×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 10974

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สนับสนุน บริษัท ซีพีเอส เวเธอร์ จำกัด และ บริษัท ซีพีเอส อะกริ จำกัด เปิดตัวแอปพลิเคชัน “ฟ้าฝน” เพื่อให้เกษตรกรรู้เท่าทันสภาพอากาศล่วงหน้า 7 วันรายพิกัด รายแปลง สามารถตั้งหลักรับมือภัยธรรมชาติได้ทันท่วงที แก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่การเกษตร คาดภายใน 3 ปี มีเกษตรกรเข้าถึงข้อมูล 10 ล้านคน ช่วยลดต้นทุนและเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ 1,000 ล้านบาทต่อปี

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายให้กับเกษตรกร ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ด้วยเหตุนี้ ดีป้า จึงร่วมมือกับ บริษัท ซีพีเอส เวเธอร์ จำกัด และ บริษัท ซีพีเอส อะกริ จำกัด ในการส่งเสริมและสนับสนุนการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะของประเทศ โดยล่าสุดได้พัฒนาแพลตฟอร์ม ที่มีชื่อว่า “ฟ้าฝน” ภายใต้โครงการ “CPS AGRI: ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเกษตรอัจฉริยะของประเทศไทย” ผ่านมาตรการช่วยเหลือหรือการอุดหนุนเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (depa Digital Infrastructure Fund for Private Investment)

“แพลตฟอร์มดังกล่าวคือ แอปพลิเคชันบนมือถือ ซึ่งเกษตรกรสามารถทราบผลการพยากรณ์อากาศ ล่วงหน้า 7 วัน ช่วยเตือนภัยธรรมชาติ รับทราบถึงข้อมูลสภาพอากาศและปริมาณน้ำฝนล่วงหน้าในพื้นที่ของตนเองได้อย่างแม่นยำ ทำให้เกษตรกรสามารถบริหารจัดการทรัพยากร วางแผนการเพาะปลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โครงการนี้ยังให้บริการในลักษณะของข้อมูลด้านบริการ (Data as a Service) ให้กับดิจิทัลสตาร์ทอัพ สามารถเชื่อมโยงข้อมูล API จนนำไปสู่การพัฒนารูปแบบการให้บริการแบบใหม่สำหรับเกษตรกร ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของคนไทย คิดเป็น 28% ของประเทศ” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

 

ด้าน ผศ.ดร.ชินวัชร์ สุรัสวดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอส เวเธอร์ จำกัด และ บริษัท ซีพีเอส อะกริ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่การเกษตรประมาณ 80% ของประเทศ อยู่นอกเขตชลประทาน ซึ่งต้องอาศัยน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติและฝนเป็นหลัก ดังนั้น แอปพลิเคชัน “ฟ้าฝน” จึงเป็นแพลตฟอร์มสำคัญ ที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถทราบถึงสภาพอากาศแบบรายชั่วโมง หรือล่วงหน้า 7 วัน โดยดูการเคลื่อนไหวของสภาพอากาศผ่านดาวเทียมที่มีความละเอียดและแม่นยำ รวมถึงสามารถตั้งค่าเพื่อรับการแจ้งเตือนพายุ ฝน ลม และการเปลี่ยนแปลงฉับพลันของอุณหภูมิได้แบบรายแปลง รายพิกัด

นอกจากนี้ แอปพลิเคชันดังกล่าวยังรองรับการสร้างเครือข่ายชุมชนเกษตรกร พร้อมมีเครื่องมือช่วยเหลือสำหรับการบริหารจัดการพื้นที่แปลงเพาะปลูก ได้แก่ การรังวัดเพื่อหาพิกัด ความยาว และพื้นที่ การคำนวณปริมาตรดิน สำหรับขุดบ่อและถมดิน ตลอดจนการหาขอบเขตพื้นที่ภายในระยะรัศมีที่ต้องการ นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมแล้ว แพลตฟอร์ม “ฟ้าฝน” ยังเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนในการใช้ชีวิตประจำวัน ด้านการเดินทาง ทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ การท่องเที่ยว การออกกำลังกาย การวางแผนทำกิจกรรมกลางแจ้งอีกด้วย คาดว่าภายในระยะเวลา 3 ปี จะมีเกษตรกรและประชาชนทั่วไปเข้าใช้บริการมากกว่า 10 ล้านคน ช่วยลดต้นทุนให้เกษตรกรและสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศมากกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “ฟ้าฝน” ได้แล้วทั้งระบบ Android และ iOS

สำหรับโครงการ CPS AGRI: ระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อเกษตรอัจฉริยะของประเทศไทยถือเป็นโครงการที่พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) มากถึง 10 ประเภท ได้แก่ ข้อมูลฝนจากดาวเทียมประมาณ 9 ดวง ผลการพยากรณ์อากาศความละเอียดสูง การสังเกตและผลการพยากรณ์พายุหมุนเขตร้อน พื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำผิวดิน ผลการพยากรณ์ภูมิอากาศความละเอียดสูงล่วงหน้า 10 ปี ข้อมูลสภาพอากาศจากอุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอากาศ ข้อมูลพื้นที่เพาะปลูกของพืชเศรษฐกิจ (ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง อ้อย ยางพารา) ผลการพยากรณ์ผลผลิตอ้อย ข้อมูลพื้นที่น้ำท่วมจากดาวเทียม และสถานภาพความสมบูรณ์ของพืชจากดาวเทียม พร้อมมีการติดตั้งสถานีตรวจวัดสภาพอากาศ 500 จุดทั่วประเทศ

ปัจจุบัน โครงการนี้ได้ให้บริการข้อมูลพยากรณ์อากาศแก่ประชาชน เกษตรกร หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก “พยากรณ์อากาศประเทศไทย” จากการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวกับสภาพอากาศแบบครอบคลุมรอบด้าน ทำให้เพจเฟซบุ๊ก “พยากรณ์อากาศประเทศไทย” มีผู้ใช้งานกดติดตามข้อมูลข่าวสารเกือบล้านคน

หวังติดปีกผู้ประกอบการในพื้นที่ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เตรียมความพร้อมสู่การเป็นเมืองเศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบ

คุณคิดว่าข้อมูลบนออนไลน์ในปัจจุบันน่าเชื่อถือได้มากแค่ไหน? คุณยินยอมให้ผู้อื่นโพสต์ภาพลูกของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่? คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่างการพูดหยอกล้อและการพูดทำร้ายจิตใจหรือไม่?

ภาพจากซ้าย : ดร.เอ็ดเวิร์ด รูเบิร์ช (Dr. Edward Rubesch) ผู้อำนวยการหลักสูตร IDE มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร     ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) มร.สตีฟ แบลงค์    (Mr.Steve Blank) กูรูสตาร์ทอัพระดับโลก  ผู้ให้คำนิยาม Startup คนแรกในโลก นายธีรนันท์ ศรีหงส์ ประธานคณะกรรมการกำกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล  ประธานในพิธี

สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) เปิดตัว “สถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น หรือ “Digital Startup Institute” อย่างเป็นทางการ ประกาศความพร้อมส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น หรือ Startup ให้เติบโตสู่ตลาดโลกแบบก้าวกระโดด โดยเชิญ “สตีฟ แบลงค์” กูรูสตาร์ทอัพระดับโลก ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและประสบการณ์ระดับสากล พร้อมจัดเสวนาที่มุ่งสร้างนิเวศสตาร์ทอัพ จาก สตาร์ทอัพระดับแม่เหล็กของไทย ณ อาคารลาดพร้าว ฮิลล์

Page 7 of 7
X

Right Click

No right click