และสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศเป็นหนึ่งในผู้ร่วมลงทุนในการระดมทุนรอบ Series B ของ MyCloudFulfillment ผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์ชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกับ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการวางรากฐานด้านระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งในทุกมิติให้กับสังคมไทยที่จะช่วยให้สตาร์ทอัพไทยสามารถแข่งขันและเติบโตได้ในระดับภูมิภาคอย่างแข็งแกร่ง
นางมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด (SCB 10X) กล่าวว่า “SCB 10X มีความยินดีและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นหนึ่งในผู้ลงทุนของ MyCloudFulfillment สตาร์ทอัพชั้นนำที่ให้บริการด้านคลังสินค้าออนไลน์ครบวงจรของประเทศไทย ตั้งแต่การระดมทุนในรอบ Series A เมื่อปีที่ผ่านมา โดยเรายังคงให้การสนับสนุนต่อเนื่องในการระดมทุนรอบ Series B ร่วมกับ JWD ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์และซัพพลายเชนระดับอาเซียน และจากสถานการณ์โควิด-19 เราพบว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการนำเอาดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามาผสานกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในปัจจุบัน รวมถึงการนำมาปรับใช้ในเรื่อง Digital Transformation ขององค์กรต่าง ๆ อีกด้วย โดยในช่วงสองปีที่ผ่านมาเราเห็นถึงการเพิ่มขึ้นของโซเชียลคอมเมิร์ซและอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากผู้คนหันมาใช้บริการออนไลน์กันมากขึ้น ดังนั้น สตาร์ทอัพที่สามารถให้บริการด้าน fulfillment และโลจิสติกส์ จะยังคงได้รับประโยชน์อย่างมากจากการเติบโตนี้”
“MyCloudFulfillment ผู้ให้บริการคลังสินค้าออนไลน์ครบวงจรแบบไร้รอยต่อ ด้วยบริการที่ครอบคลุมด้านคลังจัดเก็บสินค้า แพ็คสินค้า การสั่งซื้อแพ็กเกจจิ้ง และจัดส่งสินค้าให้กับธุรกิจโซเชียลคอมเมิร์ซ อีคอมเมิร์ซ และ Omnichannel จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของโซเชียลคอมเมิร์ซและอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน นอกจากการสนับสนุนผ่านการลงทุนในการระดมทุนรอบ Series B แล้ว เรายังคงมีแผนในการพัฒนาโซลูชันต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ด้านโซเชียลคอมเมิร์ซในอนาคต เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ประกอบการรวมถึงลูกค้าอีกด้วย” นางมุขยา กล่าวเสริม
นายนิธิ สัจจทิพวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง MyCloudFulfillment หรือ บริษัท อี-เอ็มพาวเวอร์เมนท์ จำกัด กล่าวว่า “MyCloudFulfillment เป็นคลังสินค้าออนไลน์ที่เหมาะที่สุดสำหรับร้านที่ขายของหลายช่องทาง เราเชื่อมต่อกับช่องทางการขายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Marketplace, Website CMS, Live commerce และ อื่น ๆ นอกจากการเชื่อมต่อ API แล้ว ระบบของเรายังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ สำหรับช่วยการขายให้เป็นไปตามอัตโนมัติ เช่น การจัดเซ็ตเสมือน การจัดการโปรโมชั่น เป็นต้น อีกทั้งบริการของเรายังสามารถปรับตามความต้องการและลักษณะเฉพาะของแต่ละร้านค้าได้ด้วย ไม่เพียงแค่นั้นคลังสินค้าของเรายังมีความยืดหยุ่น ในการรองรับออเดอร์ที่มีความผันผวนสูง อย่างไรก็ตามเป้าหมายของบริษัทไม่ได้หยุดอยู่ที่แค่บริการด้านคลังสินค้า เป้าหมายสูงสุดของเราคือการเป็นผู้ช่วยคนสำคัญสำหรับธุรกิจออนไลน์ เรามีความเชื่อเสมอมาตั้งแต่ตั้งต้นว่า ทุกๆ อย่างที่เราทำ เราต้องการทำให้ธุรกิจออนไลน์จัดการร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพและเติบโตได้อย่างยั่งยืน ณ วันนี้เราช่วยเหลือลูกค้าของเราด้านการบริหารการจัดการคลังสินค้า แต่สิ่งที่เราต้องการทำต่อไปคือการช่วยลดเงินจมในสต๊อก และช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย ซึ่งเราจะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ผ่านการใช้ข้อมูลของร้านค้านั้นๆ มาวิเคราะห์อย่างละเอียด หนึ่งในสิ่งที่ทีมพัฒนาของเราพัตนาเพื่อใช้ในปีหน้าคือ Inventory Intelligence ด้วย Machine Learning โดยเริ่มจากการเก็บข้อมูลผู้บริโภคในเชิงลึกและพฤติกรรมการเคลื่อนไหวของสต๊อกสินค้าในระบบของแต่ละร้านค้า นำไปสู่การวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ออกมาเป็นข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจสำหรับธุรกิจ เช่น สินค้าชิ้นไหนควรเก็บมากขึ้นหรือน้อยลง สินค้าชิ้นไหนขายแล้วมีกำไรหรือขาดทุน รูปแบบการขายชนิดนั้นที่สร้างยอดขายให้กับสินค้าชนิดไหน เป็นต้น”
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา MyCloudFulfillment มียอดออเดอร์เติบโตอย่างต่อเนื่องสูงสุดต่อเดือนถึง 300,000 ออเดอร์ ซึ่งเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อปีทีแล้วกว่า 3 เท่า และได้มีการขยายคลังสินค้าจากเดิม 2 แห่ง ที่ลาดกระบัง และ รังสิต พื้นที่รวมกว่า 10,000 ตารางเมตร สู่คลังสินค้าที่ 3 แห่งใหม่ที่มีนบุรี พื้นที่รวมกว่าอีก 6,500 ตารางเมตร ผ่านการร่วมมือกับ JWD Group โดยคลังสินค้าแห่งใหม่นี้จะสามารถรองรับออเดอร์ได้สูงสุดถึงวันละ 30,000 ออเดอร์ ล่าสุด MyCloudFulfillment ยังได้รับรางวัลมากมายไม่ว่าจะเป็น รางวัลเกียรติคุณ ในงานรางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2564 ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น ประเภทองค์กรภาคเอกชนขนาดกลาง, รางวัล Bai Po Business Awards by Sasin รวมถึง ยังเป็น 1 ใน 2 สตาร์ทอัพของไทย ที่ได้รับการคัดเลือกเป็น Forbes Asia 100 To Watch ในปีนี้อีกด้วย
“นอกการได้รับการสนับสนุนทางการเงินในรอบนี้ เรายังสามารถนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ SCB มาใช้เพื่อช่วยสร้างความสะดวกให้กับลูกค้าของเราได้ เช่นการระบบช่วยสภาพคล่องทางการเงินของผู้ซื้อและผู้ขาย (PayZave) หรือ การเชื่อมต่อ QR payment เข้ากับการไลฟ์ขายของ รวมไปถึงการเชื่อมต่อการจัดการสต๊อกเข้ากับบริษัทในเครือของ SCB เช่น Robinhood อีกด้วย ด้านพาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์อย่าง JWD จะเป็นส่วนช่วยในการขยายศักยภาพการรองรับลูกค้า การสร้างคลังสินค้า และขยายบริการให้ครอบคลุมอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนได้มากยิ่งขึ้น เราจึงมั่นใจว่าการสนันสนุนจาก SCB 10X และ JWD จะส่งเสริมให้ MyCloudFulifllment เติบโตและขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างมั่นคง” นายนิธิกล่าวเสริม