และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.) ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านธุรกิจระบบกักเก็บพลังงานและไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นผู้กำหนดมาตรฐานทางเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุด เพื่อสร้างหลักประกันถึงความปลอดภัยและเสถียรภาพของโครงข่ายไฟฟ้าทั่วไทย ทั้งยังนำพาตลาดของไทยไปแสวงหาโอกาสทางนวัตกรรมใหม่ ๆ การลงนามในบันทึกความเข้าใจกับซันโกรว์จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมีพื้นที่ในการสร้างความร่วมมือที่หลากหลายและลึกซึ้งมากขึ้น ทั้งในด้านการกักเก็บพลังงาน ไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตราสารหนี้สีเขียว และบล็อกเชน ความร่วมมืออย่างลึกซึ้งครั้งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของทั้ง 2 ฝ่ายที่ต้องการร่วมกันสร้างสังคมคาร์บอนต่ำสำหรับประเทศไทย รวมถึงการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ความร่วมมือที่เกิดขึ้นยังเป็นการส่งสัญญาณถึงความต้องการด้านพลังงานหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น เช่น ระบบกักเก็บพลังงานและไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังเป็นการแสดงออกถึงความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่พร้อมเดินหน้าบรรลุเป้าหมายสิ่งแวดล้อมคาร์บอนต่ำในประเทศไทย สำหรับการลงนามใน MOU ครั้งนี้ ซันโกรว์จะใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่ในการคิดค้นและบ่มเพาะโครงการวิจัยร่วมระหว่างมหาวิทยาลัยกับอุตสาหกรรมในอนาคตอันใกล้
ซันโกรว์ยกให้ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญ และได้ติดตั้งอินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกว่า 1 กิกะวัตต์ รวมถึงระบบกักเก็บพลังงานกว่า 140 เมกะวัตต์-ชั่วโมงในไทย อินเวอร์เตอร์พลังงานแสงอาทิตย์และระบบกักเก็บพลังงานชั้นนำของอุตสาหกรรมนี้ ได้รับการนำไปใช้ในโครงการ RE ที่สำคัญมากมาย ซึ่งเร่งให้คนไทยหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนกันรวดเร็วกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ณ เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ หรือใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซันโกรว์และซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี (Super Energy) ยังเคยร่วมงานกันในปี 2564 กับหนึ่งในโครงการระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขนาด 136.24 เมกะวัตต์ชั่วโมง ล่าสุดนั้น ทางบริษัทยังได้จัดหาโครงการกักเก็บพลังงานขนาด 6.19 เมกะวัตต์ชั่วโมงให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย
คุณสตีเวน จู (Steven Zhu) ผู้จัดการประจำประเทศของซันโกรว์ ไทยแลนด์ (Sungrow Thailand) กล่าวว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับกฟภ. และร่วมกันสำรวจโอกาสใหม่ ๆ ด้วยการวิจัยและสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกัน ซันโกรว์วางกลยุทธ์ในตลาดไทยมาหลายปี และเดินหน้าพัฒนา RE ของไทยอย่างต่อเนื่องด้วยโซลูชันขั้นสูง เรามั่นใจว่าจะสานต่อการเดินหน้าด้านนวัตกรรม เพื่อเร่งการพัฒนา RE ของประเทศไทยต่อไป"
นายสมปอง ดำรงอ่องตระกูล รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย (กฟภ.) กล่าวว่า "ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังจับกระแสการใช้งานแผงโซลาร์เซลล์ร่วมกับระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Solar PV + BESS) และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เพิ่มเติมด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ซันโกรว์มีชื่อเสียงในด้านนวัตกรรมที่สอดคล้องกัน รวมถึงจิตวิญญาณแห่งการบุกเบิก นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จในโครงการ RE ที่สำคัญในท้องถิ่น เรารู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับซันโกรว์ และได้มีส่วนร่วมในการช่วยให้ประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าถึงสภาพแวดล้อมที่มีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์"