อมโยงความเป็นไปได้ และโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมในประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

Food Tech กินความกว้างขวาง สามารถแยกพิจารณาเป็นหลายสาย แต่ละสายย่อมแตกกิ่งก้านสาขาไปอีกเป็นจำนวนมาก หากยึดเอาแนวการลงทุนในเชิง Food Tech ของบรรดา Venture Capitalists ชั้นนำของโลกเป็นหลัก

X

Right Click

No right click