ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา นวัตกรรมภาคการเงินได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ภูมิทัศน์ภาคการเงินและระบบเศรษฐกิจโลกได้เปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกและลดช่องว่างให้ผู้คนได้เข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินได้มากขึ้นตั้งแต่ช่วงอายุที่น้อยลง อย่างไรก็ตาม การเพิ่มการเข้าถึงบริการทางการเงินควรมาพร้อมกับการส่งเสริมการบริหารการเงินส่วนบุคคลที่ดี เพราะทักษะทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถใช้นวัตกรรมทางการเงินได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการยกระดับคุณภาพชีวิตท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาทางการเงินส่วนบุคคลและหนี้เสียในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่
Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มชั้นนำ อาทิ การีนา ช้อปปี้ และซีมันนี่ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการบ่มเพาะทักษะความรู้ ทักษะ และทัศนคติทางการเงินที่ดีในคนไทยตั้งแต่วัยเยาว์ อันจะนำไปสู่การสร้างพฤติกรรมและภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดีในสังคมไทย จึงริเริ่มโครงการให้ความรู้ด้านการเงินต่าง ๆ รวมถึงริเริ่มพัฒนาบอร์ดเกมทางการเงิน “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” ซึ่งมีการจัดการแข่งขันระดับประเทศเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ “Wishlist Thailand Tournament 2024” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ ศูนย์การเรียนรู้ธนาคารแห่งประเทศไทย
การแข่งขัน “Wishlist Thailand Tournament 2024” ครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมแข่งขันกว่า 100 คน ประกอบด้วยตัวแทนนักเรียนจากโรงเรียนทั่วประเทศ บุคคลทั่วไปซึ่งเป็นตัวแทนจากศูนย์การเรียนรู้ TK Park และร้านบอร์ดเกม นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีกรุงเทพมหานครฯ เป็นพันธมิตรที่ร่วมให้การสนับสนุนด้านการส่งเสริมความรู้ด้านการเงินในโรงเรียนและร่วมมอบโล่รางวัลให้แก่ผู้ชนะทั้งในระดับโรงเรียนและบุคคลทั่วไป
พุทธวรรณ สุภัทรนันท์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร Sea (ประเทศไทย) กล่าวบนเวทีเสวนาภายใต้หัวข้อ “ความท้าทายของการขับเคลื่อนการเรียนรู้ทางการเงินในโลกที่เปลี่ยนไป” ซึ่งจัดขึ้นภายในงานฯ ว่าปัจจุบันเศรษฐกิจไทยมีความผันผวน การเรียนรู้ทางด้านการเงินส่วนบุคคลตั้งแต่อายุยังน้อยจึงมีความจำเป็นต่อเยาวชน เพื่อให้มีทักษะด้านการเงินและภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดี อันจะเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งในการบริหารการเงินส่วนบุคคล นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถปรับตัวเพื่อรับมือกับพลวัตของโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี
“จุดเด่นของบอร์ดเกมการเงิน ‘Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน’ คือสามารถเล่นร่วมกันได้ระหว่างผู้เล่นทุกช่วงวัยก่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้เกี่ยวกับแนวคิดทางการเงิน และสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันผ่านกลไกของบอร์ดเกม อาทิ การบริหารรายรับ การจัดลำดับความสำคัญในการใช้จ่าย การบริหารจัดการสภาพคล่อง การบริหารจัดการหนี้สิน การหารายได้เพิ่มเป็นต้น โดยเป็นพื้นที่จำลองให้ผู้เล่นได้ฝึกฝนการวางแผนทางการเงินอย่างสนุกสนาน ปลูกฝังพฤติกรรมและทัศนคติทางการเงินที่ดี โดย Sea (ประเทศไทย) ริเริ่มพัฒนาบอร์ดเกมการเงิน Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน ร่วมกับพันธมิตร ได้แก่ สถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ (IBGL) Wizard of Learning Money Coach และ Inskru กระทั่งเกิดเป็นบอร์ดเกมการเงิน Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน ซึ่งปัจจุบันได้รับการปรับปรุงและพัฒนาสู่เวอร์ชันที่สองแล้ว”
ปัจจุบัน บอร์ดเกมการเงิน “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” ได้รับการแจกจ่ายสู่โรงเรียน ศูนย์การเรียนรู้ทั่วประเทศ รวมทั้งร้านบอร์ดเกมชั้นนำแล้ว จำนวน 500 กล่อง เพื่อเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการเงินส่วนบุคคล รวมทั้งยังได้เผยแพร่บอร์ดเกมดังกล่าวในฉบับ “ Print & Play” ผ่านเว็บไซต์ Sea Academy ขณะนี้มียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 1,100 ครั้ง
ภายในงาน Wishlist Thailand Tournament 2024 ยังมีหน่วยงานอีกมากมาย ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ได้นำบอร์ดเกมการเงินมาร่วมจัดแสดงและเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานได้ทดลองเล่น ตลอดจนร่วมเสวนาบนเวทีหลัก
อรมนต์ จันทพันธ์ ผู้อำนวยการฝ่ายคุ้มครองและตรวจสอบบริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เผยวิสัยทัศน์ของธนาคารแห่งประเทศไทยในการมุ่งให้เกิดความอยู่ที่ดีของคนไทยอย่างยั่งยืน โดยที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เห็นถึงปัญหาภาคการเงินของคนไทย อาทิ ปัญหาหนี้เสียและหนี้นอกระบบ ทักษะการบริหารการเงินส่วนบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรได้รับการปลูกฝังตั้งแต่อายุยังน้อย ซึ่งเรียนรู้ผ่านการเล่นบอร์ดเกมการเงินเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เชาวชนได้เรียนรู้และฝึกฝนทักษะดังกล่าวและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันด้านการเงิน
วรุตม์ นิมิตยนต์ ผู้อำนวยการสถาบันบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ (IBGL) กล่าวว่า ครอบครัวคนไทยมักไม่พูดคุยเรื่องการเงินร่วมกัน การส่งเสริมให้ผู้ปกครองพูดคุยเรื่องการเงินภายในครอบครัวกับเยาวชนจะก่อให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจถึงสถานภาพทางการเงินของแต่ละครอบครัว นำไปสู่การเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการเงิน รวมถึงการวางแผนในอนาคตซึ่งอาจมีเรื่องการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง การใช้บอร์ดเกมการเงินเป็นวิธีหนึ่งที่จะก่อให้เกิดการพูดคุยเรื่องการเงินภายในครอบครัวระหว่างผู้ปกครองและบุตรหลาน ผ่านกลไกที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย และสนุกสนาน ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดบทสนทนาด้านการเงินในระดับที่ลึกซึ้งขึ้นต่อไป ปัจจุบัน บอร์ดเกมทางด้านการเงิน “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” ได้รับการผลักดันสู่โรงเรียนทั่วประเทศแล้วกว่า 100 โรงเรียน รวมไปถึงศูนย์การเรียนรู้ TK Parkทั่วประเทศ และพร้อมด้วยร้านบอร์ดเกม เนื่องจากเป็นชุมชนบอร์ดเกมที่เป็นแหล่งรวมตัวของเยาวชน เป็นการกระจายบอร์ดเกมฯ ให้เยาวชนสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น
นิวัฒน์ ถุงเงินศิริ นักจัดการความรู้อาวุโส ศูนย์การเรียนรู้ Tk Park กล่าวว่า บอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้เป็นสื่อการเรียนรู้ที่ให้ผู้เล่นเกิดการเรียนรู้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งและฝึกฝนทักษะความรู้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านคณิตศาสตร์ ทักษะการใช้ชีวิต ไปจนถึงทักษะที่เกี่ยวข้องกับการเรียน ซึ่งบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้นั้นอาจจะปรับสัดส่วนระหว่างความสนุกสนานและความรู้ทางวิชาการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น เกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่มีเป้าหมายมากกว่าเพียงความสนุกสนานเท่านั้น สำหรับศูนย์การเรียนรู้ TK Park มุ่งเน้นการส่งต่อความรู้ให้กับเยาวชน โดยได้ดำเนินการในรูปแบบห้องสมุดมีชีวิตแล้ว 32 แห่งทั่วประเทศ และมีการจัดกิจกรรมมากมาย รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบอร์ดเกมเพื่อการเรียนรู้ โดยระหว่างปี 2563 - 2566 มีผู้ยืมบอร์ดเกมจาก TK Park ไปแล้วกว่า 13,000 ครั้ง TK Park มุ่งผลักดันบอร์ดเกมในฐานะเครื่องมือการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงผลักดันอุตสาหกรรมบอร์ดเกมไทยสู่ระดับโลก
ร่มเกล้า ช้างน้อย ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์ จ.นครสวรรค์ กล่าวว่า บอร์ดเกมเป็นการออกแบบการเรียนการสอนที่มีเป้าหมายเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ อาทิ คณิตศาสตร์ หากในโรงเรียนมีบุคลากรที่สามารถแนะนำการเล่นบอร์ดเกม จะสามารถส่งเสริมให้เด็กนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจและผลักดันให้นักเรียนมีความสนใจบอร์ดเกมมากขึ้น ทำให้ห้องสมุดมีชีวิตชีวาและความหลากหลายมากขึ้น
ปิ่นมุก มาลิ นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนเทพศาลาประชาสรรค์ จ.นครสวรรค์ สะท้อนแนวคิดว่า นับตั้งแต่มีบอร์ดเกมในห้องสมุด ทำให้ห้องสมุดมีสีสันมากขึ้น มีการตั้งชุมนุมบอร์ดเกม เกิดวิธีการเรียนรู้และพัฒนาทักษะทางด้านการเงินในรูปแบบใหม่ คือการคิดวิเคราะห์และเรียนรู้ด้วยความเข้าใจจากกลไกของบอร์ดเกม จากเดิมที่มีเพียงการศึกษาด้วยการอ่านจากหนังสือ การเรียนรู้ผ่านการเล่นบอร์ดเกมยังแฝงไปด้วยความสนุกสนาน ทำให้ดึงดูดเยาวชนสู่การเรียนรู้มากขึ้น
“บอร์ดเกมฯ สอนให้เกิดการเรียนรู้และการวางแผน จากจุดหนึ่งไปสู่อีกจุดหนึ่ง ทำให้เกิดทักษะทางความคิดอย่างเป็นขั้นตอน เดิมทีไม่ได้มีความสนใจทางด้านการเงิน แต่หลังจากเล่นบอร์ดเกมการเงินฯ จะทำให้เกิดความสนใจและมีความรู้ความเข้าใจมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการบริหารเงินที่ได้รับจากผู้ปกครอง รวมไปถึงการออมและการวางแผนหารายได้เพิ่มเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินตามที่ต้องการ”
ณัฐวัฒน์ ไชยเมธิน เจ้าของร้านเกม Lunar Café กล่าวว่า ปัจจุบันภูมิทัศน์การบริหารจัดการห้องสมุดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากที่ในอดีตห้องสมุดมีเพียงหนังสือหรือสื่อวิชาการ แต่ปัจจุบัน ห้องสมุดมีการผสมผสานไปด้วยสื่อการเรียนรู้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น เพลง บอร์ดเกม ฯลฯ สำหรับ Lunar Café เองได้แนะนำให้ลูกค้าได้รู้จักว่ามีบอร์ดเกมในรูปแบบบอร์ดเกมการเงิน เพื่อสร้างการรับรู้ให้เกิดขึ้นในวงกว้าง ทั้งนี้ บอร์ดเกมเป็นกระบวนการเรียนรู้ผ่านการเล่นเกม ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้เล่นเกิดความสนใจและศึกษาค้นคว้าต่อด้วยตนเอง รวมทั้งเกิดการเรียนรู้ผ่านการถอดบทเรียนจากการเล่นและต่อยอดเป็นความรู้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งต่อไป
บอร์ดเกมการเงิน “Wishlist จัดสรรเงิน เติมความฝัน” เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของ Sea (ประเทศไทย) ในการปลูกฝังทักษะด้านการเงินส่วนบุคคลที่ดีแก่เยาวชนไทย สร้างรากฐานที่มั่นคงเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในอนาคต สะท้อนพันธกิจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคซึ่ง Sea (ประเทศไทย) ยึดมั่นเสมอมา
ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 13% ในช่วงปี 2022 - 2025 จนมีมูลค่าราว 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ก้าวเข้าสู่โลกอีคอมเมิร์ซเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ทั้งยังมีผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งนี้ ผู้ค้าออนไลน์รายใหม่อาจจะยังขาดความรู้และประสบการณ์ ทั้งด้านการบริหารร้านค้าออนไลน์ การคำนวณต้นทุน การตั้งราคาขาย การบริหารคลังสินค้า และความรู้ด้านภาษี แม้ขายดีก็อาจจะขาดทุนได้
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มชั้นนำ ได้แก่ การีนา (Garena) ช้อปปี้ (Shopee) และซีมันนี่ (SeaMoney) จึงผสานความเชี่ยวชาญ จัดทำวิดีโอสั้น (video series) ชุด ‘Smart E-commerce Entrepreneur’ จำนวน 5 ตอน เพื่อเติมเต็มความรู้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการออนไลน์ ผ่านเนื้อหาที่ถูกย่อยให้กระชับ เข้าใจง่าย และนำไปใช้ได้จริง ทั้งด้าน ‘การทำธุรกิจบนอีคอมเมิร์ซ’ และ ‘การเงินเพื่อธุรกิจออนไลน์’ (Financial literacy for online sellers)
นางพรรณวดี ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยมุ่งมั่นพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ภายใต้วิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” โดยภารกิจหนึ่งที่สำคัญในด้านการส่งเสริมความรู้ผู้ประกอบการ คือ การพัฒนาองค์ความรู้และทักษะความเป็นผู้ประกอบการ ตลอดจนการเผยแพร่ความรู้เหล่านี้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้แบรนด์ “ห้องเรียนผู้ประกอบการ” ผ่านสื่อความรู้ดิจิทัล e-Learning คลิปความรู้ วีดีโอซีรีส์ บทความและ Infographic กว่า 600 ชิ้น ซึ่งการได้ร่วมมือกับ Sea (ประเทศไทย) ในครั้งนี้ จะเป็นการผนึกกำลังความแข็งแกร่งของแต่ละองค์กร มาต่อยอดและขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการออนไลน์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ดร.ศรุต วานิชพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส Sea (ประเทศไทย) กล่าวถึงการยกระดับความสามารถผู้ประกอบการบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ (Shopee) ว่า “การเริ่มทำธุรกิจบนอีคอมเมิร์ซเป็นเรื่องง่าย ทั้งยังใช้ต้นทุนต่ำ ทำให้คนไทยหันมาเป็นผู้ประกอบการออนไลน์กันมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น Sea (ประเทศไทย) และช้อปปี้ (Shopee) ซึ่งเป็นธุรกิจ อีคอมเมิร์ซภายในเครือ จึงมุ่งให้ความรู้และส่งเสริมทักษะผู้ประกอบการให้กับผู้ค้าช้อปปี้มาโดยตลอด ปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำธุรกิจในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง และผู้ค้ารายใหม่อาจจะยังขาดความรู้ โดยเฉพาะในด้านการจัดการร้านค้า การคำนวณและบริหารต้นทุน การตั้งราคา การบริหารคลังสินค้า และภาษี ดังนั้น การร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ จึงเป็นการผสานความเชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ Pain Point ของผู้ประกอบการออนไลน์อย่างแท้จริง”
เนื้อหา 5 ตอน ประกอบไปด้วย
· EP1 โอกาสการขายผ่าน e-commerce
· EP2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ประสบความสำเร็จ
· EP3 ตั้งราคาสินค้าอย่างไรให้เหมาะสมและไม่ขาดทุน
· EP4 จัดการ Stock สินค้าให้ดีทุนไม่จม
· EP5 ขายออนไลน์ต้องรู้ เสียภาษีอย่างไร
ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ สามารถรับชม วิดีโอสั้นชุด ‘Smart E-commerce Entrepreneur’ ทั้ง 5 ตอน ได้ทาง Shopee University, SeaAcademy.co และ LiVE Platform by SET
บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก และหนึ่งในผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องที่ใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศจุดยืนในการจัดหาวัตถุดิบจากเรือประมงที่มีการปฏิบัติที่ดีเพื่อปกป้องสัตว์น้ำจากปัญหาการจับติดสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย(bycatch)
ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยนได้อ้างอิงผลงานวิจัยขององค์กรการประมงเพื่อความยั่งยืน หรือ Sustainable Fisheries Partnership (SFP) ในเรื่องของความเสี่ยงต่อฉลาม นกและเต่าทะเล รวมถึงสัตว์ทะเลชนิดๆ อื่น จากการประมงที่ส่งวัตถุดิบให้กับบริษัท และผลการวิเคราะห์ของบริษัท Key Traceability ที่ตรวจสอบโครงการพัฒนาประมงทูน่าของไทยยูเนี่ยนและแหล่งประมงอื่นๆที่มีความเสี่ยงสูง
อดัม เบรนนัน ผู้อำนวยการกลุ่มด้านความยั่งยืน ของกลุ่มไทยยูเนี่ยน กล่าวว่า “ไทยยูเนี่ยนต้องการเพิ่มระดับความเข้มข้นของการทำงานของเราให้มากขึ้น เพื่อที่จะให้แน่ใจว่าจะได้วัตถุดิบจากเรือประมงที่หลีกเลี่ยงหรือลดละการจับติดสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย สืบเนื่องจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมหลายที่ได้ชี้ให้เห็นว่าโลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการสูญเสียพันธุ์สัตว์น้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ โดยรายงาน Sustainable Fisheries Partnership (SFP) ระบุว่าสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครองในบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกตอนกลางมีปริมาณลดลงอย่างมาก”
เป็นที่ทราบกันดีว่า ไทยยูเนี่ยนเป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายปลาทูน่าบรรจุกระป๋องภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงชิคเก้น ออฟ เดอะ ซี และจอห์น เวสต์ และในฐานะที่ไทยยูเนี่ยนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเวทีเสวนาในงาน ซีฟู้ด เอ็กซ์โป นอร์ธ อเมริกา ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของภูมิภาคอเมริกาเหนือและที่สองของโลก บริษัทจึงประกาศเป้าหมายปี 2573 ของกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของบริษัท ซึ่งต่อยอดจากความทุ่มเทตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ผ่านมา ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการประมงว่า
· ภายในปี 2573 เรือประมงทุกลำต้องมีมาตรฐานการปฏิบัติที่ดีเพื่อปกป้องสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครอง
· ทำตามพันธกิจด้านปลาทูน่าของบริษัทที่ได้ประกาศไว้แล้วได้ให้ครบสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2568 ว่าเรือประมงทูน่าทุกลำจะต้องมีผู้สังเกตการณ์ (บุคคลหรือผ่านเครื่องมืออิเล็คทรอนิก) ซึ่งจะทำงานโดยตรงกับบริษัทคู่ค้าหรือผู้ให้บริการ
แคธริน โนวัค ผู้อำนวยการด้านการตลาดทั่วโลก องค์กร SFP กล่าวว่า “การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นภัยคุกคามต่อความยั่งยืนของการทำการประมง ไทยยูเนี่ยนได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมอาหารทะเลในการปกป้องสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครอง โดยการตรวจสอบห่วงโซ่อุปทาน และรับซื้อวัตถุดิบจากเรือประมงที่ตื่นตัวในการจัดการปัญหาการจับสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย” รายงานล่าสุดโดยองค์กร SFP เกี่ยวกับผลกระทบของการจับปลาทูน่าเชิงพาณิชย์โดยใช้วิธีเบ็ดราว โดยใช้วิธีเบ็ดราว ในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกตอนกลางที่มีต่อสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครอง พบว่า ธรรมชาติได้ถูกทำลายลงอย่างมากและประชากรสัตว์สายพันธุ์ต่างๆ ทั้งฉลาม นกและเต่าทะเลได้ลดลงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ และพื้นที่นี้มีการทำประมงให้กับอุตสาหกรรมการผลิตทูน่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก ซึ่งส่วนใหญ่ส่งให้กับอเมริกาเหนือและญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นหน้าที่ผู้ซื้อทูน่าที่จะผลักดันให้เกิดการฟื้นฟูธรรมชาติและประชากรสัตว์น้ำที่เปราะบางเหล่านี้ให้กลับมาใหม่ โดยเฉพาะฉลามและนกทะเล ไทยยูเนี่ยนมีการตรวจสอบการจับสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเป็นส่วนหนึ่งของโครงการคุ้มครองสัตว์ทะเลที่องค์กร SFP จัดขึ้น นับเป็นโครงการระดับสากล ที่เป็นความพยายามของภาคอุตสาหกรรมในการแก้ไขปัญหาสัตว์ทะเลหายากที่ถูกจับในการทำประมง ทางองค์กร SFP ได้พิจารณาและประเมินแหล่งที่มาของวัตถุดิบที่ไทยยูเนี่ยนใช้วัดความเสี่ยงด้านความยั่งยืนของวัตถุดิบนั้น ๆ พร้อมทั้งเสนอมาตรการที่จะช่วยลดการจับสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายให้ได้ผลมากที่สุด รายงานฉบับนี้ยังระบุว่า การประมงทูน่าโดยใช้วิธีเบ็ดราวนั้นก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อฉลาม นกทะเล และเต่าทะเล และแนะนำให้ปรับเปลี่ยนเครื่องมือประมงเพื่อลดปฏิสัมพันธ์ของสัตว์เหล่านี้ รวมทั้งความเสี่ยงที่จะทำให้สัตว์เหล่านี้ตาย รายงานยังพบว่าการประมงในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกมีผู้สังเกตการณ์ไม่เพียงพอ สอดคล้องกับความตั้งใจของไทยยูเนี่ยนที่อยากให้มีผู้สังเกตการณ์ในการทำประมงทูน่า 100 เปอร์เซ็นต์ บริษัท Key Traceability มีการตรวจเรือประมงที่อยู่ในโครงการปรับปรุงการทำประมงของไทยยูเนี่ยนปฏิบัติตามมาตรการข้อปฏิบัติที่ดี เพื่อลดการจับสัตว์น้ำที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ผลการประเมินพบว่าการประมงเหล่านี้ได้ลงบันทึกการจับปลาและการจัดการเกี่ยวกับสายพันธุ์สัตว์ที่ถูกคุกคาม ใกล้สูญพันธุ์ และถูกคุ้มครอง และได้ทำตามหรือทำได้ดีกว่า ข้อแนะนำจากการประเมิน
โครงการ Digital Opportunities for Talents (DOTs) 2022 หรือโครงการประกวดแผนธุรกิจภายใต้โจทย์ “Sustainability in Action” ซึ่งจัดขึ้นโดย Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มชั้นนำ อาทิ การีนา (Garena) ช้อปปี้ (Shopee) และซีมันนี่ (SeaMoney) ได้ดำเนินมาถึงรอบประกาศผลรางวัลรอบสุดท้าย
โดยผู้ร่วมโครงการทั้ง 30 ทีม ได้ผ่านการแข่งขันอย่างเข้มข้นจนเหลือ 6 ทีมสุดท้าย ที่ได้ร่วมนำเสนอผลลัพธ์ความสำเร็จภายในงานประกาศผลรางวัลรอบสุดท้าย (Final Presentation) เพื่อส่งต่อองค์ความรู้จากการลงมือทำจริงตลอดระยะเวลา 2 เดือนให้กับผู้ประกอบการ SME ตลอดจนร่วมคว้าเงินรางวัลรวมกว่า 200,000 บาท และในปี 2022 นี้ ทีม In it for the beers ได้แก่ นางสาวศิริธร แก้วสุพรรณ์ และนางสาวสุฎารัตน์ สุขภิลาภ เป็นผู้ที่คว้ารางวัลชนะเลิศไปได้ด้วยแผนธุรกิจสำหรับร้าน Artstory by AutisticThai ผลงานจากจินตนาการผ่านภาพและลายเส้นผลงานศิลปะของกลุ่มเด็กและบุคคลที่มีความแตกต่างทางการเรียนรู้
นางสาวมณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Sea (ประเทศไทย) กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาการแข่งขันอย่างเข้มข้นกว่า 2 เดือน ผู้เข้าแข่งขันได้พัฒนาทักษะและแสดงออกถึงศักยภาพ พร้อมเติบโตเป็นผู้ประกอบการดิจิทัลรุ่นใหม่ในอนาคต ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้เข้าแข่งขันได้ทำงานร่วมกับเจ้าของร้านค้า SME ในการพัฒนากลยุทธ์และลงมือทำจริง เพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างการเติบโตให้กับร้านค้าที่ได้รับมอบหมาย โดย มีผู้เชี่ยวชาญจาก Sea (ประเทศไทย) และช้อปปี้คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ด้านร้านค้าก็ได้แนวคิดและมุมมองใหม่ๆ ในการสร้างธุรกิจให้เติบโต Sea (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดโครงการฯ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนในการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ได้มีทักษะสำคัญของผู้ประกอบการดิจิทัล ที่สามารถต่อยอดและปรับใช้ได้ในอนาคต พร้อม ๆ กับการสนับสนุนธุรกิจที่ใส่ใจด้านความยั่งยืนให้เกิดการเติบโตในระยะยาว สอดคล้องกับเป้าหมายของ Sea (ประเทศไทย) ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคและยกระดับการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการรายย่อยด้วยเทคโนโลยี พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Digital Nation ด้วยการพัฒนา Digital Talent โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศต่อไป”
โครงการ DOTs 2022 ยังได้รับเกียรติจาก ดร. ศรุต วานิชพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส Sea (ประเทศไทย), ดร.ปรีสาร รักวาทิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานส่งเสริมการประยุกต์ใช้ดิจิทัล สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), นางสาววนิดา จรูญเพ็ญ หัวหน้าส่วนประสานเครือข่ายหน่วยงานภาคเอกชน สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), นางรัตน์วลี อนันตานานนท์ ผู้ช่วยผู้จัดการ หัวหน้ากลุ่มงานพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และนางสาวฑิฟฟาณี เชน นักทดสอบนโยบาย โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมเป็นคณะกรรมการทรงคุณวุฒิตัดสินผลงานในรอบ 6 ทีมสุดท้ายนี้อีกด้วย
นางสาวศิริธร แก้วสุพรรณ์ และนางสาวสุฎารัตน์ สุขภิลาภ จากทีม In it for the beers คว้ารางวัลชนะเลิศพร้อมเงินรางวัลมูลค่า 80,000 บาท โดยผลการดำเนินงานที่ทีม In it for the beers ได้นำเสนอแสดงให้เห็นว่า ทีมผู้เข้าแข่งขันได้นำความรู้และทักษะดิจิทัลที่ได้เก็บเกี่ยวตลอดโครงการฯ มาประยุกต์ใช้ในแผนการดำเนินงานเพื่อช่วยให้ Artstory by AutisticThai ร้านค้า SME ไทยที่นำเสนอผลงานจากจินตนาการผ่านภาพและลายเส้นผลงานศิลปะของกลุ่มเด็กและบุคคลที่มีความแตกต่างทางการเรียนรู้สามารถพัฒนาและต่อยอดธุรกิจบนช่องทางออนไลน์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชได้อย่างแท้จริง โดยเห็นการเติบโตของยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้นกว่า 2 เท่า เทียบกับก่อนช่วงเข้าร่วมโครงการ และยอดการเข้าชมร้านค้าในช้อปปี้ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 1.3 เท่าภายในระยะเวลา 2 เดือนของการเข้าร่วมโครงการ อีกทั้ง ยังสามารถส่งต่อแนวคิดและแผนงานในการสร้างการเติบโตให้กับร้านค้าอย่างยั่งยืนในอนาคตได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
สำหรับทีมอื่น ๆ ที่เข้ารอบ Final Presentation ก็สามารถทำผลงานได้โดดเด่นและช่วยสร้างการเติบโตของร้านค้าที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทีม ไฉ่เสินเหยีย กับร้าน SANDT คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 มูลค่า 50,000 บาท ทีม Will-Wisdom-Mind กับร้าน Carechoice คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 มูลค่า 30,000 บาท รวมถึงทีม GangRocket กับร้าน Little Hen Noodle, ทีม CreamCreamery กับร้าน Ira Concept และทีม MED KID Consulting กับร้าน Green Wash คว้ารางวัลชมเชย มูลค่ารางวัลละ 5,000 บาท
ยิ่งไปกว่านั้น ร้านค้าทั้งหมดที่เข้าร่วมโครงการฯ ก็มียอดขายต่อเดือนโดยเฉลี่ยบนแพลตฟอร์มช้อปปี้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 2.1 เท่า ยอดคำสั่งซื้อต่อวันเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 1.3 เท่า และสร้างยอดขายบนแพลตฟอร์มช้อปปี้มูลค่าโดยรวม 3.6 ล้านบาท ตลอดในช่วงเวลา 2 เดือนภายใต้โครงการ