×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 10974

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 813

(ในภาพจากซ้ายไปขวา : 1.นางสาวนริสสา ลิมปนาทร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ซิลิงโก้ ประเทศไทย จำกัด 2.นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีวี ไดเร็ค 3.นางพิทยา วรปัญญาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร – ธุรกิจบัตรเครดิต เคทีซี 4.นางสาวธนิดา ซุยวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด 5.นางจุรีรัตน์ ก้องเกียรติวงศ์ หัวหน้าสายงานดิจิทัล แผนกเครื่องสำอางชั้นสูง บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด 6.นางสาวกีรติ โรจนกีรติกานต์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท พอลพ่า บาย ดามาคัน จำกัด)

 

“เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ร่วมกับ 5 พันธมิตรธุรกิจออนไลน์ “ลาซาด้า” “ทีวี ไดเร็ค” “ซิลิงโก้” “ลอรีอัล ไทยแลนด์” และ “พอลพ่า บาย ดามาคัน” จัดงานเสวนาปันความรู้เพื่อร่วมสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืนKTC FIT Talks” ครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นงานเสวนาเพื่อร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ความรู้และเสริมสร้างความเข้าใจในเรื่องต่างๆ กับสังคมสาธารณะ โดยหัวข้อเสวนาจะปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์และกระแสความสนใจของสังคมในช่วงเวลานั้นๆ ภายใต้กรอบหัวข้อที่เกี่ยวกับการเงิน (Finance) นวัตกรรม (Innovation) และเทคโนโลยี (Technology)

โดยในครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “เจาะลึกธุรกิจอีคอมเมิร์ซและช้อปปิ้งออนไลน์ ทางออกเศรษฐกิจไทยยุคดิจิทัล” เผยมุมมองและกลยุทธ์การปรับตัวของอีมาร์เก็ตเพลสและธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ท่ามกลางกระแสดิจิทัล ดิสรัปชั่นที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง เพื่อร่วมขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เทรนด์ธุรกิจออนไลน์และทีวี ช้อปปิ้ง ในปี 2562 รวมทั้งโอกาสและความท้าทายของสตาร์ทอัพในการเข้ามาทำธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ ชี้ช้อปออนไลน์ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด พร้อมแนะนำการใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างไรมีแต่ได้กับได้ ณ ห้องประชุมใหญ่ “เคทีซี” ชั้น 14 อาคารสมัชชาวาณิช 2 พร้อมถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊คไลฟ์ (Facebook Live) ทางเพจ #KTC CSR Club

หลังการเปิดตัว กุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ชี้แจงภารกิจปี 2561 ทันทีที่เข้ารับตำแหน่ง ประกาศภารกิจสำคัญ 3 ด้านที่ต้องเร่งดำเนินการ

 “ในฐานะที่เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าคนใหม่ ซึ่งเป็นอธิบดีของกรมฯ ในลำดับที่ 27 ภารกิจสำคัญที่เป็นเป้าหมายหลักที่จะต้องเร่งดำเนินงานในปี 2561 นี้ จะสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์กระทรวงพาณิชย์ โดยแบ่งออกเป็น 3 ด้าน คือ 

1.เน้นการสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการ SMEs และเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้สามารถแข่งขันได้

ถือเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จะเน้นการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของ SMEs และเศรษฐกิจฐานรากของ    ประเทศให้สามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มธุรกิจรุ่นใหม่ สมาชิกเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club, OTOP ผู้ประกอบการชุมชน, วิสาหกิจเพื่อสังคม เน้นการบริหารจัดการ การส่งเสริมให้เข้าสู่ตลาด และดำเนินธุรกิจอย่างมีระบบยิ่งขึ้น

            - เน้นการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบธุรกิจสู่การเป็น Smart Enterprises เสริมสร้างแนวคิดและทักษะของผู้ประกอบธุรกิจที่ดี  มีความเป็นมืออาชีพสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมให้สอดคล้องกับความความต้องการของตลาด

  - พัฒนาช่องทางการตลาดออนไลน์ (Offline to Online) เพื่อเป็นช่องทางในการกระจายสินค้าให้ผู้บริโภค สามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างสะดวก เช่น การนำเสนอผลิตภัณฑ์ การจัดทำบรรจุภัณฑ์สำหรับการค้าออนไลน์ การบริหารจัดการร้านค้าออนไลน์ และส่งเสริมธุรกิจ e-Commerce เพิ่มโอกาสทางการค้าและขยายตลาดให้ทันต่อเศรษฐกิจยุคดิจิทัล และเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือ

            - สร้างมาตรฐานและโอกาสทางการตลาดให้แก่ธุรกิจบริการ อาทิ ธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจบริการสุขภาพ ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ เป็นต้น ตลอดจนสร้างโอกาสด้านอาชีพเพื่อก่อให้เกิดการสร้างรายได้ของชุมชนจากงานบริการ เช่น งานช่างประเภทต่างๆ งานให้บริการหัวหน้าแม่บ้าน เป็นต้น

            - ยกระดับและพัฒนาส่งเสริมร้านค้าปลีกในชุมชนให้มีระบบบริหารจัดการร้านค้าที่มีประสิทธิภาพ     ลดต้นทุนทางการค้า เพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยนำระบบเทคโนโลยีมาใช้ โดยจะต่อยอดโครงการ      โชวห่วยไฮบริดเชื่อมกับ e-Commerce, Counter Service ไปรษณีย์ไทย รวมทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ (Local Economy) โดยจะพัฒนาร้านค้าชุมชนให้เกิดการแข่งขันได้มีแหล่งรับซื้อสินค้าชุมชนในภูมิภาคระหว่างภูมิภาค เพื่อพัฒนาสร้างเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

2.พัฒนาระบบการให้บริการอำนวยความสะดวกทางธุรกิจ โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เน้นคุณภาพมากขึ้น

รวมทั้ง เชื่อมต่อฐานข้อมูลธุรกิจของกรมฯ กับฐานข้อมูลของหน่วยงานราชการอื่นๆ เพื่อให้เป็นคลังข้อมูลธุรกิจขนาดใหญ่ (Big Data) ของประเทศ อาทิ การเริ่มต้นธุรกิจที่ง่าย สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น ลดขั้นตอนการเริ่มต้นของธุรกิจโดยรวมขั้นตอนการจดทะเบียนให้เหลือเพียง 1 ขั้นตอน

ซึ่งจากระบบเดิมจะมีขั้นตอนที่ 1 จองชื่อ ขั้นตอนที่ 2 จดทะเบียนบริษัท โดยระบบใหม่จะรวมขั้น 1 + 2 ให้เหลือเพียงขั้นตอนเดียว โดยรวมขั้นตอนการจองชื่อนิติบุคคลและการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Registration) ให้อยู่ในขั้นตอน/หน้าเดียวกัน ซึ่งการพัฒนาบริการในส่วนนี้จะสอดคล้องกับเกณฑ์การจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลกที่เน้นการบริการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพ เพิ่มช่องทางการจองชื่อนิติบุคคลผ่าน Mobile Application

            - พัฒนาการขอหนังสือรับรองนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไฟล์ ทำคำขอผ่าน Smart Phone เพื่อขอหนังสือรับรองได้ทุกที่ทุกเวลา นอกเหนือจากการขอหนังสือรับรองฯ ผ่านธนาคาร

            - การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพคลังข้อมูลธุรกิจของกรมฯ สู่การเป็น Business Intelligence โดยการให้บริการค้นหาข้อมูลและจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ให้สามารถติดต่อทางธุรกิจได้โดยง่าย เพิ่มข้อมูลการติดต่อผ่าน e-Mail จากเดิมที่มีเพียงเบอร์โทรศัพท์/โทรสารเท่านั้น

             - สามารถวิเคราะห์แนวโน้นทางธุรกิจ การพยากรณ์ผลการประกอบธุรกิจจากอัตราส่วนทางการเงินและงบการเงินเพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถพิจารณาข้อมูลเชิงลึก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกรวดเร็ว เพื่อประกอบการตัดสินใจในเชิงธุรกิจ และจะใช้ข้อมูลธุรกิจที่กรมมีอยู่ตั้งเป็นศูนย์กลางคลังข้อมูลธุรกิจเชื่อมโยงข้อมูลธุรกิจกับหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่อให้เป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของประเทศหรือ Big Data ต่อไป

3. ส่งเสริมและสร้างมาตรฐานด้านธรรมาภิบาลแก่ภาคธุรกิจสร้างความเชื่อมั่นให้คู่ค้า(Business Governance)

โดยจะเน้นทั้งมาตรการป้องปรามและมาตรการส่งเสริม ได้แก่ การตรวจสอบแนะนำการปฎิบัติตามกฎหมายเพื่อกำกับดูแลให้ภาคธุรกิจปฎิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง ติดตามควบคุมธุรกิจกลุ่มเสี่ยง เช่น นิติบุคคลไทยที่มีคนต่างด้าวถือหุ้น (นอมินี) การส่งเสริมให้ธุรกิจนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการประกอบธุรกิจมากขึ้น

            - จะมีการยกระดับธุรกิจตามเกณฑ์มาตรฐานที่กรมฯ จัดทำขึ้นซึ่งอิงตามเกณฑ์มาตรฐานสากล

            - จัดให้มีธุรกิจต้นแบบและประกวดธุรกิจที่มีธรรมาภิบาลดีเด่นในระดับจังหวัดและระดับประเทศ

            - จะใช้ระบบบัญชีมาตรฐานเข้ามาช่วยสร้างธรรมาภิบาลให้แก่ภาคธุรกิจ (สามารถจัดทำบัญชีผ่านทาง Application หรือ ทางออนไลน์) และจัดทำระบบ e-Accountiog เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถจัดทำรายรับรายจ่าย และงบแสดงฐานะการเงินได้โดยง่าย สามารถนำส่งงบการเงินประจำปีได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งจะทำให้ SMEs มีการจัดทำบัญชีที่ถูกต้อง สามารถประเมินสภาพคล่องทางการเงิน และสามารถดำเนินงานได้

            นอกจากนี้ การบริหารงานภายในกรมฯ จะมีการดำเนินงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและยุทธศาสตร์กระทรวงพาณิชย์ สร้างบรรยายการทำงานในลักษณะ Team Work บูรณาการการทำงานด้วยความเกื้อกูลและสนับสนุนซึ้งกันและกัน เดินหน้าสู่ DBD 4.0 ที่จะรักษาไว้ซึ่งต้นสายปลายทางธุรกิจ ที่ขับเคลื่อนด้วย “ยิ้มแย้ม โปร่งใส ใส่ใจบริการ” 

ภาพ : DIP

Page 2 of 2
X

Right Click

No right click