September 28, 2024

เอสพี กรุ๊ป พร้อมเสริมศักยภาพให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทยเดินหน้าการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียวด้วยโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืน

กรุงเทพฯ 29 พฤษภาคม 2567 - เอสพี กรุ๊ป (เอสพี) จัดแสดงเทคโนโลยีสีเขียวในงาน ThaiFex-Anuga Asia (Thaifex) งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำแห่งเอเชียประจำปี ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคม ถึง 1 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี กรุงเทพฯ โดยนับเป็นครั้งแรกที่บริษัทโซลูชันพลังงานยั่งยืนได้เข้าร่วมงานจัดแสดงอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคที่มีบรรดาแบรนด์ชั้นนำระดับโลกจัดแสดงนวัตกรรมล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างมาก1 ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานมากที่สุดในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นประมาณร้อยละ 37 ของการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ2 ด้วยโซลูชันพลังงานสีเขียวที่ครบวงจรของเอสพี สามารถช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ช่วยประหยัดต้นทุนด้านพลังงาน และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน

โซลูชันพลังงานคาร์บอนต่ำอัจฉริยะของเอสพี ที่นำมาจัดแสดงภายในงาน ThaiFex ได้แก่

 

· ระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (PV) เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า โซลูชันดังกล่าวประกอบไปด้วยระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา พื้นดิน หรือแบบทุ่นลอยน้ำ และระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ให้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อนำไปสู่การใช้พลังงานอย่างยั่งยืนและประหยัดต้นทุน

· บริการระบบทำความเย็น (Cooling-as-a-Service) ที่นำเสนอเทคโนโลยีระบบทำความเย็นที่ออกแบบตามการใช้งานได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน ที่จะช่วยให้แต่ละอาคาร โรงงาน หรือกลุ่มอาคารขนาดเล็กสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการทำความเย็นได้อย่างเหมาะสม โดยบริการระบบทำความเย็นจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของระบบ นำไปสู่การประหยัดพลังงานและความน่าเชื่อถือที่เพิ่มมากขึ้น

· การจัดการพลังงานแบบดิจิทัลอัจฉริยะ หรือ Green Energy Tech (GET™) นวัตกรรมโซลูชันการจัดการพลังงานที่รวมพลังของ AI เข้ากับ IoT เพื่อให้สามารถจัดการการใช้พลังงานในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมช่วยให้ธุรกิจต่างๆ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้พักอาศัย และบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน

· ระบบทำความเย็นแบบรวมศูนย์ (District Cooling System) เป็นศูนย์กลางการผลิตน้ำเย็นสำหรับเครื่องปรับอากาศ ช่วยให้เจ้าของอาคารสามารถประหยัดพลังงานและลดต้นทุนตลอดอายุการใช้งาน พร้อมช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

บูธของเอสพี กรุ๊ป ภายในงาน ThaiFex 2024 ตั้งอยู่ในโซน Fine Food ฮอลล์ 12 บูธ 50 (VV50) โดยนอกเหนือจากการจัดแสดงเทคโนโลยีและโซลูชันแล้ว นายธนภัทร ญาณโครโยธิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของเอสพี ด้านโซลูชันและพลังงานยั่งยืน (เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย) ได้เข้าร่วมเสวนาภายใต้หัวข้อ 'การปลูกฝังการเปลี่ยนแปลงและกำหนดรูปแบบระบบอาหารแห่งอนาคต' เพื่อนำเสนอความเชี่ยวชาญของ เอสพี กรุ๊ป ในด้านเทคโนโลยีและโซลูชันสีเขียว ซึ่งออกแบบมาเพื่ออุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม พร้อมเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเอสพี กรุ๊ป ในด้านความยั่งยืนและการช่วยสนับสนุนในการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมไปสู่พลังงานสีเขียว

 w

นายชญาศักดิ์ อิทธิศิริ กรรมการผู้จัดการ (ประเทศไทย) เอสพี กรุ๊ป กล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของเราที่งาน ThaiFex 2024 ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในภาคการผลิตของประเทศไทย การเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานสีเขียวของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มจะช่วยให้ประเทศลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมาก พร้อมช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานและประหยัดต้นทุนด้านพลังงานให้กับบริษัท โดยประโยชน์เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถบริหารความเสี่ยงด้านความยั่งยืน (ESG Risk) และยังคงสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ความร่วมมือของเรากับบริษัทไทยชั้นนำอย่าง มาลี นับเป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงความสามารถและความมุ่งมั่นของ เอสพี กรุ๊ป ในการนำโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืนและปรับขนาดได้มาปรับใช้ในอุตสาหกรรม โดยใช้ประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและทรัพยากรระดับภูมิภาคของเรา เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพและความยั่งยืนที่ต้องการ”

เอสพีได้ติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้กับโรงงานของมาลีที่จังหวัดนครปฐมในปี 2567 การติดตั้งดังกล่าวสามารถผลิตพลังงานสะอาดได้ประมาณ 1,378 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ครอบคลุมความต้องการการใช้พลังงานของโรงงานได้ประมาณร้อยละ 15 และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากถึง 700 ตันต่อปี

สำหรับการดำเนินงานของเอสพีในประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน มีโครงการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการและการก่อสร้างร่วมกับพันธมิตรหลัก อาทิ บริษัทเอเชีย คอมโพสิต แมททีเรียล (Asia Composite Material) มาลี กรุ๊ป และบริษัทสยามอุตสาหกรรมเกษตรอาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ SAICO โดยการร่วมมือกับบริษัทในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้มากกว่า 28,000 ตันต่อปี

นอกจากนี้ เอสพี ยังมีโครงการพลังงานแสงอาทิตย์อื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมมากกว่า 100MWp ทั่วประเทศไทย และโครงการระบบทำความเย็นแบบศูนย์รวมแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งติดตั้งอยู่ที่ศูนย์ราชการฯ โซนซี ด้วยความร่วมมือกับบริษัท บ้านปู เน็กซ์ (Banpu NEXT) รวมทั้งได้มีการลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยรังสิตเพื่อนำโซลูชันพลังงานแบบบูรณาการที่ยั่งยืนของเอสพีมาปรับใช้ให้ครอบคลุมทั้งมหาวิทยาลัย

‘บีเอ็นเอสพี สมาร์ท เทค’ (BNSP Smart Tech) บริษัทร่วมทุนระหว่าง ‘บ้านปู เน็กซ์’ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ ‘เอสพี กรุ๊ป’ ผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภคด้านพลังงานชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก ประกาศความสำเร็จคว้าสิทธิ์ออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling System) ที่ครบครันด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย ในโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ โซนซี หากติดตั้งเสร็จคาดว่าระบบนี้จะช่วยประหยัดค่าพลังงานในโครงการฯ ได้กว่า 40 ล้านบาทต่อปี หรือลดลงกว่า 20% และลดการปล่อย CO2 ได้ปีละกว่า 3,000 ตัน เมื่อครบระยะเวลาสัญญา 20 ปี จะสามารถลดการปล่อย CO2 เทียบเท่ารถยนต์สันดาปประมาณ 20,000 คัน*

เมื่อติดตั้งระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางเสร็จในปี 2566 จะสามารถทำความเย็นสูงสุดถึง 14,000 ตันความเย็น (RT) สร้างความเย็นหมุนเวียนให้กับโครงการฯ โซนซี ซึ่งมีพื้นที่รวม 660,000 ตารางเมตร โดยบีเอ็นเอสพี สมาร์ท เทค จะนำความเชี่ยวชาญและความแข็งแกร่งของบ้านปู เน็กซ์ และเอสพี กรุ๊ป มาใช้ในการออกแบบ ดำเนินงาน และดูแลรักษาระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางเพื่อให้สามารถผลิตและกระจายน้ำเย็นไปยังพื้นที่ทุกส่วนภายในโครงการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดพลังงาน และมั่นใจในบริการได้ทุกขั้นตอน พร้อมนำเสนอบริการโซลูชันพลังงานสะอาดแบบครบวงจร โดยนอกจากการติดตั้งระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางแล้ว ยังมีแผนติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้บริการในพื้นที่โครงการอีกด้วย

ที่สำคัญ เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้กับโครงการฯ โซนซี บ้านปู เน็กซ์ และเอสพี กรุ๊ป จะจัดหาโซลูชันพลังงานสะอาดอื่น ๆ มาพัฒนาโครงการรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการต่อขยายระบบทำน้ำเย็น รถบัสไฟฟ้า การติดตั้งระบบโซลาร์ และระบบกักเก็บพลังงาน

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “เมกะโปรเจกต์ระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางภายในโครงการฯ โซนซี ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ที่จะก้าวเป็น Net-Zero Energy Provider ให้กับทุกองค์กรทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมพัฒนาให้เป็น Smart Enterprise เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือครั้งนี้ยังตอกย้ำความเชี่ยวชาญในธุรกิจจัดการพลังงานของบ้านปู เน็กซ์ ที่มอบบริการแบบครบวงจร ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และมอนิเตอร์ได้เรียลไทม์”

นายสแตนลีย์ หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสพี กรุ๊ป กล่าวว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของเอสพี กรุ๊ป ในการรุกตลาดระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางในไทย ทั้งยังสะท้อนความมุ่งมั่นในการนำโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืนมาเร่งขับเคลื่อนเป้าหมายด้าน Net-Zero ให้กับประเทศไทย โดยเอสพี กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางรายใหญ่ที่สุดของเอเชีย มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพด้านพลังงานด้วยบริการระบบผลิตความเย็นแบบครบวงจร (Cooling as a Service) เราพร้อมที่จะขยายเครือข่ายและขับเคลื่อนการใช้ระบบความเย็นที่ยั่งยืนในภูมิภาค ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย อีกทั้งยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืนด้วยโซลูชันอันล้ำสมัยและการผนึกพันธมิตรที่แข็งแกร่ง”

ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือ DAD Asset Development กล่าวว่า “DAD มีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีระดับเอเชียแปซิฟิกของ บีเอ็นเอสพี สมาร์ท เทค (BNSP Smart Tech) ด้านการบริหารจัดการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling System: DCS) ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและระบบสาธารณูปโภคให้กับศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซนซี และเป็นการเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาเมือง DAD จึงมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ขับเคลื่อนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 อย่างยั่งยืน”

บ้านปู เน็กซ์ และเอสพี กรุ๊ป มีประสบการณ์นำเสนอโซลูชันทำความเย็นที่ล้ำสมัยและยั่งยืน โดยบ้านปู เน็กซ์ ได้พัฒนาและติดตั้งระบบทำน้ำเย็นให้กับหลายโครงการชั้นนำในประเทศไทย อาทิ จามจุรีสแควร์, แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ และอาคารล็อกซเล่ย์ ขณะที่เอสพี กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีโครงการในพอร์ตโฟลิโอทั่วเอเชียรวมทั้งสิ้นกว่า 228,000 ตันความเย็น (RT) ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายระบบการทำความเย็นจากส่วนกลางขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในพื้นที่ระดับแลนด์มาร์คอย่างมารีน่า เบย์ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจะสามารถให้บริการทำความเย็นให้กับ 32 อาคารในย่านดังกล่าวภายในปี พ.ศ. 2570 นอกจากนี้ เอสพี กรุ๊ป ยังดูแลระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางให้กับโครงการฟื้นฟูเมืองเชิงบูรณาการให้กับย่านแทมปิเนส (Tampines) ติดตั้งระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดสำหรับภาคอุตสาหกรรมในสิงคโปร์ให้กับบริษัทเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (STMicroelectronics) รวมไปถึงอีกหลายโครงการในประเทศจีน อาทิ กลุ่มอาคารราฟเฟิลส์ ซิตี้ ฉงชิ่ง, ศูนย์ออกแบบผังเมืองนานาชาติ เฉิงตู และโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้กว่างโจว

X

Right Click

No right click