กุมภาพันธ์ 2567 - บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC รายงานผลการดำเนินธุรกิจประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2566 มีรายได้จากยอดขายรวมที่ 4,748 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 767 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อีกทั้งยังเติบโตเพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ผลจากปริมาณการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้าแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำที่เพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาคทั่วโลก ทำให้บริษัทฯ มีรายได้จากยอดขายรวมตลอดทั้งปี 2566 อยู่ที่ 15,577 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,281 ล้านบาท โดยเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2566 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังอยู่ที่ 0.35 บาทต่อหุ้น ทำให้เงินปันผลตลอดปีอยู่ที่ 0.60 บาทต่อหุ้น และเสนอจ่ายอัตราเงินปันผลตอบแทนในระดับดีต่อเนื่องอยู่ที่อัตรา 2.8 เปอร์เซ็นต์

นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ตลอดทั้งปี 2566 ธุรกิจการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกต้องเผชิญกับความท้าทาย ซึ่งเป็นผลจากแรงกดดันจากภาคอุตสาหกรรมและการระบายสินค้าคงคลังจากกลุ่มแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำระดับโลก ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้การดำเนินธุรกิจของไอ-เทลมีปริมาณคำสั่งซื้อจากลูกค้าลดลงตลอดช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม เรามองเห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากปริมาณการสั่งซื้อจากลูกค้าที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ทำให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี แต่ยังคงต่ำกว่ายอดขายรวมของปี 2565 ที่สูงกว่าระดับปกติ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยง”

“แม้ว่าต้องเผชิญกับอุปสรรคและช่วงเวลาที่ท้าทายในปี 2566 สำหรับไอ-เทล ปัจจัยดังกล่าวที่เข้ามากระทบการดำเนินธุรกิจ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เราได้เรียนรู้และมีประสบการณ์ในการปรับตัวได้ดีมากยิ่งขึ้น ด้วยการเร่งสร้างการเปลี่ยนแปลง

เชิงบวก ปรับกระบวนการทำงานและการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาสินค้าและบริการของเราให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั่วโลกและรองรับการเติบโตอย่างรวดเร็วของเทรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบ พรีเมี่ยมและรูปแบบ Humanization ในหลายภูมิภาคทั่วโลก อีกทั้ง บริษัทฯ ยังเดินหน้าศึกษาและพัฒนาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กลุ่มเสริมอาหาร (Supplement) สำหรับสัตว์เลี้ยง โดยวางเป้าหมายการเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดภายในปี 2568”

ในปี 2566 ที่ผ่านมา ไอ-เทลได้ก่อตั้งบริษัทในเครือภายใต้ชื่อ i-Tail Europe B.V. (ITE) ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ i-Tail Pet Food (Shanghai) Limited Co. (ITS) ที่ประเทศจีน เพื่อเดินหน้ากลยุทธ์ขยายการดำเนินธุรกิจและเร่งสร้างการเติบโตสู่ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในทวีปยุโรปและประเทศจีน อีกทั้ง บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จในการเซ็นสัญญาทางธุรกิจร่วมกับลูกค้ารายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้นอีก 31 ราย ซึ่งรวมถึงลูกค้าแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ในสหรัฐฯ อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังขยายการดำเนินธุรกิจสินค้า Private Label กับบริษัทผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในฝรั่งเศส และมีรายได้จากคำสั่งซื้อสินค้า Private Label จากหนึ่งในบริษัทผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ในปี 2566

นอกจากนี้ ไอ-เทลยังยกระดับมาตรฐานการดำเนินธุรกิจไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัวศูนย์วิจัยอาหารแมว (i-Cattery) ตั้งอยู่ ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขต ศาลายา ในช่วงกลางปี 2566 ด้วยความตั้งใจในการเป็นศูนย์กลางสำหรับความร่วมมือด้านการวิจัยร่วมกับภาคการศึกษา ลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และภาคส่วนต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและสร้างการยอมรับในเวทีระดับโลกถึงผลิตภัณฑ์อาหารแมวของไอ-เทลที่มีคุณภาพ ปลอดภัย รับรองด้วยมาตรฐานการวิจัยระดับสากล อีกทั้ง บริษัทฯ เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจด้วยการสร้างโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 ด้วยเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและขนมทานเล่นสำหรับสัตว์เลี้ยงแบบเปียกเพิ่มขึ้นอีก 18.7 เปอร์เซ็นต์ ด้วยระบบการผลิตแบบอัตโนมัติ (Automation) ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มต้นการผลิตภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้

ทั้งนี้ ยอดขายของไอ-เทลในปี 2566 มีสัดส่วนของยอดขายตามภูมิภาคดังนี้ สหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่เอเชียและโอเชียเนียอยู่ที่ 37 เปอร์เซ็นต์และยุโรปอยู่ที่ 13 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้ง สามารถแบ่งสัดส่วนของยอดขายตามประเภทของสินค้าหลัก 3 ประเภท ได้แก่ อาหารแมว 70 เปอร์เซ็นต์ อาหารสุนัข 15 เปอร์เซ็นต์ ขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยง 12 เปอร์เซ็นต์ และธุรกิจอื่นๆ อีก 3 เปอร์เซ็นต์ และได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่และสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงคุณภาพสูงออกสู่ตลาดมากกว่า 1,300 รายการ

ท้ายที่สุดนี้ ไอ-เทล ยังคงมุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความยั่งยืนที่สอดคล้องกับกลยุทธ์ SeaChange® 2030 โดยภายในปี 2573 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการจัดซื้อวัตถุดิบในกลุ่มของเนื้อไก่ทั้งหมดจากแหล่งผลิตที่มีความรับผิดชอบ รวมถึงวัตถุดิบในกลุ่มถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลืองทั้งหมดต้องมาจากกระบวนการผลิตที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายป่าไม้อีกด้วย

“ในปี 2566 แม้ว่าไอ-เทลจะสามารถก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้ แต่เรายังคงไม่หยุดยั้งการพัฒนาความสามารถและความเชี่ยวชาญของเราในการเป็นผู้นำในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำระดับโลก และยังคงดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายการรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยของยอดขายรวมที่ 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ระหว่างปี 2566 ถึง 2568 รวมถึงการเป็นกำลังสำคัญเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต” นายพิชิตชัยกล่าวทิ้งท้าย

ดีไซน์สุดออริจินัล ความงดงาม และความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบอุตสาหกรรมอิตาเลียนซึ่งมีชื่อเสียงก้องโลกเดินทางมาสร้างความประทับใจให้ผู้คนที่เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการ ณ เจริญนคร ฮอลล์  ICONSIAM ชั้น M ระหว่างวันที่ 7 - 16 มีนาคม 2566 นี้

ITALIA GENIALE (อิตาเลีย เจนิอาเล่) แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า "Brilliantly Italy" หมายถึง “อิตาลีที่เปล่งประกายสุกใส” เป็นกิจกรรมหลักของงาน Italian Design Day ครั้งที่ 7 มหกรรมงานดีไซน์ที่จัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 9 มีนาคมนี้ นิทรรศการน่าตื่นตาตื่นใจชุดนี้เดิมทีสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อจัดแสดงในอิตาเลียนพาวิเลี่ยนที่งาน Expo Dubai 2020 โดยได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการต่างประเทศอิตาลี กระทรวงอุตสาหกรรมและโครงการ "Made in Italy" คณะกรรมาธิการการค้าอิตาลี (ICE) และสมาคมการ ออกแบบ อุตสาหกรรม (ADI) ทั้งนี้ โดยกรุงเทพมหานครได้รับเลือกเป็นจุดหมายแห่งแรกของการทัวร์เอเชีย

พิธิเปิดนิทรรศการ ITALIA GENIALE จัดขึ้นในวันนี้ ณ เวลา 16.00 น. โดยได้รับเกียรติจาก พณฯ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย  มร.เปาโล ดีโอนีซี พร้อมด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายองค์กรสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กรบริษัทสยามพิวรรธน์ นางมยุรี  ชัยพรหมประสิทธิ์ ตัวแทนไอคอนสยาม ร่วมเป็นประธานในพิธี

ในโอกาสเดียวกัน ได้มีการมอบรางวัลให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปากร ผู้ชนะการประกวดออกแบบโลโก้สำหรับการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 155 ปีแห่งความ สัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและอิตาลี ในปีนี้

ปิดท้ายรายการด้วยการนำแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนชมนิทรรศการแบบเจาะลึกโดยสถาปนิกชื่อดังแถวหน้าของประเทศอิตาลี มร. ฟูลวิโอ เดอ นิตโต หนึ่งในภัณฑรักษ์ ผู้เลือกเฟ้นและสร้างสรรค์นิทรรศการ ITALIA GENIALE  มาให้คำอธิบายด้วยตัวเองถึงที่มาและความหมายของแต่ละชิ้นงานทั้ง 71 ชิ้น ซึ่งมีทั้งเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงนวัตกรรมของโลกยุคใหม่ ที่จัดแสดงใน 5 ธีมย่อย ได้แก่ Imagin-able, Work-able, Relation-able, Live-able, และ Move-able.

ITALIA GENIALE เชิดชูความสามารถในงานออกแบบอุตสาหกรรมของอิตาลี โดยรวบรวมดีไซน์ต้นแบบทั้ง 71 ชิ้นมาจากอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ ทั้งดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ จนถึงยานพาหนะ จากเครื่องกีฬาไปจนถึงการออกแบบอาหาร ดีไซน์เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือแม้แต่หุ่นยนต์ และอื่นๆอีกมากมาย สะท้อนให้ เห็นความคิดสร้างสรรค์ อันเป็นอัจฉริยะที่ถูกนำมาปรับใช้ด้วยเทคนิคต่างๆ ตลอดเส้นทางที่เหมือนเดินย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 20 ผ่านสุดยอดงานดีไซน์ของอิตาลีที่เปี่ยมความคิดสร้างสรรค์ ผสานนวัตกรรมที่เกิดจากการวิจัย และการเติมเทคนิคใหม่ เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่เรานำมาใช้ได้ดีในชีวิตประจำวัน และทำให้อิตาลีมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

ITALIA GENIALE สะท้อนประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของการออกแบบอุตสาหกรรมของอิตาลีในบริบท ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ของโลกาภิวัธน์ โดยส่งเสริมการ ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อปรับเปลียนไลฟ์สไตล์ผู้คนให้มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสถานทูตอิตาลีในไทยก็หวังที่จะสื่อสารปรัชญานี้สู่ผู้ที่สนใจการผลิตในรูปแบบ Made In Italy

การออกแบบคือความพยายามในการสร้างสรรค์ผลงานจากการนำอัจฉริยภาพมาปรับใช้ด้วยเทคโนโลยี ก่อเกิดเป็นแรงขับเคลื่อนที่ผลักดันให้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะความสามารถอันโดดเด่นที่จะผนวกความสวยงามกับประโยชน์ใช้สอยนำมาซึ่งประสิทธิภาพในการผลิตที่ยอดเยี่ยมนี้จะช่วยสร้างงานและความมั่งคั่ง จึงเรียกได้ว่าฝีมือการดีไซน์นั้นคือเครื่องมือในการเพิ่มพูนและยืนยันความสามารถของบุคคล

ITALIA GENIALE เปิดให้ผู้สนใจเข้าชมฟรีทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 น ถึง 22.00 น. วันนี้จนถึง วันที่ 16 มีนาคม ศกนี้ ภายในงานยังมีวิดีโอแสดงเบื้องหลังการสร้างสรรค์ ออกแบบและวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมการผลิตที่มุ่งตอบสนองความต้องการและความปรารถนาของผู้คน โดยประเทศอิตาลี ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรม แนวมนุษย์ นิยมที่ส่งเสริมการใช้เทคนิคและประสบการณ์เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในหัวข้อหลักตามโครงการนำเสนอกรุงโรมเพื่อเป็นเจ้าภาพ Expo 2030 ด้วย

อิตาเลียนดีไซน์เดย์ครั้งที่ 7 ปรากฏการณ์แห่งความคิดสร้างสรรค์แห่งการออกแบบสไตล์อิตาเลียน

X

Right Click

No right click