เอสซีจีกลุ่มชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนได้มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและนักศึกษาระดับปริญญาตรีทั้งสิ้น 270 คน ทำให้ใน 9 ปีที่ผ่านมา

มีผู้ได้รับทุนการศึกษาจากกลุ่มตามโครงการเพื่อสังคมด้านการศึกษาไปแล้วมากกว่า 1,500 คนจำนวน 270 ทุนนี้แบ่งออกเป็นทุนที่มอบให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจำนวน 250 ทุน และเป็นทุนที่มอบให้แก่นิสิตนักศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีจำนวน 20 ทุน

นายรัชต์ยุตม์ เกษมชัยศิริ Country Director เอสซีจี กัมพูชา กล่าวว่าการศึกษานั้นถือเป็นหนึ่งใน 3 ด้านสำคัญที่เอสซีจีมุ่งเน้นในโครงการรับผิดชอบต่อสังคม โดยอีก 2 ด้านคือด้านสุขภาพและด้านสิ่งแวดล้อม

นายรัชต์ยุตม์ เกษมชัยศิริ กล่าวว่า “ที่เอสซีจี เราได้มุ่งมั่นกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทุกคนในประเทศที่เราดำเนินธุรกิจอยู่ และการส่งเสริมด้านการศึกษาเป็นปัจจัยหลักเพื่อบรรลุจุดประสงค์นี้ได้ ดังนั้นเราเชื่อว่าการสนับสนุนเงินทุนจะทำให้นักเรียนทุนฯ สามารถตั้งใจศึกษาได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกังวลเรื่องทุนทรัพย์ และเราหวังว่าโครงการ Sharing the Dream นี้จะช่วยผลักดันให้นักเรียนทุนฯ สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้”

พิธีมอบทุนการศึกษานี้จัดขึ้นโดยมี H.E. Som Rattana ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เยาวชน และกีฬาของกัมพูชา และนายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชาร่วมเป็นประธานในพิธี

H.E. Som Rattana กล่าวว่าเอกชนอย่างเอสซีจีได้มีส่วนสำคัญมากในการส่งเสริมและสนับสนุนรัฐบาลกัมพูชาในด้านการศึกษา

“การมอบทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษาเพื่อช่วยสานฝันให้ทุกคนนั้นสำคัญมาก บางคนอาจมีความฝันต่างๆ แต่ขาดปัจจัยที่จะสานต่อความฝันนั้นๆ ให้เป็นจริงได้ ดังนั้นการช่วยทำให้ฝันของพวกเขาเป็นจริงนั้นจึงสำคัญมากต่อพวกเราทุกคน”

ด้านนายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศกัมพูชาได้กล่าวอวยพรให้นักเรียนทุนฯ ประสบความสำเร็จในการศึกษาด้วยการสนับสนุนจากเอสซีจี

นายชูเกียรติกล่าวว่า “นอกจากการศึกษาจะเป็นประตูสู่โอกาสต่างๆ สำหรับนักเรียน นักศึกษาแล้ว การศึกษายังถือเป็นการรักษาความสงบและความรุ่งเรืองของประเทศด้วย ประเทศกัมพูชาเองเต็มไปด้วยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและศักยภาพ ซึ่งต้องการความเอาใจใส่และจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนอนาคตที่สำคัญของประเทศต่อไป”

นาย Khom Keo นักเรียนทุนฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยวิทยาการสุขภาพ ได้กล่าวแสดงความยินดีหลังจากได้รับทุนสนับสนุนนี้ว่า “ผมมีความสุขมากเพราะว่าโครงการนี้ได้ช่วยสนับสนุนนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่ยากจน และยังคงให้การสนับสนุนต่อในระดับมหาวิทยาลัยด้วย ดังนั้นจึงช่วยให้คนที่ขาดกำลังทรัพย์แต่มีความฝัน ได้สานต่อความฝันและสร้างอนาคตของตนเองได้”

โครงการ SCG Sharing the Dream เริ่มจัดตั้งขึ้นในปีพ.ศ.2557 เป็นโครงการที่มอบทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่มีผลการเรียนดี มีความมุ่งมั่นที่จะศึกษาต่อ และต้องการเงินทุนสนับสนุน รวมทั้งมีความห่วงใย ใส่ใจสังคมและเคารพญาติผู้ใหญ่ด้วย

กระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส และเอสซีจี

เดินหน้า “โครงการวัคซีนเคลื่อนที่คุมความเย็น มั่นใจถึงแขนน้อง”

สร้างความอุ่นใจปลอดภัยจากโควิดให้แก่นักเรียนกว่า 5,000 คน ที่ปทุมธานี

สธ. จับมือ รพ.ในเครือบีดีเอ็มเอส และเอสซีจี เดินหน้าสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีนไฟเซอร์เชิงรุกใน “โครงการวัคซีนเคลื่อนที่คุมความเย็น มั่นใจถึงแขนน้อง” ด้วยระบบการขนส่งที่มีเทคโนโลยี และระบบติดตามการควบคุมอุณหภูมิ 2-8 องศา ตลอดเส้นทาง ช่วยรักษาคุณภาพของวัคซีนไฟเซอร์ พร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์จิตอาสาให้บริการถึงโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนได้รับการฉีดที่สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางมาฉีดในเมือง สร้างความอุ่นใจ ปลอดภัยจากโควิดให้กับน้องๆ เยาวชน ก่อนเปิดเทอม โดยนำร่องฉีดนักเรียนกว่า 5,000 คน ใน5 โรงเรียน อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี

นายแพทย์ ภุชงค์ ไชยชิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี นายแพทย์ เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 สระบุรี นายแพทย์ นิวัติ อินทรวิเชียร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ และนายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ร่วมเยี่ยมชมความพร้อมและให้กำลังใจบุคลากรการแพทย์ใน “โครงการวัคซีนเคลื่อนที่คุมความเย็น มั่นใจถึงแขนน้อง” ณ โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนในพื้นที่นำร่องจังหวัดปทุมธานี

นายแพทย์ เอนก มุ่งอ้อมกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 4 สระบุรี กล่าวว่า “กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายเร่งการกระจายวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด 19 ให้เข้าถึงประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และกลับมาใช้ชีวิตได้เป็นปกติ โดยการฉีดวัคซีนครั้งนี้ เป็นการจัดฉีดวัคซีนถึงในโรงเรียน นักเรียนไม่ต้องเดินทางไปฉีดในเมือง หรือไปฉีดที่โรงพยาบาลลำลูกกา ซึ่งมีพื้นที่จำกัด โดยได้จัดให้บริการแก่นักเรียนกว่า 5,000 คน ใน 5 โรงเรียนขนาดใหญ่ของจังหวัดปทุมธานี ได้แก่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โรงเรียนเทพศิรินทร์คลองสิบสาม โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนมัธยมสังคีตวิทยา และวิทยาลัยเทคโนโลยีช่างฝีมือปัญจวิทยา ซึ่งเริ่มทยอยฉีดตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม เป็นต้นมา ต้องขอขอบคุณภาคเอกชน ทั้งโรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส และเอสซีจี รวมถึงทีมงานสนับสนุนทุกฝ่าย ที่ร่วมกันจัดการฉีดวัคซีนครั้งนี้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมไม้ ร่วมมือ ความเสียสละ และความเชี่ยวชาญ ของทีมแพทย์พยาบาล รวมถึงต้องมีเทคโนโลยีการขนส่ง และการจัดเก็บที่สามารถควบคุมคุณภาพของวัคซีน เพื่อให้เด็กได้รับการฉีดอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว

 

นายแพทย์ นิวัติ อินทรวิเชียร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า “โรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส มีความยินดีที่ได้เข้าร่วมเป็นทีมจิตอาสาในการจัดทีมฉีดวัคซีนมาสนับสนุนทีมหลักของ สธ. ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเขตพื้นที่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยจัดทีมทั้งพยาบาลและเภสัชกรเข้าร่วมสนับสนุนการฉีดวีคซีนในโครงการนี้”

นายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า กล่าวว่า “เอสซีจี เห็นถึงความสำคัญของเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงทั้งประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนักเรียนที่มีอายุ 12 ปี ขึ้นไป เพื่อช่วยลดความกังวล สร้างความมั่นใจให้ผู้ปกครองและครู ก่อนเปิดภาคเรียน และสามารถใช้ชีวิตอยู่กับโควิดได้อย่างปลอดภัย เอสซีจีจึงได้สนับสนุนรถขนส่งวัคซีนของบริษัทเอสซีจีโลจิสติกส์ จำกัด ซึ่งการขนส่งวัคซีนไฟเซอร์นั้น ต้องอาศัยรถที่มีระบบควบคุมความเย็นให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม เพื่อที่จะสามารถยังคงประสิทธิภาพของวัคซีนให้คงที่ และสามารถจัดเก็บได้นานถึง 1 เดือน ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกและสามารถกระจายส่งวัคซีนไปตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ ช่วยสร้างความอุ่นใจ ปลอดภัยให้แก่นักเรียน ผู้ปกครอง และครู ในการที่ไม่ต้องเดินทางเข้ามาฉีดในเมือง”

รถขนส่งของบริษัทเอสซีจี โลจิสติกส์ มีระบบเทคโนโลยีควบคุมอุณหภูมิ (Real time Temperature traceability System) ที่ติดตั้งไว้บนตัวรถ หากอุณหภูมิมีการเปลี่ยนแปลง หรือสูงกว่าที่กำหนด ข้อมูลแจ้งเตือนทันทีที่ศูนย์ Command Center สำหรับการขนส่งวัคซีนครั้งนี้ จะควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 2 – 8 องศาเซลเซียส ตลอดระยะเวลาการขนส่ง และได้รับมาตรฐานสากลความสะอาด ปลอดการปนเปื้อน สำหรับสินค้าด้านอาหารและยารักษาโรคจาก GMP GHP และ BRC นอกจากการขนส่งจะช่วยยังคงคุณภาพและประสิทธิภาพของวัคซีนแล้ว ยังสามารถจัดส่งวัคซีนได้ทั่วประเทศ รวมถึงในพื้นที่ห่างไกลและเข้าถึงได้ยากได้อีกด้วย โดยสามารถเลือกขนาดรถทั้งเล็กและใหญ่ได้ตามเหมาะสม

 

X

Right Click

No right click