December 05, 2025

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ แกร็บ ประเทศไทย ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วย การนำโซลูชัน GrabForBusiness มาใช้ในการจองบริการรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน Grab แอปเรียกรถ เพื่อเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ กฟภ. ในการเดินทางในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยยกระดับการปฏิบัติงานของ กฟภ. ให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ผ่านระบบออนไลน์ทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนช่วยยกระดับความปลอดภัยในการเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ด้วยบริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่มีเทคโนโลยีและมาตรฐานด้านความปลอดภัยในระดับสากล

นายจักรี กิจบัญชา รองผู้ว่าการโลจิสติกส์และบริการองค์กร การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า “การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ แกร็บ ในการทดลองเปลี่ยนมาใช้ระบบเรียกรถแบบ On-Demand ภายในองค์กร จากเดิมที่ใช้ระบบเช่ารถพร้อมพนักงานขับ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรายเดือนทั้งค่าจ้าง และค่าเชื้อเพลิงที่ค่อนข้างสูง รวมถึงไม่สอดคล้องกับรูปแบบการใช้งานจริงที่มักเกิดขึ้นรายวัน การมีทางเลือกบริการของแกร็บนอกจากจะช่วยให้การเดินทางมีความยืดหยุ่น ยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้เป็นระบบมากขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยยกระดับการทำงานในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างความโปร่งใส่ในองค์กร โดยเราให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องการปฏิบัติงานตามหลักธรรมาภิบาล พร้อมมุ่งเน้นส่งเสริมให้ผู้บริหาร และพนักงานปฏิบัติงานด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้มาโดยตลอด โดย การจับมือกับแกร็บในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญขององค์กรภาครัฐในการนำแพลตฟอร์มดิจิทัล มาใช้ในการเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้กับเจ้าหน้าที่ และช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างเป็นระบบยิ่งขึ้น ตอกย้ำเป้าหมายสู่การเป็นองค์กรที่โปร่งใส”

นางสาวปุณณดา เหลืองอร่าม รองผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจองค์กรและงานโฆษณา แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 12 ปีในประเทศไทย บริการของแกร็บได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้คนในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น บริการเรียกรถ บริการสั่งอาหาร-ของใช้ และส่งพัสดุ ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้บริการทั่วไป แต่ยังได้รับความนิยมในกลุ่มลูกค้าในองค์กรด้วย ดังนั้น แกร็บจึงได้ริเริ่มและพัฒนา GrabForBusiness ซึ่งเป็นโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานให้กับลูกค้าองค์กร ไม่ว่าจะเป็น การช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น การลดงานเอกสารและลดภาระในการสำรองจ่ายเงินของพนักงาน และการนำเสนอบริการของแกร็บที่มีมาตรฐานทั้งในด้านคุณภาพและความปลอดภัย ทั้งนี้ แกร็บ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสร่วมมือกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยส่งเสริมการทำงานของภาครัฐ เพื่อให้สามารถวางแผนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังสามารถตรวจสอบข้อมูลการใช้งานได้อย่างละเอียด ซึ่งช่วยสร้างความโปร่งใสและป้องกันการทุจริตที่อาจเกิดขึ้นได้ในองค์กร”

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ.

ซันโกรว์ (Sungrow) ซัพพลายเออร์ชั้นนำระดับโลกด้านอินเวอร์เตอร์และระบบกักเก็บพลังงาน

ซันโกรว์ (Sungrow) ซัพพลายเออร์ชั้นนำระดับโลกด้านอินเวอร์เตอร์และระบบกักเก็บพลังงาน และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานและไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้กำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด เพื่อสร้างหลักประกันถึงความปลอดภัยและเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าทั่วไทย ทั้งยังนำพาตลาดของไทยไปแสวงหาโอกาสทางนวัตกรรมใหม่ ๆ การลงนามในบันทึกความเข้าใจกับซันโกรว์จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีพื้นที่ในการสร้างความร่วมมือที่หลากหลายและลึกซึ้งมากขึ้น ทั้งในด้านการกักเก็บพลังงาน ไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตราสารหนี้สีเขียว และบล็อกเชน ความร่วมมืออย่างลึกซึ้งครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของทั้ง 2 ฝ่ายที่ต้องการร่วมกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำสำหรับประเทศไทย รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ความร่วมมือที่เกิดขึ้นยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความต้องการด้านพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น เช่น ระบบกักเก็บพลังงานและไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงออกถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่พร้อมเดินหน้าบรรลุเป้าหมายสิ่งแวดล้อมคาร์บอนต่ำในประเทศไทย สำหรับการลงนามใน MOU ครั้งนี้ ซันโกรว์จะใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ในการคิดค้นและบ่มเพาะโครงการวิจัยร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยกับอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้

ซันโกรว์ยกให้ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญ และได้ติดตั้งอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 1 กิกะวัตต์ รวมถึงระบบกักเก็บพลังงานกว่า 140 เมกะวัตต์-ชั่วโมงในไทย อินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงานชั้นนำของอุตสาหกรรมนี้ ได้รับการนำไปใช้ในโครงการ RE ที่สำคัญมากมาย ซึ่งเร่งให้คนไทยหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนกันรวดเร็วกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ณ เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ หรือใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซันโกรว์และซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (Super Energy) ยังเคยร่วมงานกันในปี 2564 กับหนึ่งในโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขนาด 136.24 เมกะวัตต์ชั่วโมง ล่าสุดนั้น ทางบริษัทยังได้จัดหาโครงการกักเก็บพลังงานขนาด 6.19 เมกะวัตต์ชั่วโมงให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย

คุณสตีเวน จู (Steven Zhu) ผู้จัดการประจำประเทศของซันโกรว์ ไทยแลนด์ (Sungrow Thailand) กล่าวว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับกฟภ. และร่วมกันสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ด้วยการวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกัน ซันโกรว์วางกลยุทธ์ในตลาดไทยมาหลายปี และเดินหน้าพัฒนา RE ของไทยอย่างต่อเนื่องด้วยโซลูชันขั้นสูง เรามั่นใจว่าจะสานต่อการเดินหน้าด้านนวัตกรรม เพื่อเร่งการพัฒนา RE ของประเทศไทยต่อไป"

นายสมปอง ดำรงอ่องตระกูล รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.) กล่าวว่า "ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังจับกระแสการใช้งานแผงโซลาร์เซลล์ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Solar PV + BESS) และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ซันโกรว์มีชื่อเสียงในด้านนวัตกรรมที่สอดคล้องกัน รวมถึงจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิก นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จในโครงการ RE ที่สำคัญในท้องถิ่น เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับซันโกรว์ และได้มีส่วนร่วมในการช่วยให้ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าถึงสภาพแวดล้อมที่มีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์"

 

X

Right Click

No right click