×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6855

บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER เสนอขายหุ้นกู้จำนวน 1,300 ล้านบาท อายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.85 ต่อปี โดยเสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนรายใหญ่  เปิดจองระหว่าง 5 และ 7 - 8 เม.ย.นี้ เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิต

บมจ. นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) กางผลงานไตรมาส 2 ปี 2563 กำไรนิวไฮพุ่ง 224.90 ล้านบาท หนุนครึ่งปีแรกกำไรสุทธิที่ 284.79 ล้านบาท หลังประสิทธิภาพการผลิตดีขึ้น ต้นทุนลดต่ำลง พร้อมรับอานิสงค์เศรษฐกิจจีนฟื้นหลังคลายล็อกดาวน์เมืองจาก COVID-19 ดันคำสั่งซื้อระยะยาวพุ่ง ผู้บริหารมั่นใจแนวโน้มครึ่งปีหลังโตโดดเด่นทำสถิติใหม่ต่อเนื่อง หลังได้ลูกค้าใหม่เพิ่ม 2 ราย จ่อออเดอร์ยาวสิ้นปี พร้อมเตรียมขยายฐานรุกตลาดอินเดีย หนุนทั้งปีโตตามเป้า ยอดขาย 365,000 ตัน - รายได้แตะ 17,000 ล้านบาท

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/63 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,692.40 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปี 63 บริษัทมีกำไรรวม 5,646,76 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) 224.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.61 ล้านบาท เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 166.29 ล้านบาท หรือคิดเป็น 35.25% ซึ่งเป็นการทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ (นิวไฮ) ส่งผลให้ครึ่งปีแรกบริษัทมีกำไรสุทธิที่ 284.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.56 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 267.23 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.57%

โดยปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น มาจากการที่บริษัทฯ สามารถบริหารจัดการประสิทธิภาพการผลิตได้ดีขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตปรับลดลงจาก 91.6% ในช่วงเดียวกันปีก่อนเหลือ 87% ประกอบกับบริษัทฯ ได้มีการบันทึกกำไรอัตราแลกเปลี่ยนจากไตรมาส 1/63 กลับเข้ามาเพิ่มอีกราว 126.42 ล้านบาท รวมถึงความสามารถในการบริหารจัดการอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  ขณะเดียวกันคำสั่งซื้อ (Order) จากลูกค้าจีนก็ปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รับอานิสงค์กิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนที่เริ่มกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะยอดจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่พลิกกลับมาเติบโตอีกครั้ง ภายหลังจากได้มีการคลายล็อกดาวน์เมือง หลังปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19

นายชูวิทย์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังมั่นใจผลการดำเนินงานเติบโตโดดเด่น หลังจากล่าสุดบริษัทฯ ได้สัญญาระยะยาวจากลูกค้าใหม่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรถยนต์และรถบรรทุกรายใหญ่ของประเทศจีนเพิ่มเข้ามาอีก จำนวน 2 ราย ได้แก่ LLIT (หลิงหลง) ซึ่งมีคำสั่งซื้อราว 48,000 ตัน/ปี และ Triangle Tyre ซึ่งมีคำสั่งซื้อราว 24,000 ตัน/ปี โดยจะเริ่มทยอยส่งมอบในไตรมาส 3/63 นี้ และนอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมขยายฐานรุกตลาดอินเดียเพิ่มเติมอีกด้วย

 

 

 

 

 

 

สำหรับโรงงานแห่งใหม่กำลังการผลิตรวม 172,800 ตัน/ปีนั้น เริ่มเดินเครื่องการผลิตเรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตรวม 465,600 ตัน/ปี จากก่อนหน้านี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 292,800 ตัน/ปี อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทฯจะมีการเดินเครื่องจักรโรงงานแห่งใหม่เพียงแค่ 70% ตามปริมาณออเดอร์ในปัจจุบัน ส่วนปีหน้าคาดจะเดินเครื่องจักร 100% เบื้องต้นจากแผนงานที่วางไว้บริษัทมั่นใจว่า ผลการดำเนินงานปี 2563 จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ที่รายได้ 17,000 ล้านบาท เติบโตราว 30% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 13,107.15 ล้านบาท

 

“เราได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วทั้งในเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องราคา ตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่ โดยเฉพาะลูกค้าจากจีนมีออเดอร์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากแผนงานที่วางไว้ จึงมั่นใจว่า ครึ่งปีหลังกำไรจะนิวไฮต่อเนื่องทุกไตรมาส” นายชูวิทย์กล่าว

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทไม่มีนโยบายขายหุ้นในส่วนของครอบครัวออก มาแน่นอน ถ้านักลงทุนรายใหญ่ทั้งที่เป็นนักลงทุนสถาบัน(กองทุน)จากต่างชาติ และบริษัทประกันภัยในประเทศมีความสนใจอยากให้เข้าไปซื้อผ่านกระดานตลาดหลักทรัพย์ฯ

ขณะเดียวกันกรรมการบริษัทก็ได้เข้าไปทยอยเก็บหุ้นบริษัทเพิ่มเติม เพราะมองเห็นถึงอัพไซด์ของผลประกอบการที่กำลังจะเติบโตต่อเนื่อง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) รายงานว่า นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ เข้าไปซื้อหุ้น NER เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 จำนวน 5 แสนหุ้น ที่ราคา 2.00 บาท/หุ้น จำนวน 5 แสนหุ้น ที่ราคา 1.9965 บาทต่อหุ้น และจำนวน 149,600 หุ้นที่ราคา 1.99 บาทต่อหุ้น นายเทพกุล พูลลาภ จำนวน 1 ล้านหุ้นที่ราคา 2.03 บาทต่อหุ้น และนายศักดิ์ชัย จงสถาพงษ์พันธ์  จำนวน 1 แสนหุ้นที่ราคา 2 บาท 

โดยหุ้น NER วันนี้ (12 มี.ค.) ราคาหุ้นปิดตลาดที่ 1.99 บาท ปรับลด 8.72% หรือลดลง 0.19 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 44.496 ล้านบาท คาดว่าสาเหตุที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเนื่องจากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ที่ขยายวงกว้างกว่า 100 ประเทศทั่วโลก 

 

Page 2 of 2
X

Right Click

No right click