กลุ่มธุรกิจการเงินเอ็กซ์สปริง (XSpring Group) และ บริษัท ซิคซ์ เนทเวิร์ค (ไทยแลนด์) จำกัด (SIX Network) ประกาศเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อผสานจุดแข็งของทั้งสององค์กรในการขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนด้านเทคโนโลยี Real World Asset Tokenization โดยนำประสบการณ์ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของ XSpring Group มาผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนของ SIX Network เพื่อพัฒนาโซลูชันที่ครอบคลุมความต้องการของภาคธุรกิจและการลงทุนอย่างครบวงจร
ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ทั้งสององค์กรสามารถพัฒนาโซลูชันด้าน Real World Asset Tokenization ที่ครบวงจร ตั้งแต่การให้คำปรึกษา การพัฒนาเทคโนโลยี การออกแบบโทเคน ไปจนถึงการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งสำหรับการทำ Real World Asset Tokenization และนำสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ มาทำงานอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน SIX Protocol อีกทั้งยังมุ่งผลักดันให้เกิดการใช้งานเทคโนโลยีที่ SIX Network พัฒนาในวงกว้าง ผสานกับประสบการณ์ของ XSpring Group เพื่อนำโซลูชันบล็อกเชนไปใช้สร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคองค์กรและการเงิน รวมไปถึงพันธมิตรธุรกิจในเครือต่อไป
อีกทั้งยังนับเป็นก้าวสำคัญในการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาประยุกต์ใช้กับเศรษฐกิจไทย โดยการแปลงสินทรัพย์จริงเป็นโทเคนดิจิทัลจะช่วยเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการจัดการสินทรัพย์ รวมถึงช่วยเปิดโอกาสให้ธุรกิจในไทยสามารถเข้าถึงแหล่งทุนใหม่ ๆ ในระดับนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับอสังหาริมทรัพย์ หรือการระดมทุนสำหรับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนช่วยผลักดันให้นักลงทุนรายย่อยในไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ระดับโลกได้ง่ายขึ้น
XSpring Group เป็นผู้นำด้านการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ดำเนินธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลครอบคลุม 4 ประเภท ได้แก่ นายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี นายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล ผู้ค้าคริปโทเคอร์เรนซี และ
ผู้ค้าโทเคนดิจิทัล พร้อมทั้งได้รับการรับรองจากสำนักงาน ก.ล.ต. ให้เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ซึ่งสร้างความแข็งแกร่งในระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม XSpring
สำหรับ SIX Network เป็นผู้พัฒนาเครือข่ายบล็อกเชน SIX Protocol ที่รองรับเทคโนโลยี Real-World Asset Tokenization และกำลังพัฒนาแพลตฟอร์ม Pas.ss เพื่อทำให้กระบวนการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเคนดิจิทัลสะดวกและใช้งานง่าย ทั้งนี้ เทคโนโลยี Real-World Asset Tokenization ได้รับการจับตามองจากสถาบันการเงินระดับโลกในฐานะเครื่องมือการลงทุนที่มีศักยภาพสูง โดยตลาดนี้มีมูลค่าปัจจุบันกว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตถึง 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 จากรายงานของ Boston Consulting Group
นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) “XPG” กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนวิสัยทัศน์ของเครือบริษัทเอ็กซ์สปริง ในการเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดั้งเดิม และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ครอบคลุมทุกมิติ เราเชื่อมั่นว่า การผสานความเชี่ยวชาญจากทั้งสองฝ่ายจะสร้างความเปลี่ยนแปลงสำคัญในโลกการลงทุน พร้อมเปิดโอกาสใหม่ให้กับภาคธุรกิจและสถาบันการเงิน”
ทั้งนี้ การผนึกกำลังระหว่าง XSpring Group และ SIX Network เป็นก้าวสำคัญที่จะผลักดันเทคโนโลยีบล็อกเชนและ Real-World Asset Tokenization ไปสู่ระดับโลก ตอกย้ำถึงศักยภาพของไทยในการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมการเงินในอนาคต
กลุ่มบริษัทเอ็กซ์สปริง พร้อมเปิดประตูสู่โอกาสแห่งความสำเร็จ ในงาน XSpring Open House 2022 ในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 9.30 – 16.30 น. ณ Emporium Suites by Chatrium สุขุมวิท 24
เชื่อมต่อโลกการเงินปัจจุบันและการเงินดิจิทัล สู่การลงทุนระดับโลก ดันรายได้โตแตะ 1,000 ล้าน
มั่นใจนักลงทุนแห่จองตามเป้า เชื่อมั่น “สำนักงานใหญแสนสิริ – รายได้มั่นคงต่อเนื่อง - พร้อมกลไกคุ้มครองนักลงทุน” จองซื้อขั้นต่ำเพียง 10 บาท ย้ำโทเคนมีจำนวนจำกัด จองและชำระเงินก่อนได้ก่อน
ชู 3 ปัจจัยแกร่ง “พันธมิตร – เงินทุน – ไลเซนส์” มั่นใจโตก้าวกระโดดรับตลาดเงินดิจิทัลทั่วโลกกว่า 40 ล้านล้านบาท
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานกรรมการ บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (XPG) เปิดเผยว่า “ปีนี้นับเป็นก้าวสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเอ็กซ์สปริง ทั้งการเปลี่ยนชื่อเป็น “บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)” และการได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน จนสามารถเพิ่มทุนได้สูงถึง 7,111 ล้านบาท ภายในเวลาไม่นาน รวมถึงการร่วมลงทุนจากพันธมิตร เช่น บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น ใน Digital Financial Service โดยปัจจุบันเอ็กซ์สปริงประกอบด้วย 5 กลุ่มธุรกิจการเงินที่พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อร่วมกันสร้างโอกาสความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มนักลงทุนทุกระดับได้แก่ ธุรกิจหลักทรัพย์ โดยบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด ธุรกิจจัดการกองทุน โดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ โดยบริษัทบริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด และธุรกิจจัดการเงินลงทุน
“การเพิ่มทุนทำให้เอ็กซ์สปริงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง มีสภาพคล่องทางการเงินสูง ด้วยเงินทุนจากสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิม 3,094 ล้านบาท และสัดส่วนการเพิ่มทุนอีก 7,111 ล้านบาท ทำให้เอ็กซ์สปริงมีเงินทุนในมือกว่า 10,000 ล้านบาท ที่จะนำไปพัฒนาธุรกิจใน 3 ด้าน อาทิ 1. ธุรกิจดิจิทัล: มุ่งพัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนรูปแบบดิจิทัล และสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจสำหรับบริการด้านการเงิน 2. ธุรกิจปัจจุบัน: ขยายธุรกิจหลักทรัพย์และให้บริการโซลูชันทางการเงินแบบครบวงจรแก่ลูกค้า การสนับสนุนการลงทุนนอกตลาดหลักทรัพย์ (Private Equity) การขยายธุรกิจบริหารจัดการกองทุนและสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงและความสามารถด้านเทคโนโลยี 3. ชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน”
“สำหรับผลประกอบการของเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ถือว่าน่าพอใจ โดยมีรายได้รวม ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนแล้ว 167 ล้านบาท สูงกว่ารายได้รวมส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลงทุนของทั้งปี 2563 ที่มีจำนวนรวม 141 ล้านบาท กำไรสุทธิฯ อยู่ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 791% ซึ่งนับเป็นสัญญาณบวก และทำให้เชื่อมั่นว่าแผนรุกธุรกิจที่แข็งแกร่งในช่วงต่อจากนี้ จะทยอยส่งผลให้รายได้และกำไรของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้เติบโตก้าวกระโดดได้ในปี 2565”
“Transformation & Leap Forward”
ในปี 2564 บริษัทวางแผนรุกธุรกิจครั้งใหญ่สู่การเป็น “Digital Financial Service” ผู้ให้บริการทางการเงินครบวงจร ที่จะเปลี่ยนโลกธุรกิจการเงินเดิมๆ สู่นวัตกรรมการเงิน ด้วยการต่อยอดความเชี่ยวชาญ ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล เชื่อมโยงโลกการเงินปัจจุบันและโลกบริการการเงินดิจิทัลอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงโลกการเงินและการลงทุนได้สะดวกและง่ายดาย ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นไม่สูง รวมทั้งสามารถเปิดรับข้อมูลการลงทุนได้อย่างครอบคลุม โปร่งใส และน่าเชื่อถือ ซึ่งนับเป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตสูงในตลาดโลก
ก้าวใหม่ของเอ็กซ์สปริงวันนี้ จึงมาจากการมองเห็นเทรนด์การเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจการเงินดิจิทัลทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกมูลค่ากว่า 40 ล้านล้านบาท (1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ) ที่มีโอกาสเติบโตสูงและจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศได้อีกมากในอนาคต ซึ่งเอ็กซ์สปริงวางเป้าการเติบโตไปพร้อมตลาดโลกผ่านสินทรัพย์ที่จะมาแทนที่เงินสกุลต่างๆ เช่น คริปโทเคอเรนซี่ และการซื้อขายทองคำผ่านระบบดิจิทัล ซึ่งเพียงแค่ตลาดบิทคอยน์ตลาดเดียวก็โตกว่า 24 ล้านล้านบาท (8 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) รวมทั้งในตลาดแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) และ Decentralized Finance ที่มีขนาดกว่า 11.7 ล้านล้านบาท (3.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) และ 1.35 ล้านล้านบาท (45,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ตามลำดับ นอกจากนั้น Utility Token และ Security Token ก็ยังเป็นการเงินดิจิทัลที่มีการเติบโตสูงเช่นกัน ด้วยขนาดตลาดในปัจจุบันที่สูงถึง 1.95 ล้านล้านบาท (64,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ทั้งนี้ ทั่วโลกยังนำโทเคนดิจิทัลและระบบบล็อคเชนมาใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ โทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงกับสินทรัพย์ดั้งเดิม เช่น ทอง ตลาดหุ้น ตลาดตราสารหนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก (Disruption) ที่จะนำมาสู่โอกาสทางธุรกิจของเอ็กซ์สปริงอีกมากมายในอนาคต
นายระเฑียร กล่าวต่อว่า “3 จุดแข็งของเอ็กซ์สปริง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คือ “พันธมิตร – เงินทุนที่แข็งแกร่ง และการมี 17 Licenses ในมือ” โดยมีเป้าหมายที่จะรุกธุรกิจให้เติบโต ด้วยบทบาทของการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางธุรกิจของเอ็กซ์สปริง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทหลักทรัพย์ การมุ่งเน้นหุ้นขนาดกลาง (Mid-cap) เป็นหลัก การบริการครบวงจรสำหรับตลาดทุนและโซลูชันในการขายโทเคนดิจิทัล (ICO) การยกระดับความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อขยายธุรกิจ และการสร้างความแข็งแกร่งให้กับทุนมนุษย์ (Human Capital) นอกจากนี้เอ็กซ์สปริงจะพัฒนาต่อยอดในอนาคต ด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพในการบริหารสินทรัพย์ (AM) และการลงทุนในบริษัทที่อยู่นอกตลาด (PE) เพื่อดึงดูดกลุ่มมั่งคั่งที่มีจำนวนมากขึ้น ตลอดจนลงทุนในแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบใหม่อีกด้วย”
สำหรับแผนการรุกธุรกิจภายหลังการเพิ่มทุน เอ็กซ์สปริงจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ “Transformation & Leap Forward” เต็มรูปแบบ โดยตั้งแต่ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัท บริหารสินทรัพย์ เอ็กซ์สปริง เอ เอ็ม ซี จำกัด “XSpring AMC” บริษัทย่อยของเอ็กซ์สปริง แคปปิตอล ได้ร่วมมือกับแสนสิริ “ร่วมลงทุนในกองสินทรัพย์” ที่ประกอบด้วยลูกหนี้สิทธิเรียกร้องตามสัญญาสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์และพักอาศัย และสัญญาหลักประกันซึ่งประกอบไปด้วยที่ดิน ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในกรุงเทพฯ และปริมณฑล (NPL) เพื่อนำมาบริหารสินทรัพย์ต่อยอดธุรกิจและสร้างรายได้เพิ่มในระยะยาว รวมทั้งจะรุกธุรกิจ Digital Finance มากขึ้น ผ่านเอ็กซ์สปริง ดิจิทัล ผู้ ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในประเทศไทย (ICO Portal) ออก ICO 2 ตัวในปีนี้ คือ “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ” (SiriHub Investment Token) ซึ่งเป็น Real Estate-backed ICO ตัวแรกของไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ “Ready to use Utility Token” ที่เตรียมเปิดตัวเป็นครั้งแรกในวงการเอนเตอร์เทนเมนต์และ EV Charging Ecosystem ของประเทศไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับ ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้ให้บริการเบอร์หนึ่งด้านการให้บริการชาร์จรถ EV ครบวงจร รวมถึงการเปิดรับคริปโทในการซื้อที่อยู่อาศัยและชำระค่าส่วนกลางของแสนสิริทุกโครงการ ครั้งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย
“เอ็กซ์สปริง ยังมีแผนการเปิดตัวธุรกิจนายหน้าและผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital asset broker and dealer) ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และการขอใบอนุญาต Digital asset fund manager ที่อยู่ในระหว่างดำเนินการ และ Open-architecture licenses เพื่อเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนให้แก่ลูกค้า ตลอดจนการหาโอกาสการลงทุนในบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพสูง เป็นต้น กลุ่มธุรกิจเอ็กซ์สปริง ขอขอบคุณผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่ให้ความไว้วางใจ และขอให้มั่นใจว่าบริษัทฯ จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจการเงิน ขับเคลื่อนธุรกิจเต็มที่อย่างไม่หยุดยั้ง สร้างโอกาสการลงทุนที่หลากหลายและเหมาะสมเพื่อสร้างผลตอบแทนและความพึงพอใจให้กับนักลงทุนที่สนใจ ทั้งรายเล็กรายใหญ่รวมทั้งกลุ่ม Wealth อันจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถบรรลุเป้าหมายสู่ผู้นำบริการทางการเงินครบวงจรทั้งโลกการเงินปัจจุบันและโลกการเงินดิจิทัลได้ในที่สุด” นายระเฑียร กล่าวปิดท้าย