ยูนิลีเวอร์ ผู้นำตลาด FMCG ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืน ได้รับการยกย่องด้านวัฒนธรรมการทำงานที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง คว้ารางวัล HR Asia Best Company to Work For Awards หรือ รางวัลบริษัทที่น่าทำงานที่สุดในเอเชียเป็นปีที่ 6 ติดต่อกันจาก HR Asia (เอชอาร์ เอเชีย) สื่อชั้นนำด้านทรัพยากรบุคคลซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาค สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของยูนิลีเวอร์ในการรังสรรค์สภาพแวดล้อมการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย (Purpose-driven) และจุดประกายแรงบันดาลใจ ตอกย้ำพันธกิจการพัฒนาพนักงานให้มีเป้าหมายการทำงาน และความตั้งใจที่จะบ่มเพาะบุคลากรให้มีทักษะที่พร้อมต่อการทำงานในอนาคต ผ่านแนวทาง 3 ด้านได้แก่ ด้านบุคลากรผ่านการพัฒนาอาชีพ (Career) ด้านการเสริมสร้างทักษะ (Capability) และด้านวัฒนธรรม (Culture)
นายอันชุล อะซาวา ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวแสดงความยินดีกับความสำเร็จครั้งนี้ว่า “ยูนิลีเวอร์ ดำเนินกิจการในประเทศไทยภายใต้วิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นเป็นผู้นำระดับโลกในธุรกิจที่ยั่งยืน การคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเรา แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เรายิ่งทุ่มเทให้ความสำคัญกับบุคลากรซึ่งเป็นผู้ขับเคลื่อนความสำเร็จที่แท้จริงให้กับเรา ผมขอขอบคุณพนักงานทุกคนสำหรับการร่วมแรงร่วมใจสร้างวัฒนธรรมการทำงานอันยอดเยี่ยมที่ยูนิลีเวอร์ เราจะเดินหน้าร่วมกันเพื่อพัฒนา ปรับเปลี่ยน และส่งเสริมให้บุคลากรของเราก้าวหน้าและประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน”
นางสาว มิง ชู หลิง รองประธานฝ่ายบริหารทรัพยากรบุคคลประเทศไทยและภาคพื้นอาเซียนยูนิลีเวอร์ กล่าวว่า “รางวัลที่ได้รับนี้เป็นบทพิสูจน์ความทุ่มเทที่ยูนิลีเวอร์มอบให้พนักงานของเรา จากกลยุทธ์ต่างๆที่ยูนิลีเวอร์รังสรรค์ขึ้นเพื่อส่งเสริมบุคลากรผ่านการพัฒนาทางด้านอาชีพ (career) เสริมสร้างทักษะ (capability) และวัฒนธรรมองค์กร (culture) เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้บุคลากรของเราประสบความสำเร็จท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยกลยุทธ์การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่ส่งเสริมให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและความใส่ใจอย่างลึกซึ้ง ช่วยให้เราดึงดูดบุคลากรที่ให้ความสำคัญกับเป้าหมาย (purpose) ทั้งในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว ดิฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมงานที่มีความสามารถและทุ่มเทในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยเป้าหมายและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ จนทำให้ยูนิลีเวอร์ประเทศไทยเป็นสถานที่ทำงานที่สามารถช่วยปลดล็อกศักยภาพของทุกคนได้อย่างเต็มที่”
ยูนิลีเวอร์ได้ริเริ่มแนวคิดที่มีความโดดเด่นอย่าง Shape Your Own Adventure เพื่อส่งเสริมให้พนักงานสามารถกำหนดเส้นทางอาชีพของตนเอง รวมถึงเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถเข้าถึงโอกาสการเติบโตอย่างเท่าเทียมทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ โดยแนวคิดนี้มุ่งสร้างแรงบันดาลใจและพร้อมสนับสนุนบุคลากรให้สามารถบรรลุเป้าหมายชีวิตและอาชีพ ด้วยความตั้งใจของยูนิลีเวอร์ที่จะเป็นแหล่งผลิตบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ เราจึงให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมบุคลากรให้สามารถวางแผนอาชีพในอนาคตได้ด้วยตัวเอง แนวความคิดนี้พัฒนาขึ้นจากการรับฟังความคิดเห็นในแบบสำรวจความพึงพอใจของพนักงาน บริษัทมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือพนักงานในการค้นหาเป้าหมายในอาชีพของตน ทักษะที่จำเป็น พร้อมทั้งให้คำแนะนำเพื่อช่วยให้ทุกคนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ โครงการดังกล่าวสามารถจุดประกายความมุ่งมั่นและปลดล็อกศักยภาพของพนักงาน นำไปสู่การเลื่อนตำแหน่งของพนักงานกว่าสองร้อยคน และการแต่งตั้งตำแหน่งในระดับภูมิภาคและนานาชาติอีกสี่สิบตำแหน่งในปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความเอาใจใส่ของยูนิลีเวอร์ในการรับฟังและพร้อมสนับสนุนเพื่อให้พนักงานได้บรรลุเป้าหมายทางหน้าที่การงานภายในองค์กร
ยูนิลีเวอร์ เดินหน้าลงทุนพัฒนาศักยภาพบุคลากรเพื่อให้สามารถปรับตัวและประสบความสำเร็จท่ามกลางสภาพแวดล้อมการทำงานในอนาคต ขณะเดียวกัน บริษัทฯ กำลังเร่งบูรณาการระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยีดิจิทัลล้ำยุคเพื่อพัฒนากระบวนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพ ในขณะที่ระบบอัตโนมัติและ AI กำลังเข้ามาปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน ยูนิลีเวอร์ ยังคงศึกษาการนำพลังของเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้องค์กรเพิ่มประสิทธิภาพและบรรลุเป้าหมายสูงสุด ควบคู่ไปกับการยกระดับศักยภาพพนักงานให้สามารถปรับตัวและรับมือกับรูปแบบการทำงานในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ริเริ่ม ‘Digital Upskilling Program’ เพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้ทักษะและเครื่องมืออัจฉริยะใหม่ๆ จากผู้เชี่ยวชาญ สำหรับนำมาปรับใช้กับกระบวนการทำงานของตนเอง นอกจากนี้ยังมีโครงการ ‘Digital Factory’ ที่บ่มเพาะทักษะด้านการค้นหาและวิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งจำเป็นต่อการดำเนินงานในโรงงานและศูนย์การผลิตที่กระบวนการมีความซับซ้อน
ยูนิลีเวอร์มุ่งเน้นสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่กระตุ้นให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โอบรับความท้าทายใหม่ พร้อมทั้งยกระดับวิธีการทำงานที่ยืดหยุ่นและสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานอย่างรอบด้านและเท่าเทียม พนักงานจะกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดการทำงานที่ชัดเจน และได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสมจากบริษัทและหัวหน้างาน รวมถึงสวัสดิการที่ครอบคลุมความต้องการทั้งในมิติการทำงานและชีวิตส่วนตัว อาทิ การพัฒนารูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นเพื่อส่งเสริมการสร้างสมดุลในการทำงานและการใช้ชีวิต ด้วยการจัดระบบการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid Working Arrangement) และการเปิดโอกาสในการย้ายงานทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาวให้กับพนักงานทั่วโลกโดยไม่จำกัดเพศและสัญชาติ สำหรับด้านชีวิตส่วนตัว ยูนิลีเวอร์ มอบสวัสดิการลาคลอด 16 สัปดาห์ของคุณแม่และวันลา 15 วันสำหรับคุณพ่อ และโครงการ ‘Healthier U’ เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีและความสุขในที่ทำงาน พร้อมด้วยการสนับสนุนเฉพาะด้านตามความต้องการของแต่ละบุคคล ทั้งสุขภาพกายและใจ โดยเปิดโอกาสให้พนักงานมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นและสามารถเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุดได้ในทุกๆ วันที่มาทำงาน
“ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์สถานที่ทำงานที่ไม่เพียงแต่ขับเคลื่อนความสำเร็จทางธุรกิจ แต่ยังส่งเสริมการเติบโตและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานอีกด้วย ในขณะที่เราฉลองความสำเร็จนี้ เราจะเดินหน้าต่อไปในเส้นทางแห่งความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ความเท่าเทียม และความเป็นเลิศ เราจะพยายามทำให้ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย เป็นสถานที่ที่พนักงานทุกคนสามารถเติบโตและมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนได้” นายอันชุล กล่าวเสริม
ยูนิลีเวอร์ องค์กรชั้นนำที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืน เดินหน้าภารกิจในการเสริมสร้างความยั่งยืนเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคน ประกาศความร่วมมือกับแม็คโครและโลตัส ภายใต้บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะในโครงการยกระดับซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า Smart Recycling Hub ภายใต้ PPP Plastics โดยริเริ่มการจัดหาอุปกรณ์เพื่อสุขอนามัยและความปลอดภัยในการเก็บและคัดแยกขยะ รวมถึงจัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับขยะพลาสติกเพื่อสร้างโอกาสเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้เสริม เปิดประตูเศรษฐกิจหมุนเวียนจากการนำพลาสติกใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ นำร่องโครงการในกรุงเทพฯ และกลุ่มจังหวัดเศรษฐกิจ EEC ภาคตะวันออกก่อนขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ โดยความร่วมมือครั้งนี้ยังครอบคลุมการจัดแคมเปญที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถร่วมสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างรอบด้านทั้งคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
นายอภิชาติ ศาลิคุปต รองประธานกรรมการบริหารฝ่ายพัฒนาลูกค้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าวว่า “ยูนิลีเวอร์ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งรวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคนในห่วงโซ่คุณค่าตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ภายในแผนกการพัฒนาธุรกิจลูกค้า เรามุ่งมั่นส่งเสริมความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีผ่านเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของเรา พร้อมทั้งบูรณาการความยั่งยืนในทุกด้านของการดำเนินงาน เราภูมิใจที่ได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกันในการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้บริโภค นำมาสู่ความร่วมมือกับแม็คโครและโลตัสในการเปิดตัวแคมเปญที่ช่วยให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ดีขึ้นในทุกการใช้จ่าย โดยริเริ่มการช่วยเหลือกลุ่มซาเล้งและผู้รับซื้อขยะที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในแต่ละวันจากการขาดแคลนอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อสุขอนามัยและความปลอดภัย รวมถึงขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการคัดแยกและจัดการขยะให้ตรงกับความต้องการของโรงงานรีไซเคิล ผ่านโครงการ Smart Recycling Hub ภายใต้ PPP Plastics ตอกย้ำเจตนารมย์ของยูนิลีเวอร์ที่ต้องการทำให้การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเป็นไปได้สำหรับทุกคน”
ดร. วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทยและเลขาธิการองค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน กล่าวว่า “สถาบันสิ่งแวดล้อมไทยได้ร่วมกับภาคีทุกภาคส่วนทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ เพื่อการกำหนดระดับเชิงนโยบายให้ชัดเจนสู่การขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ให้เป็นรูปธรรม โดยการยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำและการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยปัญหาขยะได้กลายมาเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลกในปัจจุบัน หากไม่มีระบบและโครงสร้างการจัดการขยะที่เหมาะสมและเพียงพอก็จะทำให้มีขยะหลุดรอดออกสู่สิ่งแวดล้อมปลายทางที่ทะเล โดยแนวทางที่นำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ การจัดการขยะตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยการลดขยะต้นทางและนำของเสียปลายทางมาใช้ประโยชน์อีก แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมจำเป็นต้องมีการจัดการและเเยกขยะอย่างถูกวิธีและเหมาะสม โดยกลไกสำคัญที่ช่วยให้มีการเก็บวัสดุใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบ คือ การรับและเก็บวัสดุรีไซเคิลโดยซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระบบรวบรวมวัสดุรีไซเคิลและส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับและเพิ่มศักยภาพการจัดการขยะและสิ่งแวดล้อมบนพื้นฐานของการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสมดุล โดยสถาบันฯ ได้รับความสนับสนุนจากภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานโครงการยกระดับมาตรฐานซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า โดยมีจุดมุ่งหมายในการจัดการและแปรรูปวัสดุรีไซเคิลให้เป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงแบบครบวงจร เพื่อช่วยลดขยะพลาสติกให้ได้จำนวน 50,000 ตันต่อปีภายในปี พ.ศ. 2569 และรับมือกับความท้าทายด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น ในประเทศไทยก่อให้เกิดขยะชุมชนกว่า 27-28 ล้านตันต่อปี
การบริหารจัดการขยะจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดปัญหาและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถลดการใช้ทรัพยากร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้ง การสร้างธุรกิจใหม่จากระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่สำคัญ เราเชื่อมั่นว่าการสนับสนุนจากยูนิลีเวอร์ แม็คโคร และโลตัส ในโอกาสนี้ จะช่วยให้เครือข่ายซาเล้งและผู้รับซื้อขยะกว่า 300 คนภายใต้โครงการฯ ได้มีอุปกรณ์เก็บและคัดแยกขยะที่เหมาะสม ตลอดจนสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากกิจกรรมต่าง ๆ ไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตได้ในระยะยาวอย่างยั่งยืน”
นางสาวโชติมา ลาภเวโรจน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานการพาณิชย์สินค้าทั่วไปในครัวเรือน บริษัท บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ซีพี แอ็กซ์ตร้า มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน ครอบคลุม 3 มิติ ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ คือการผลักดันระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่มุ่งลดการทิ้งขยะสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งความร่วมมือกับยูนิลีเวอร์ครั้งนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นขององค์กรในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนในการดำเนินงาน ทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าของทั้งแม็คโคร-โลตัส ได้มีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมในการลดขยะพลาสติกและการสนับสนุนคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนเก็บขยะและกลุ่มผู้รับซื้อขยะ ผ่านสาขากว่า 2,400 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์[1] ทั้งนี้ เราเชื่อมั่นว่าการที่ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนเก็บขยะและผู้รับซื้อขยะ จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมได้อย่างยั่งยืน”
ในโอกาสเดียวกันนี้ ยูนิลีเวอร์ยังจัดแคมเปญ ‘ยูนิลีเวอร์รวมพลัง ยกกำลัง2’ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้บริโภค เมื่อซื้อสินค้ายูนิลีเวอร์ที่ร่วมรายการที่แม็คโครและโลตัสทุกๆ ใบเสร็จเท่ากับได้ร่วมบริจาคสมทบทุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย พร้อมรับของสมนาคุณรักษ์โลก ได้แก่