February 16, 2025

เปิดมุมมองการบริหารของหัวเรือใหญ่แห่ง มูลนิธิรามาธิบดี ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี กับการดำเนินงานเพื่อสานต่อพันธกิจแห่ง ‘การให้’ ที่ทำให้องค์กรมีแผนการปฏิบัติงานที่ยืดหยุ่นพร้อมปรับตัวให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในทุกยุคสมัยและเข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้เสมอ มุ่งสู่การให้ที่สร้างความยั่งยืนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมก้าวสู่การเป็นแนวหน้าในการพัฒนาระบบสาธารณสุขไทยให้มีความก้าวหน้าทางด้านศักยภาพของการรักษาพยาบาลอย่างยั่งยืน

คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยึดมั่นในพันธกิจเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีในทุกมิติมาโดยตลอด โดยให้ความสำคัญกับการมองหาโอกาสในการสื่อสารเพื่อเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันและเส้นทางที่กลุ่มเป้าหมายสามารถพบเจอได้ ผ่านการวิเคราะห์พฤติกรรมและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายเพื่อพัฒนาแคมเปญสร้างสรรค์ที่เข้าถึงกลุ่มคนทุกเจเนอเรชั่นอยู่เสมอ พร้อมสร้างระบบที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในยุคดิจิทัล โดยในปี พ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิฯ ตั้งใจเพิ่มแนวทางการบริจาคที่สร้างสรรค์เพื่อให้ทุกคนสามารถเป็น ‘ผู้ให้’ ได้ง่ายยิ่งขึ้น ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมของการบริจาคที่มักจะมาพร้อมกับความตั้งใจในการทำบุญเท่านั้น มูลนิธิฯ จึงผสาน ‘การให้’ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนด้วยการเชื่อมโยงกิจกรรมที่สร้างความสุข ความสนุนสนาน และโอกาสในการทำบุญเข้าไว้ด้วยกัน เช่น ความร่วมมือกับบริษัทเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เปิดโอกาสให้ผู้ชมสามารถสนุกไปกับละครเวทีและมีส่วนร่วมในการเป็น ‘ผู้ให้’ ในเวลาเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนแคมเปญที่สื่อสารอย่างสร้างสรรค์ พร้อมส่งต่อเนื้อหาที่สร้างการรับรู้ถึงความจำเป็นในการเปิดรับบริจาคทุนทรัพย์ไปสู่ประชาชนหลากหลายช่วงวัย พร้อมสร้างความตระหนักถึงผลลัพธ์แห่งการบริจาคที่สามารถเปลี่ยนแปลงสังคมได้ เชื่อว่า ‘การให้’ นั้นทำให้เกิดความสุข และ ‘การให้’ สุขภาพที่ดีแก่ผู้คนจะส่งเสริมให้เกิด ‘ความสุขที่ยั่งยืนแก่ทุกคน’”

สำหรับโครงการที่มูลนิธิรามาธิบดีฯ ให้ความสำคัญในปีนี้ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพในการรักษาพยาบาลผ่านเทคโนโลยีและทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ พร้อมส่งเสริมการบูรณาการทางการแพทย์สำหรับการวิจัยโรคซับซ้อน สู่การเป็นต้นแบบการรักษาในอนาคต เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ในการดูแลสุขภาพประชาชน โครงการนี้คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการประชาชนในปี 2573

โครงการศูนย์การแพทย์รามาธิบดีศรีอยุธยา ศูนย์การแพทย์ที่ก่อตั้งบนพื้นที่ย่านพญาไท โดยมีที่มาจากมูลนิธิรามาธิบดีฯ ที่เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างเงินทุนหมุนเวียนกลับมาสนับสนุนการดำเนินงานของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคมอย่างยั่งยืน โดยเน้นการให้บริการทางการแพทย์ที่ดูแลร่างกายและจิตใจในเชิงป้องกันเพื่อให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพในทุกช่วงวัย ด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีการแพทย์ที่ทันสมัย ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในปลายปี 2568

โครงการผู้ป่วยยากไร้ มีวัตถุประสงค์เพื่อระดมเงินบริจาคมาสนับสนุนผู้ป่วยที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ในการรักษาพยาบาลให้ได้เข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ โครงการนี้ถือเป็นโครงการที่ผู้บริจาคให้การช่วยเหลือมากที่สุดอย่างต่อเนื่องทุกปี

นอกจากนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยังให้ความสำคัญกับการสื่อสารถึง ‘ผลลัพธ์จากการให้’ ที่จับต้องได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้บริจาคและสะท้อนความโปร่งใสในการดำเนินงาน โดยเฉพาะการจัดสรรทุนทรัพย์จากการบริจาคของประชาชนเพื่อสร้างสาธารณประโยชน์อย่างแท้จริง เช่น การสนับสนุนงบประมาณการบริหารจัดการ การจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ การซ่อมแซมและบำรุงระบบในอาคารสถานที่ของโรงพยาบาลรามาธิบดี รวมถึงสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ โดยเฉพาะอาคารกายวิภาคทางคลินิก (Clinical Anatomy Building) ผ่านการจัดซื้อเครื่องมือการเรียนการสอนที่เป็นสากล เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาแพทย์ได้เรียนรู้กายวิภาคผ่านเทคโนโลยีสามมิติที่ล้ำสมัย เอื้อต่อการเรียนรู้และทบทวนบทเรียน ควบคู่ไปกับการศึกษาจากร่างอาจารย์ใหญ่ เพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่เต็มเปี่ยมด้วยความสามารถและความเชี่ยวชาญเข้าสู่ระบบสาธารณสุขไทย

นอกจากนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ พัฒนาช่องทางการสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่มคนที่หลากหลาย ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะ TikTok ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นช่องทางสนับสนุนของที่ระลึกและมอบความสุขที่เกิดจาก ‘การให้’ โดยเน้นสร้างเนื้อหาที่เข้ากับยุคสมัย ดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้ได้รู้จักกับมูลนิธิฯ แม้จะยังไม่เคยมีประสบการณ์ตรงกับโรงพยาบาล

สำหรับภาพรวมในการสร้างสรรค์สินค้าของที่ระลึกการกุศลในปี 2567 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะความร่วมมือกับ ‘CryBaby’ ศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงในตลาดสากล และในปี 2568 นี้ มูลนิธิฯ จะสานต่อความตั้งใจในการสนับสนุนวงการงานอาร์ตของไทยอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายโอกาสไปสู่กลุ่มนักออกแบบหน้าใหม่เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับแสดงศักยภาพไปสู่สายตาคนไทยมากขึ้น นอกจากนี้ ความท้าทายจากการติดต่อลิขสิทธิ์ต่างประเทศที่มีฐานแฟนคลับขนาดใหญ่หลากหลายช่วงวัย เช่น Hello Kitty, Sesame Street, Peanuts และ Peter Rabbit โดยคอลเล็กชั่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ คือ เจ้าชายน้อย (The Little Prince)

มูลนิธิรามาธิบดีฯ จะยังคงมุ่งมั่นสานต่อบทบาทของ ‘สะพานแห่งการให้’ โดยให้ความสำคัญกับการสนับสนุนด้านการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของระบบสาธารณสุขในประเทศไทยอย่างยั่งยืน พร้อมเพิ่มโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ด้วยการปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยอยู่เสมอ พร้อมสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ ควบคู่กับการถ่ายทอด ‘ผลลัพธ์จากการให้’ อย่างต่อเนื่องไปสู่กลุ่มผู้บริจาคในทุกเจเนอเรชั่น เพื่อให้กลุ่มผู้บริจาคมีความรู้สึกร่วมของการเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมาย สู่การสร้างสังคมแห่ง ‘การให้’ ที่สามารถสร้างและส่งต่อสาธารณประโยชน์ต่อไปได้อย่างไม่สิ้นสุด

 

มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สานต่อภารกิจแห่ง ‘การให้’ ที่มอบความสุขได้อย่างไม่สิ้นสุด จับมือ ‘Bacon Time’ สโมสรอีสปอร์ตแถวหน้าของประเทศไทย ส่งทีมนักกีฬาอีสปอร์ตแบบจัดเต็มมาโชว์ฟอร์มรูปแบบใหม่กับการสตรีมการกุศล ร่วมกับ คุณหมอจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมชวนสาวกเกมเมอร์  ร่วมบริจาคเงินให้โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อเพิ่มพื้นที่ บวกความหวังให้ประชาชนไทยเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม  

สำหรับคนไทยการเล่นเกมเป็นหนึ่งในรูปแบบของความบันเทิงที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในกลุ่มคนเจเนอเรชั่นใหม่ ด้านอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตมีแนวโน้มเติบโตและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง นอกจากเกมจะสร้าง ความสนุกสนานและประสบการณใหม่บนโลกออนไลน์ เกมยังกลายมาเป็นโอกาสในการก้าวสู่อาชีพทางเลือกบนโลก ความเป็นจริง ตั้งแต่อาชีพเกมสตรีมเมอร์ (Game Streamer) ไปจนถึงนักกีฬาอีสปอร์ต (E-sports Player) และอาจกล่าวได้ว่าเกมเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทย ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของประชากร เจเนอเรชั่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่กำลังก้าวเข้ามาเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญของการพัฒนาและสร้าง การเปลี่ยนแปลงในอนาคต มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงมองหาโอกาสในการสร้างสรรค์โครงการรูปแบบใหม่เพื่อเข้าถึงกลุ่มคน เจเนอเรชั่นใหม่อยู่เสมอ  

ในปีที่ผ่านมา มูลนิธิรามาธิบดีฯ ประสบความสำเร็จจากการเปิดมิติใหม่ของ ‘การให้’ ผ่านโครงการพิเศษ Rama X Gamers “Fun For Fund” การสตรีมเกมเพื่อการกุศลร่วมกับกลุ่มเกมเมอร์ชื่อดังของไทย และในปีนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงขยายความร่วมมือกับสโมสรอีสปอร์ตขวัญใจแฟนเกมชาวไทย ‘Bacon Time’ เพื่อต่อยอดโครงการในซีซั่น 2 ด้วยกิจกรรม ‘BAC Clinic #เบคคลินิก’ สตรีมการกุศลที่จะเปลี่ยนนักกีฬาอีสปอร์ต ‘สายบวก’ มาส่ง ‘พลัง +1’ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีร่วมกันกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยการเล่นเกมโชว์พร้อมเปิดช่วงให้แฟนเกมเข้ามารับคำปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับการเล่นเกม โดยมีบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี รับหน้าที่ ‘หมอ (กาย)’ และ ‘หมอ (ใจ)’ ร่วมให้คำปรึกษาด้านผลกระทบทางกายและจิตใจที่เกิดจากการเล่นเกม พร้อมให้แนวทางการรับมือเพื่อไขทุกปัญหาควบคู่ไปกับการเสริมสร้างสุขภาวะทางจิตใจที่ดี เพราะมูลนิธิรามาธิบดีฯ ตระหนักถึงปัญหาความเปราะบางของสภาวะทางจิตใจที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องเผชิญ  

 

คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยึดมั่นในบทบาท ‘สะพานแห่งการให้’ มาตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษเพื่อเป็นที่พึ่งให้คนไทยเสมอมา ในปีนี้ มูลนิธิฯ สานต่อโครงการ Rama X Gamers “Fun For Fund”+1 ซีซั่น 2 #RamaFunforFund ผ่านความร่วมมือกับสโมสรอีสปอร์ต ‘Bacon Time’ #RamaxBaconTime ตั้งเป้าหมายประชาสัมพันธ์การระดมทุนโครงการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ไปยังกลุ่มคนเจเนอเรชั่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มแฟนเกมที่ชื่นชอบในกีฬาอีสปอร์ต พร้อมส่งเสริมให้ผู้เล่นได้สนุกสนานและเพลิดเพลินไปพร้อมกับนักกีฬา ควบคู่ไปกับการสร้างเสริมความรอบรู้เรื่องสุขภาพ (Health Literacy) และสุขภาวะที่ดีทางจิตใจ ซึ่งสอดคล้องไปกับพันธกิจหลักของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในการสร้างสุขภาพที่ดีของคนไทยอย่างยั่งยืน โดย การระดมทุนโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพื้นที่ เพิ่มโอกาสให้ประชาชนไทยทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้อย่างทัดเทียมและทั่วถึง”  

 

คุณสุรศักดิ์ วินิจ Co-Founder และ Vice Present of Talents บริษัท Ampverse Digital กล่าวว่า “ทีมเบคอนไทม์ สโมสรกีฬาอีสปอร์ตชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้สังกัดแอมป์เวิร์ส (Ampverse) บริษัทผู้ให้บริการด้านธุรกิจเกมมิงและอีสปอร์ตครบวงจรระดับโลก เบคอนไทม์ #ทีมBaconTime มีความยินดีที่จะร่วมเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมเกมที่ขับเคลื่อนโครงการ Rama X Gamers “Fun For Fund”+1 ซีซั่น 2 #RamaxBaconTime เพื่อระดมทุนสร้างโรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งใหม่ โดยส่งนักกีฬาอีสปอร์ตแบบฟลูทีมมาจัดสตรีมการกุศล ‘BAC Clinic #เบคคลินิก’ ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อมอบความสุขและความสนุกให้แฟนคลับได้อิ่มอกอิ่มใจและอิ่มบุญไปพร้อมกัน ตอกย้ำจุดยืนของเบคอนไทม์กับการเป็นแบรนด์อีสปอร์ต-เอนเตอร์เทนเมนต์ ที่ไม่เพียงนำเสนอเนื้อหา การแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตเท่านั้น แต่นำเสนอเนื้อหาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและสร้างสรรค์ พร้อมเปิดโอกาสให้แฟนคลับเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งที่ดีสู่สังคมร่วมกัน เบคอนไทม์จะยังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมคอมมูนิตี้เกมให้เป็นพื้นที่ของการเล่นเกมที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความสร้างสรรค์ และเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน”  

 

ภายในงานแถลงข่าวมีการสาธิตรูปแบบกิจกรรมการระดมทุนในปีนี้ นำโดยนักกีฬาอีสปอร์ต หมูหวาน-เมธาสิทธิ์,  
กายหงิด-วิรัชสัณห์, เต๋าเอ็ก-วรสิทธิ์, คิมเซนเซย์-ศิชฌนะ, เต้-พสุ และ มาร์คกี้-เจษฏาพันธ์ พร้อมด้วย ‘หมอ (กาย)’ ที่จะมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาทางร่างกาย นพ. ณัฐภัทร ศรีสุวัฒน์ แพทย์ด้านเวชศาสตร์การกีฬา ภาควิชาศัลยกรรมผ่าตัดกระดูกและข้อ และ ‘หมอ (ใจ)’ ที่จะมาให้คำปรึกษาด้านจิตใจ อ.พญ. พิชชาภัสร์ ชินณะราศรี อาจารย์จิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมชวนแคสต์เกมติดตามกิจกรรม ‘BAC Clinic #เบคคลินิก’ ในวันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 ติดจอรอชมไลฟ์ได้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. และร่วมบริจาคให้กับโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีสู่สังคมร่วมกัน สามารถติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ยูทูป www.youtube.com/@RamaFoundationTH และ https://www.youtube.com/@BaconTime  

 โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี จะทำหน้าที่ครอบคลุมใน 3 มิติ ได้แก่ 1) โรงพยาบาลเพื่อให้บริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ 2) โรงเรียนแพทย์เพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้าสู่ระบบสาธารณสุขไทย และ 3) ศูนย์ศึกษาวิจัยเพื่อต่อยอดแนวทางในการรักษารูปแบบใหม่รวมถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงต้นปี พ.ศ. 2567 และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการประชาชนภายในปี พ.ศ. 2573 โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ยังคงขาดงบประมาณสำหรับการก่อสร้างประมาณ 6,000 ล้านบาท และงบประมาณสำหรับการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ได้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ www.ramafoundation.or.th  

ผลักดันการระดมทุนโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี

มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เปิดตัวโครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มุ่งมั่นสนับสนุนการศึกษาแก่คนพิการเพื่อผลิตบัณฑิตกลุ่มวิชาชีพครู หวังยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการในสังคมไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดี สร้างอาชีพ และพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พร้อมร่วมกับ บริษัท ซีเนริโอ จำกัด ชวนผู้ใจบุญ ชมละครเวทีรอบการกุศล “แฟนฉัน เดอะมิวสิคัล” ในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 จัดแสดง ณ เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ รายได้ร่วมสมทบทุนเข้าโครงการทุนสถาบันราชสุดา

สถาบันราชสุดา หรือเดิมทีมีชื่อว่า วิทยาลัยราชสุดา มหาวิทยาลัยมหิดล ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ถือเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำแห่งแรกในประเทศไทย เป็นสถาบันที่ให้การสนับสนุนทางด้านการศึกษา การวิจัย การบริการวิชาการ และศูนย์กลางเครือข่าย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการในประชาคมอาเซียน โดยเปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 นับเป็นเวลากว่า 32 ปีแล้วที่สถาบันแห่งนี้ให้การศึกษาและยกระดับคุณภาพชีวิตคนพิการไทยกว่าหลายพันคน และในปี พ.ศ. 2566 นี้ วิทยาลัยราชสุดาและคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีได้ทำการควบรวมกัน เพื่อร่วมกันทำภารกิจส่งเสริมการศึกษาและสร้างพื้นที่สำหรับคนพิการให้เกิดสังคมแห่งการให้ที่ไม่ทอดทิ้งกัน

 

ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า “เหตุผลสำคัญของการควบรวมวิทยาลัยราชสุดาและคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นโครงการสถาบันราชสุดาแห่งนี้ เพื่อร่วมกันทำภารกิจสำหรับคนพิการให้เกิดสังคมแห่งการให้ที่ไม่ทอดทิ้งกัน สนับสนุนให้เป็นสถาบันต้นแบบในการผลิตและพัฒนาบุคลากรกลุ่มวิชาชีพครูที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการสอนคนพิการที่มีคุณภาพให้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในสังคมไทย และ หวังกระจายครูสอนคนพิการไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อถ่ายทอดความรู้ ส่งเสริมศักยภาพให้คนพิการมีอาชีพที่มั่นคง พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สืบเนื่องจากการควบรวมกันนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงได้มีโอกาสเป็นสะพานบุญแห่งการให้เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายจำเป็นต่าง ๆ ของสถาบันราชสุดา เพื่อให้สถาบันนำไปสานต่อภารกิจต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”

สถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดสอนทั้งหมด 6 หลักสูตร แบ่งเป็น

ระดับปริญญาตรี เปิดสำหรับนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน และนักศึกษาที่มีการได้ยิน

1. หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาหูหนวกศึกษา วิชาเอกการออกแบบเชิงพาณิชย์

2. หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาหูหนวกศึกษา วิชาเอกล่ามภาษามือไทย

3. หลักสูตรศึกษาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาของคนหูหนวก

ระดับปริญญาโท และเอก เปิดสำหรับนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเห็น นักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว นักศึกษาทั่วไป

4. หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

5. หลักสูตรศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการศึกษาสำหรับบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ

6. หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

 

ด้าน อ.นพ.สมเกียรติ ลีละศิธร ผู้อำนวยการ สถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยว่า “กลุ่มนักศึกษาหลักของสถาบันราชสุดาคือกลุ่มคนพิการทางการได้ยิน รวมถึงคนทั่วไปที่สนใจเข้ามาเรียนร่วมในหลักสูตร ศิลปศาสตร์และศึกษาศาสตร์ ที่เมื่อจบไปแล้วสามารถเป็นครูสอนคนพิการ หรือประกอบอาชีพอื่น ๆ ได้ตามศักยภาพ

นับตั้งแต่เปิดสถาบันราชสุดาแห่งนี้ได้ผลิตบัณฑิตไปแล้วกว่า 692 ราย ปัจจุบันมีจำนวนนักศึกษาระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 1 และ 3 ทั้งสิ้น 153 ราย แบ่งเป็น นักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน จำนวน 84 ราย นักศึกษาที่มีการได้ยิน 69 ราย และคาดว่าจะมีผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในปี 2567 จำนวน 54 ราย

ในส่วนของระดับบัณฑิตศึกษา แบ่งเป็นระดับปริญญาโท 49 คน คาดว่าจะเสร็จการศึกษาปี 2566 จำนวน 7 ราย และระดับปริญญาเอก 24 ราย จะสำเร็จการศึกษาปี 2566 จำนวน 8 ราย โดยระดับนี้มีนักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเห็น นักศึกษาที่มีความบกพร่องทางการเคลื่อนไหว รวมถึงนักศึกษาทั่วไป

ปัจจุบันมีคนพิการจำนวนมากที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งสาเหตุเหล่านั้นมีทั้งความไม่พร้อมของสถานศึกษาในการรองรับคนพิการ, สภาพแวดล้อมในครอบครัว, ปัจจัยด้านการเดินทาง รวมถึงสถานะทางการเงิน ปัญหาเหล่านี้จึงยิ่งก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นในสังคมไทย การมีอยู่ของสถาบันราชสุดาจึงถือเป็นเรื่องสำคัญในฐานะสถาบันการศึกษาที่จะช่วยสร้างโอกาสให้คนพิการได้เข้าถึงการศึกษา ผ่านการผลิตบัณฑิต และบัณฑิตเหล่านั้นไปส่งต่อความรู้ให้แก่คนพิการทางการได้ยินต่อไป”

 

นางสาวพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวเสริมว่า “การระดมทุนในครั้งนี้ นับเป็นการให้ที่จะช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคมอย่างแน่นอน เพราะการศึกษานั้นเป็นรากฐานสำคัญของทุกคน ไม่แบ่งแยกด้วยสภาพร่างกาย เพศ อายุ ดังนั้น มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงมีความภูมิใจและดีใจเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการถ่ายทอด พันธกิจของสถาบันราชสุดาไปยังสังคมวงกว้าง และเป็นสะพานแห่งการให้ที่รับน้ำใจของผู้ที่อยากช่วยให้คนพิการได้มีโอกาสทางการศึกษา อันจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการต่อไปในอนาคต และสร้างสรรค์สังคมที่พวกเราทุกคนสามารถได้ใช้ศักยภาพและความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่”

 

“ในการเปิดตัว โครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ครั้งนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ ได้ร่วมมือกับบริษัท ซีเนริโอ จำกัด ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของการ “ให้” โอกาสทางการศึกษาแก่คนพิการในสังคมไทยจัดรอบการแสดงละครเวทีการกุศล “แฟนฉัน เดอะมิวสิคัล” ขึ้นในวันเสาร์ที่ 11 พฤศจิกายน 2566 เวลา 19:30 น. โดยรายได้จากการจำหน่ายบัตรของรอบนี้จะถูกสมทบทุนให้แก่โครงการทุนสถาบันราชสุดา เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการต่อไป อีกทั้งยังได้เชิญชวนตัวแทนนักศึกษาของสถาบันราชสุดามาร่วมชมการแสดงในรอบนี้อีกด้วย” นางสาวพรรณสิรี กล่าว ทิ้งท้าย

 

โครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นับเป็นภารกิจครั้งใหม่ของมูลนิธิรามาธิบดีฯ เพื่อช่วยสร้างพื้นที่แห่งโอกาสทางการศึกษาให้คนพิการ รวมถึงพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมด้านคนพิการ และการให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพและพัฒนาศักยภาพของคนพิการนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของคนพิการในประเทศไทย เพราะการมอบการศึกษาคือหนทางที่จะช่วยสร้างสังคมที่ทุกคนมีคุณค่า ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเท่าเทียมกันในสังคม และเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ในโอกาสนี้จึงขอเชิญชวนประชาชนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับโครงการทุนสถาบันราชสุดา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯwww.ramafoundation.or.th

ภารกิจครั้งใหม่เพื่อมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการผ่านการศึกษา

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click