ยูนิลีเวอร์ องค์กรชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืน เดินหน้าภารกิจในการเสริมสร้างความยั่งยืนเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคน ประกาศความร่วมมือกับแม็คโครและโลตัส ภายใต้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะในโครงการยกระดับซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า Smart Recycling Hub ภายใต้ PPP Plastics โดยริเริ่มการจัดหาอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัยในการเก็บและคัดแยกขยะ รวมถึงจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับขยะพลาสติกเพื่อสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้เสริม เปิดประตูเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการนำพลาสติกใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ นำร่องโครงการในกรุงเทพฯ และกลุ่มจังหวัดเศรษฐกิจ EEC ภาคตะวันออกก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ โดยความร่วมมือครั้งนี้ยังครอบคลุมการจัดแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างรอบด้านทั้งคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นายอภิชาติ ศาลิคุปต รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งรวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคนในห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ภายในแผนกการพัฒนาธุรกิจลูกค้า เรามุ่งมั่นส่งเสริมความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของเรา พร้อมทั้งบูรณาการความยั่งยืนในทุกด้านของการดำเนินงาน เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้บริโภค นำมาสู่ความร่วมมือกับแม็คโครและโลตัสในการเปิดตัวแคมเปญที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีขึ้นในทุกการใช้จ่าย โดยริเริ่มการช่วยเหลือกลุ่มซาเล้งและผู้รับซื้อขยะที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในแต่ละวันจากการขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อสุขอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคัดแยกและจัดการขยะให้ตรงกับความต้องการของโรงงานรีไซเคิล ผ่านโครงการ Smart Recycling Hub ภายใต้ PPP Plastics ตอกย้ำเจตนารมย์ของยูนิลีเวอร์ที่ต้องการทำให้การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นไปได้สำหรับทุกคน”
ดร. วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า “สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยได้ร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ เพื่อการกำหนดระดับเชิงนโยบายให้ชัดเจนสู่การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม โดยการยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยปัญหาขยะได้กลายมาเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกในปัจจุบัน หากไม่มีระบบและโครงสร้างการจัดการขยะที่เหมาะสมและเพียงพอก็จะทำให้มีขยะหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมปลายทางที่ทะเล โดยแนวทางที่นำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การจัดการขยะตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยการลดขยะต้นทางและนำของเสียปลายทางมาใช้ประโยชน์อีก แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมจำเป็นต้องมีการจัดการและเเยกขยะอย่างถูกวิธีและเหมาะสม โดยกลไกสำคัญที่ช่วยให้มีการเก็บวัสดุใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบ คือ การรับและเก็บวัสดุรีไซเคิลโดยซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระบบรวบรวมวัสดุรีไซเคิลและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับและเพิ่มศักยภาพการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล โดยสถาบันฯ ได้รับความสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานโครงการยกระดับมาตรฐานซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า โดยมีจุดมุ่งหมายในการจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลให้เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงแบบครบวงจร เพื่อช่วยลดขยะพลาสติกให้ได้จำนวน 50,000 ตันต่อปีภายในปี พ.ศ. 2569 และรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น ในประเทศไทยก่อให้เกิดขยะชุมชนกว่า 27-28 ล้านตันต่อปี
การบริหารจัดการขยะจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดปัญหาและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง การสร้างธุรกิจใหม่จากระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สำคัญ เราเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนจากยูนิลีเวอร์ แม็คโคร และโลตัส ในโอกาสนี้ จะช่วยให้เครือข่ายซาเล้งและผู้รับซื้อขยะกว่า 300 คนภายใต้โครงการฯ ได้มีอุปกรณ์เก็บและคัดแยกขยะที่เหมาะสม ตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากกิจกรรมต่าง ๆ ไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน”
นางสาวโชติมา ลาภเวโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานการพาณิชย์สินค้าทั่วไปในครัวเรือน บริษัท บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ซีพี แอ็กซ์ตร้า มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน ครอบคลุม 3 มิติ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือการผลักดันระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งลดการทิ้งขยะสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งความร่วมมือกับยูนิลีเวอร์ครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในการดำเนินงาน ทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าของทั้งแม็คโคร-โลตัส ได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมในการลดขยะพลาสติกและการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะ ผ่านสาขากว่า 2,400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์[1] ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าการที่ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนเก็บขยะและผู้รับซื้อขยะ จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมได้อย่างยั่งยืน”
ในโอกาสเดียวกันนี้ ยูนิลีเวอร์ยังจัดแคมเปญ ‘ยูนิลีเวอร์รวมพลัง ยกกำลัง2’ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค เมื่อซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการที่แม็คโครและโลตัสทุกๆ ใบเสร็จเท่ากับได้ร่วมบริจาคสมทบทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย พร้อมรับของสมนาคุณรักษ์โลก ได้แก่
กรุงเทพฯ 22 เมษายน 2567 : ‘โลตัส’ (Lotus’s) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย ดำเนินงานภายใต้ชื่อจดทะเบียน บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด พร้อมแล้วกับการเสนอขายหุ้นกู้ 4 ชุด ให้กับประชาชนทั่วไป แข็งแกร่งด้วยอันดับความน่าเชื่อถือระดับ “A+” แนวโน้ม “บวก” (Positive) ด้วยอัตราดอกเบี้ยระหว่าง 2.90 – 3.56% ต่อปี โดยจะเสนอขายพร้อมกันในวันนี้ (22 เมษายน 2567) เป็นวันแรก จนถึงวันที่ 24 เมษายน 2567 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 6 แห่ง รวมถึงช่องทาง TrueMoney Wallet แอปพลิเคชัน มั่นใจกระแสตอบรับดี ทั้งจากความมั่นคงของกิจการในฐานะผู้นำค้าปลีกขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโต และผลตอบแทนจากการลงทุนที่น่าพอใจ
บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำขนาดใหญ่ และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “โลตัส” (Lotus’s) พร้อมแล้วกับการเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 5 เดือน 25 วัน อัตราดอกเบี้ย 2.90% ต่อปี ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี 5 เดือน 25 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.14% ต่อปี ชุดที่ 3 อายุ 4 ปี 5 เดือน 25 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.38% ต่อปี และ ชุดที่ 4 อายุ 7 ปี 5 เดือน 25 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.56% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 6 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยจะเสนอขายให้กับประชาชนเป็นการทั่วไป ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 6 แห่ง ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร รวมถึงการเสนอขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet ซึ่งเริ่มเสนอขายในวันนี้ (22 เมษายน 2567) เป็นวันแรก จนถึงวันที่ 24 เมษายน 2567
ทั้งนี้ หุ้นกู้ทั้ง 4 ชุดได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ระดับ “A+” เช่นเดียวกับอันดับเครดิตองค์กร ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “บวก” สะท้อนสถานะความเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกแบบ omni-channel ที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมและหลากหลาย ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยทริสเรทติ้งระบุว่า ขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจของบริษัทฯ ยังมีปัจจัยเสริมความแข็งแกร่งจากการมีพื้นที่เช่าในทำเลศักยภาพ และลักษณะของธุรกิจค้าปลีกที่สร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน โดยคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งในธุรกิจค้าปลีกและพื้นที่ให้เช่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีช่องทางจัดจำหน่ายหลายรูปแบบ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 “โลตัส” (Lotus’s) มีร้านค้าปลีกจำนวน 2,454 แห่งทั่วประเทศ ประกอบด้วยร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 226 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 178 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 2,050 แห่ง ซึ่งธุรกิจในประเทศไทยได้รับการสนับสนุนจากระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ที่แข็งแกร่ง ตลอดจนระบบการกระจายสินค้าและเครือข่ายด้านโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพ
โลตัส (Lotus’s) มุ่งยกระดับธุรกิจค้าปลีกสู่ SMART Community Center ศูนย์รวมการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทของคนทุกวัยในชุมชน โดยมีรูปแบบสาขา สินค้าและบริการ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของคนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้ลูกค้า “รู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส” พร้อมกันนี้ ยังมีแผนการที่จะขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ เพื่อให้ร้านค้าของ “โลตัส” (Lotus’s) สามารถเข้าถึงและให้บริการผู้บริโภคได้มากขึ้น ควบคู่การเสริมแกร่งธุรกิจออนไลน์ ยกระดับ “โลตัส สมาร์ท แอป” ด้วยแอปพลิเคชันที่รู้ใจลูกค้ายิ่งขึ้น พร้อมเป็นร้านค้าปลีกชั้นนำในไทยที่พร้อมจัดส่งสินค้าจากทั้งสาขาเล็กและใหญ่ ตอกย้ำประสบการณ์การช้อปปิงที่ SMART ตอบรับทั้งพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว พร้อมรับเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลที่ต้องการทั้งความสะดวกและความรวดเร็วทันใจในการจับจ่าย
ทั้งนี้ สถาบันการเงินผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ยังกล่าวถึงความเชื่อมั่นถึงการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของโลตัสในครั้งนี้ว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน เนื่องจากเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ลงทุนที่เป็นประชาชนทั่วไปจะสามารถเข้าถึงหุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ “A+” แนวโน้ม “บวก” (Positive) สะท้อนศักยภาพการเติบโตของ “โลตัส” (Lotus’s) ในอุตสาหกรรมค้าปลีก ที่มีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในอนาคต อีกทั้ง “โลตัส” ยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน บนหลักธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ตลอดจนความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ สังคม และส่วนรวม ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ Lotus’s โปรดระมัดระวังการหลอกหลวงจากมิจฉาชีพที่จะนำเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง โดยเฉพาะช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น Facebook และแอปพลิเคชัน Line เป็นต้น โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังต่อไปนี้
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป Bangkok Bank Mobile Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร 0-2111-1111 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป Krungthai Next ได้อีก 1 ช่องทาง)
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)* โทร. 02-888-8888 กด 819 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา)
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)** โทร. 02-777-6784 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY ได้อีก 1 ช่องทาง)
- บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)*** โทร. 02-165-5555 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป Dime! ได้อีก 1 ช่องทาง)
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ขยายบริการรับฝากเงิน-จ่ายบิล ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทยผ่าน โลตัส Banking Agent รวมกว่า 2,300 สาขาทั่วประเทศ เสิร์ฟบริการถึงมือ ยกระดับประสบการณ์การเงินที่เหนือกว่า ตอบโจทย์ด้านความสะดวกสบาย ที่มาพร้อมความปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้ามีชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นรอบด้านอย่างแท้จริง
นางสาวกนกวรรณ เพชรพิสิฐโชติ ประธานกลุ่ม บริหารผลิตภัณฑ์ธุรกรรมธนาคาร และความมั่งคั่งทางการเงิน ทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ทีทีบี มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกกลุ่ม ธนาคารจึงจับมือ “โลตัส” ห้างค้าปลีกชั้นนำของไทย แต่งตั้งเป็นตัวแทนธนาคาร (Banking Agent) ให้บริการรับฝากเงินสดและชำระบิลผ่านเคาน์เตอร์ชำระเงิน (แคชเชียร์) ที่ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 2,300 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงช่วงเวลาเปิดให้บริการที่ยาวนานกว่าเคาน์เตอร์ของธนาคาร เป็นการขยายช่องทางเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าทีทีบี สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างไร้รอยต่อ
“โลตัส เป็นห้างค้าปลีกชั้นนำของไทยที่เป็นที่รู้จัก มีสาขาจำนวนมาก และหลายสาขาตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชนต่าง ๆ ซึ่งการผนึกความร่วมมือระหว่างทีทีบี กับ โลตัสในครั้งนี้จะช่วยให้ลูกค้าทีทีบี เข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่าย สะดวกสบายมากขึ้น ไม่ต้องเดินทางไกล และสามารถเลือกเวลาในการทำธุรกรรมการเงินได้ยาวนานมากขึ้น โดยผู้ใช้บริการยังวางใจได้ในเรื่องความปลอดภัยในทุกครั้งที่ทำธุรกรรมการเงิน เชื่อว่า ลูกค้าจะได้รับประสบการณ์การเงินที่ประทับใจมากขึ้น” นางสาวกนกวรรณ กล่าว
ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถฝากเงินที่ โลตัส ทุกแพลตฟอร์ม ได้ตั้งแต่ 100-20,000 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ฝากสูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท / วัน / บัญชี / บัตรประชาชน โดยมีค่าธรรมเนียมบริการรายการละ 15 บาท นอกจากการฝากเงินสดแล้ว ลูกค้าทีทีบี ยังสามารถใช้บริการจ่ายบิลสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ จ่ายบิลบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และจ่ายบิลสินเชื่อรายย่อย ที่จุดบริการในโลตัสทุกแห่ง โดยสามารถชำระเงินได้ไม่เกิน 49,000 บาท / รายการ จำกัด 2 ครั้ง / เลขสัญญา / เลขบัตรเครดิต / วัน และมีค่าธรรมเนียมบริการรายการละ 10 บาท
นางสาววิณัฎฐา นิภาวงษ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจบริการ โลตัส กล่าวว่า โลตัส เดินหน้าเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งแบบสมาร์ทให้ลูกค้า และมุ่งมั่นเป็นค้าปลีกที่เป็น SMART Life Solutions ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตรอบด้าน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก พร้อมรองรับความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า ปัจจุบันโลตัส มีสาขาทั่วประเทศกว่า 2,300 แห่ง ที่จะช่วยให้เข้าถึงช่องทางการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างสะดวกทุกที่และทุกเวลา ด้วยความพร้อมของจำนวนสาขาที่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และช่วงเวลาการเปิดให้บริการของโลตัส จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าของทีทีบี สามารถฝากเงินสด ผ่านเคาน์เตอร์ชำระเงินของโลตัสได้อย่างสะดวก และมีช่วงเวลาในการทำธุรกรรมได้นานมากขึ้นกว่าการใช้บริการของสาขาธนาคารตามปกติ ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับการให้บริการในสาขา ให้เป็นศูนย์กลางในการอำนวยความสะดวกของคนในชุมชน พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ช้อปปิ้งที่รองรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตรอบด้าน เพื่อให้ลูกค้า รู้สึกดีดี ทุกวัน ที่โลตัส
ในช่วงเปิดให้บริการใหม่นี้ ทีทีบี ร่วมกับ โลตัส จัดรายการ “ฝากเงิน รับคูปองเงินสด 20 บาท” โดยลูกค้าสมาชิกมายโลตัสที่ฝากเงินสดเข้า ทีทีบี ที่โลตัสทุกสาขา ระหว่างวันที่ 4 มกราคม 2567– 30 เมษายน 2567 จะได้รับคูปองเงินสด (คูปองท้ายบิล) มูลค่า 20 บาท สำหรับใช้แทนเงินสดในการซื้อสินค้ามูลค่า 200 บาท/ใบเสร็จ ได้ที่โลตัสทุกสาขา
สำหรับลูกค้าที่ต้องการทำธุรกรรมฝากเงินสด สามารถใช้บริการได้ที่ เคาน์เตอร์บริการแคชเชียร์ของโลตัส ทุกสาขา โดยระบบฝากเงินให้บริการได้ตั้งแต่ 00:01 ถึง 22:30 น. ทั้งนี้เวลาการให้บริการฝากเงินขึ้นอยู่กับเวลาเปิด-ปิดของสาขาแต่ละรูปแบบ สอบถามเพิ่มเติม Lotus’s Call center 1430 หรือ https://corporate.lotuss.com/location/ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ ttb contact center 1428 หรือ www.ttbbank.com
คะแนนแทนคูปองรับเงินสด ส่วนลดสูงสุด 50% พร้อมลุ้นโชครางวัลใหญ่ฟรีทุกเดือนที่โลตัสทุกสาขาทั่วประเทศ