December 05, 2025

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ร่วมกับ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดงาน “ดีค้าบ เฟสติวัล” (Decarb Festival) ภายใต้แนวคิด “ดีค้าบ – The Decarb Mission” ลดคาร์บอนให้โลกคูลล์ รับปีที่ 20 ของโครงการค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพาเวอร์กรีน (Power Green Camp) หวังปลุกพลังคนรุ่นใหม่ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช่วยลดโลกร้อนและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แบบสร้างสรรค์ (Decarbonization) ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ระหว่างวันที่ 2-3 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

 

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บ้านปูมุ่งผสานพลังงานที่หลากหลายสู่การพัฒนาโซลูชันพลังงานใหม่ที่ยั่งยืน เพื่อให้พร้อมรับเทรนด์พลังงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กลยุทธ์ Energy Symphonics เราเชื่อว่าการรักษาสมดุลทางพลังงานจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับการจัดการด้านพลังงานบนโลกใบนี้และมีส่วนสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำให้เกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา เราได้ส่งเสริมการลดกระบวนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเป็นระบบ (Decarbonization) ในพอร์ตธุรกิจ อาทิ การใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน การพัฒนาพลังงานหมุนเวียนควบคู่ไปกับระบบแบตเตอรี่ และการส่งเสริมการเดินทางและขนส่งด้วยยานพาหนะไฟฟ้า ทั้งนี้ เราตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนลง 20% ภายในปี 2030 และก้าวสู่ Net Zero ภายในปี 2050

“บ้านปู ตระหนักดีว่าการบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา ซึ่งรวมถึง ‘คนรุ่นใหม่’ บ้านปูและมหาวิทยาลัยมหิดลจึงร่วมสนับสนุนกิจกรรมค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพาเวอร์กรีน (Power Green Camp) มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 20 และปีนี้มาพร้อมความพิเศษด้วยการเพิ่มกิจกรรม ‘ดีค้าบ เฟสติวัล’ (Decarb Festival) ที่มุ่งปลุกพลังสร้างสรรค์คนรุ่นใหม่ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมช่วยโลกลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ พร้อมเปิดพื้นที่ให้ผู้ที่มีแพสชันด้านสิ่งแวดล้อมได้มาร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ร่วมกันตลอด 2 วัน (ระหว่างวันที่ 2-3 พฤษภาคม) ที่อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ”

 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อิทธิโชติ จักรไพวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ปัจจุบันโลกเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนและรุนแรงต่อเนื่อง ทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลภาวะ ตลอดจนการขยายตัวของเมือง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของทุกคน มหาวิทยาลัยมหิดลของเรามีนโยบายขับเคลื่อนในด้านสิ่งแวดล้อมหลายด้าน โดยเฉพาะที่คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นคณะสิ่งแวดล้อมแห่งแรกของประเทศไทย เรามุ่งเน้นการจัดการเรียนการสอนแบบสหวิทยาการอย่างบูรณาการ เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาหลักสูตรที่ไม่เพียงมุ่งเน้นด้านวิชาการ แต่ยังมุ่งปลูกฝัง ‘หลักคิดและจิตสำนึก’ ในการจัดการ

ทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้แบบสหวิทยาการและการลงมือปฏิบัติจริง เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่สามารถเชื่อมโยงประเด็นทางสิ่งแวดล้อม สังคม และการพัฒนา สู่การเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่กล้าออกแบบอนาคตอย่างมีความรับผิดชอบ สอดรับกับวิสัยทัศน์ Top Priority In Environment – เรื่องสิ่งแวดล้อม ต้อง ENVI MAHIDOL”

 

นายศิวัช แก้วเจริญ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หรือกรมลดโลกร้อน กล่าวว่า “ประเทศไทยได้เดินหน้าตามแผนปฏิบัติการด้านการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ปี พ.ศ. 2564 -2573 (NDC Action Plan on Mitigation 2021 - 2030) ตามที่ ครม. มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2567 โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 40% ภายในปี 2030, มุ่งสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2050 และ Net Zero Emission ในปี 2065 ซึ่งภาครัฐได้กำหนดกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง 5 สาขา ได้แก่ สาขาพลังงาน คมนาคมขนส่ง การจัดการของเสียชุมชนและน้ำเสียอุตสาหกรรม กระบวนการทางอุตสาหกรรมและการใช้ผลิตภัณฑ์ และเกษตร รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือและกลไกในการสนับสนุนอีกด้วย อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี และเงินทุน กรมลดโลกร้อนยังคงมุ่งมั่นสร้างความร่วมมือและส่งเสริมการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วนให้บรรลุตามเป้าที่ประเทศกำหนด และเชื่อว่าการสร้าง การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน การศึกษา และประชาสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับเยาวชน ซึ่งถือเป็นพลังที่สำคัญของเครือข่ายความร่วมมือ ในการขับเคลื่อนเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมในอนาคต รวมทั้งส่งเสริมเยาวชน ในการปรับตัวให้พร้อมรับมือต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาทิ โครงการพัฒนาเครือข่ายเด็กและเยาวชนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (CCE Children & Youth) โครงการอีโคสคูล (Eco-school) เพื่อเป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนสู่อนาคตเศรษฐกิจและสังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม”

ทั้งนี้ นอกจากการเสวนาในหัวข้อ “เชื่อมโยงภารกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำ: รัฐ-การศึกษา-เอกชน” ภายในงานยังมีเสวนาในหัวข้อ “20 ปี Power Green Camp สร้างพลังเยาวชนด้วยวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม” นำโดย นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส-สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน), รศ. ดร.นพพล อรุณรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, น.สพ.ศรัณย์ นราประเสริฐกุล สัตวแพทย์และนักแสดงที่มีแพสชันด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงศิษย์เก่าเยาวชนค่ายเพาเวอร์กรีน รุ่น 17 เพื่อสะท้อนบทบาทและพลังของของโครงการ Power Green Camp ในการปลูกฝังความรู้และจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับเยาวชน ผ่านการบูรณาการวิทยาศาสตร์ เข้ากับการเรียนรู้และการลงมือปฎิบัติจริง รวมทั้งการมีส่วนร่วมของโครงการฯ ในการส่งเสริมศักยภาพเยาวชนเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในเรื่องสิ่งแวดล้อมทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ฟรี! ระหว่างวันนี้ถึง 3 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. ที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และถ้าอยากเดินทางแบบลดคาร์บอน บ้านปูได้จัดรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า 100% มูฟมี (MuvMi) รับ-ส่งฟรีระหว่างสถานีรถไฟฟ้า MRT สามย่านและอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊กเพจ https://www.facebook.com/powergreencamp

· บ้านปู ปลื้มยอดเด็กสมัคร “ค่ายเพาเวอร์กรีน” ปีที่ 20 แตะ 500+ คน สะท้อน “คนรุ่นใหม่” มีใจรักษ์สิ่งแวดล้อม – พร้อมมาร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลง

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ร่วมกับ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล สานต่อความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างศักยภาพให้คนรุ่นใหม่ด้วยการนำเอาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมไปประยุกต์ใช้ในการดูแลรักษาและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการ “ค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมเพาเวอร์กรีน” (Power Green Camp) ครั้งที่ 20 ภายใต้แนวคิด “ดีค้าบ – The Decarb Mission” ลดคาร์บอน ให้โลกคูลล์ เน้นสร้างความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการลดและหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Decarbonization) ในชีวิตประจำวันและในสังคมที่อาศัยอยู่ โดยกิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 เมษายน – 4 พฤษภาคม 2568

นอกจากกิจกรรมค่ายเพาเวอร์กรีนปีที่ 20 จะอัดแน่นไปด้วยกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติสุดเข้มข้นแล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษในวาระเฉลิมฉลองค่ายวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่ยาวนานที่สุดในประเทศด้วยกิจกรรม “ดีค้าบ เฟสติวัล” (Decarb Festival) โดยเปิดพื้นที่ให้เยาวชนเพาเวอร์กรีนตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึงรุ่นปัจจุบันมาร่วมแสดงพลังผ่านกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ โครงงานวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม การจัดเวิร์คชอป เวทีทอล์ค รวมทั้งโซนกิจกรรมสุดครีเอทีฟมากมายที่ขมวดรวมสาระและความบันเทิงตลอด 2 วัน ระหว่างวันที่ 2-3 พฤษภาคมนี้ที่อุทยาน 100 ปี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส - สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กว่า 2 ทศวรรษแห่งความร่วมมือระหว่างบ้านปู และคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล เราไม่ได้พัฒนาแค่รูปแบบกิจกรรมการเรียนรู้ภายในค่ายให้เข้มข้นแต่เพียงเท่านั้น เราสร้างมุ่งพัฒนาศักยภาพและสร้างเครือข่ายผู้นำเยาวชนที่กล้าคิด กล้าทำ และกล้าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับสิ่งแวดล้อม เยาวชนไม่ได้เป็นเพียงแค่ ‘ผู้เรียน’ แต่คือ ‘ผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง’ เราเชื่อว่าเยาวชนที่ผ่านค่ายเพาเวอร์กรีนไปจะเป็นฟันเฟืองสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน”

ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ค่ายเพาเวอร์กรีนได้บ่มเพาะเยาวชนกว่า 1,185 คน ในการสร้างการตระหนักรู้ เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมและก้าวขึ้นมาเป็นพลังสำคัญในการดูแลและช่วยแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ในปีนี้ ค่ายเพาเวอร์กรีนได้รับความสนใจจากนักเรียนระดับมัธยมปลายทั่วประเทศกว่า 515 คน จาก 304 โรงเรียน ถือเป็นสัญญาณที่สะท้อนว่า เยาวชนไทยจำนวนมาก ‘ตื่นรู้’ และพร้อมจะเข้ามามีบทบาท เพื่ออนาคตของโลกใบนี้” นายรัฐพล กล่าวเสริม

 

ด้าน รศ. ดร.นพพล อรุณรัตน์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะประธานโครงการค่ายเพาเวอร์กรีน ครั้งที่ 20 กล่าวว่า “การศึกษาก็ไม่ควรหยุดอยู่แค่ห้องเรียน ค่ายเพาเวอร์กรีนจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบค่ายฯ ให้เป็น ‘ห้องเรียนแห่งอนาคต’ ที่ไม่ใช่แค่เรียนทฤษฎี แต่ต้องลงมือแก้ปัญหาจริง เข้าใจบทบาทของธรรมชาติ และใช้วิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น เราต้องการให้เยาวชนเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนในการดูแลและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม หากเราให้อาวุธทางความคิด ทักษะที่จำเป็น และประสบการณ์ที่เข้มข้น พวกเขาจะเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการดูแลประเทศและโลกต่อไป”

สำหรับปีนี้ทางโครงการฯ ปักหมุดกิจกรรมภาคสนามที่จังหวัดนครราชสีมาเพราะเป็นพื้นที่ที่เยาวชนสามารถเรียนรู้ความสำคัญของป่าไม้ในฐานะแหล่งดูดซับคาร์บอนในหลากหลายบริบท ทั้งในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ป่าชุมชน พื้นที่เกษตรชุมชน รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเยาวชนทั้ง 50 คนมีภารกิจวางแปลงสำรวจการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่ป่าไม้ เพื่อศึกษาโครงสร้างสังคมพืช และฝึกฝนการประยุกต์ใช้นวัตกรรมไปวิเคราะห์ ดูแล และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ด้วยอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle - UAV) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในหลากหลายด้าน เช่น การเฝ้าระวังป่าไม้และสัตว์ป่า การตรวจวัดมลภาวะ การติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และฟื้นฟูพื้นที่ป่า ไม่เพียงเท่านั้น เยาวชนยังได้เรียนรู้การจัดการท่องเที่ยวแบบชุมชนที่ “บ้านท่ามะปรางค์ – บ้านคลองเพล” ซึ่งใช้โมเดล “Local Low Carbon” และร่วมฝึกการทำเกษตรอินทรีย์แบบลดคาร์บอน สะท้อนให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงระดับโลกเริ่มต้นได้จากชุมชนเล็กๆ

“บ้านปูยังคงเดินหน้าเสริมศักยภาพ สร้างพลังแห่งอนาคต (Embracing Potential, Energizing People) ผ่านการเสริมศักยภาพ ‘คนรุ่นใหม่’ เพื่อสร้าง ‘พลังในการลงมือทำ’ เพราะเราเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า เยาวชนที่สำเร็จการศึกษาจาก ‘ค่ายเพาเวอร์กรีน’ ห้องเรียนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมนอกตำราแห่งนี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญในการดูแลฟื้นฟูโลกใบนี้ ผ่านการนำองค์ความรู้วิทยาศาสตร์-เทคโนโลยี ตลอดจนประสบการณ์ที่ได้รับไปต่อยอดเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ตลอดจนสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นถัดไป” นายรัฐพล กล่าวทิ้งท้าย

ติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการ “ค่ายเยาวชนวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม” (Power Green Camp) ปีที่ 20 เพิ่มเติมได้ที่เฟซบุ๊กเพจ https://www.facebook.com/powergreencamp

X

Right Click

No right click