December 05, 2025

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารระดับภูมิภาคจาก Grab Holding Inc. นำโดย มร. อเล็กซ์ ฮันเกต ประธานบริษัทฯ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ในโอกาสเดินทางมาเยี่ยมชมและติดตามการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมร่วมหารือในประเด็นต่างๆ อาทิ โอกาสในการพัฒนาความร่วมมือในอนาคตเพื่อยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย การสานต่อความร่วมมือกับ depa ในการพัฒนาคอร์สอบรมออนไลน์ผ่านโครงการ GrabAcademy การส่งเสริมให้ธุรกิจแพลตฟอร์มดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรมเพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการคนไทย ภายใต้การกำกับดูแลที่เหมาะสมตาม พ.ร.บ. เศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัล รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางในการบริหารธุรกิจแพลตฟอร์มในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียนของ Grab ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI และแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อพัฒนาระบบคมนาคมขนส่ง การส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนการส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ณ อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)

หลังจากเริ่มให้บริการเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา อเมซ ซูเปอร์แอป (Amaze Super App) แอปช้อปปิ้งคอนเซ็ปต์ใหม่ที่เปลี่ยนทุกพอยท์ของคุณเป็นพลังช้อปจากเครือซีพี ได้ประกาศเปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมเผยความคืบหน้าล่าสุดและโปรโมชั่นสุดคุ้มที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคและร้านค้าไทยยุคใหม่ โดยได้รับเสียงตอบรับในเชิงบวกจากผู้ใช้งานจริงถึงความสะดวกในการรวมพอยท์จากหลายแหล่ง ทั้งจากโปรแกรมสมาชิกในเครือซีพี อาทิ ALL POINT, My Lotus's, Makro PRO POINT และ True Point รวมถึงพอยท์จากบัตรเครดิตชั้นนำ ไม่ว่าจะเป็น KrungSri, FirstChoice, POINTX, UOB, BBL, GSB และ KBank เพื่อให้ผู้ใช้ อเมซ ซูเปอร์แอป สามารถรวมพอยท์ทั้งหมดไว้ในกระเป๋าพอยท์เดียว หมดกังวลเรื่องพอยท์กระจัดกระจายและหมดอายุ ทั้งยังสามารถสะสมและใช้พอยท์แทนเงินสดได้สะดวกและคุ้มค่ายิ่งขึ้นแบบไม่มีขั้นต่ำ

นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยถึงการเปิดตัว Amaze Super App ว่า “Amaze เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการสร้างสิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่มลูกค้า โดยนำเอาผู้ผลิตมาพบกับผู้บริโภคในเครือข่ายฐานลูกค้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีมากกว่า 100 ล้านผู้ใช้งานทั่วประเทศ นี่คือก้าวสำคัญของยุทธศาสตร์ ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน ที่เรากำลังดำเนินการ”

“หัวใจสำคัญของ Amaze คือการมุ่งนำเอาประโยชน์สูงสุดกลับไปสู่ผู้บริโภคและสมาชิก ด้วยการใช้ข้อมูลที่ดี ถูกต้อง และแม่นยำ ทำให้เราสามารถเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และต่อยอดด้วยจุดแข็งของการเป็นบริษัทไทยที่มีความโดดเด่นด้านบริการหลังการขายและการรับประกันคุณภาพ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการระดับโลก” คุณศุภชัยกล่าว

นอกจากนี้ คุณศุภชัยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “Amaze คือก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่สร้างโดยคนไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการในยุคดิจิทัล และผลักดันให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว”

คุณธรินทร์ ธนียวัน ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มด้านอีคอมเมิร์ซ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด เปิดเผยว่า Amaze Super App เป็นแพลตฟอร์ม Loyalt E-Commerce และเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยที่เครือซีพีตั้งใจวางรากฐานให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยการเชื่อมโยงแต้มสะสมจากหลายแหล่งให้กลายเป็นมูลค่าจริงในชีวิตประจำวัน ผ่านระบบที่ปลอดภัย โปร่งใส และขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาโดยคนไทย

แนวทางการพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลในวันนี้ ต้องไม่หยุดเพียงแค่การค้าขายออนไลน์ แต่ต้องสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการใช้ประโยชน์จากข้อมูล (Data) อย่างมีประสิทธิภาพ เคารพสิทธิของผู้บริโภค และเปิดโอกาสให้แบรนด์ไทยสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด ในขณะเดียวกันก็วางพื้นฐานสำหรับการทำ Personalized Commerce และ Retail Media อย่างครบวงจรในอนาคต

ดร. สรินทิพย์ สถิตย์เสถียร กรรมการผู้จัดการ Amaze Super App บริษัท แอสเซนด์ คอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวว่า “อเมซ ซูเปอร์แอป ไม่ได้เป็นแค่แอปที่รวมพอยท์จากหลายแหล่งมาไว้ในที่เดียว แต่คือจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติโครงสร้างการใช้พอยท์ในประเทศไทย เรามองเห็นศักยภาพของพอยท์ที่คนไทยมีอยู่แต่ยังใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ จึงพัฒนา อเมซ ซูเปอร์แอป เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถรวมพอยท์นำไปใช้จ่ายได้ง่าย คุ้มค่ากว่าเดิม และเกิดมูลค่าจริงในชีวิตประจำวัน

โอกาสนี้หน่วยธุรกิจในเครือเจริญโภคภัณฑ์ นำโดยนายมนัสส์ มานะวุฒิเวช ประธานคณะผู้บริหาร ด้านธุรกิจข้อมูลและลูกค้าองค์กร ทรู คอร์เปอร์เรชั้น เปิดเผยว่า “Amaze เป็นระบบ CRM ที่ตอบโจทย์ลูกค้ากว่า 40 ล้านบัญชีของทรูมากที่สุด ซึ่งตรงกับยุทธศาสตร์ของทรูที่มีเป้าหมายตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนไทย ซึ่งจะทำให้เกิดความสะดวกสบายของผู้บริโภค“

ด้านนายธนิศร์ เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มสายงานการพาณิชย์สินค้า CP AXTRA เปิดเผยว่า “Amaze สามารถทำให้ลูกค้าของ CP AXTRA ใช้พอยท์ Earn และ Burn ง่ายขึ้นกว่าเดิม และยังช่วยให้สิทธิประโยชน์ของแต่ละกลุ่มธุรกิจเชื่อมต่อกันแบบไร้รอยต่อ”

เช่นเดียวกับนายณัฏฐ์วุฒิ อยู่ปราโมทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนัก Online Sales & Marketing CP ALL ระบุว่า “Amaze เป็นการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าของ CP ALL ที่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน ให้สามารถตอบโจทย์ได้ในทุกระดับ เปลี่ยนจาก Daily life Shopping สู่การเป็น Lifestyle Shopping มากขึ้น”

ขณะที่นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดกลาง บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เชื่อว่า ศักยภาพด้านการผลิตสินค้าอาหาร จะสามารถร่วมมือกับ Amaze ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอาหารของผู้บริโภคที่จะทำให้สะดวกสบายมากยิ่งข้น

สำหรับสิทธิประโยชน์สุดพิเศษสำหรับสมาชิก อเมซ ซูเปอร์แอป ที่จะยกระดับทุกประสบการณ์การช้อป เริ่มจากความสะดวกในการรวมพอยท์จากหลายแหล่งมาเป็น อเมซพอยท์ ได้ในแอปเดียว ใช้จ่ายแทนเงินสดได้ทั้งตะกร้าแบบไม่มีขั้นต่ำ พร้อมสินค้าที่มีให้เลือกมากมายกว่า 100,000 รายการ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้พอยท์สั่งสินค้า 7-Eleven และ Lotus’s ได้ง่าย ๆ พร้อมบริการจัดส่งถึงมือภายใน 1–3 ชั่วโมง และยังได้รับโปรโมชั่นเดียวกับหน้าร้านอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น ผู้บริโภคยังสามารถเลือกช้อปสินค้าแท้จากแบรนด์ดังได้ที่ อเมซมอลล์ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องของปลอม พร้อมดีลสุดคุ้มมากมาย อีกทั้งทุกครั้งที่ช้อป ยังได้รับ อเมซพอยท์ สะสมไว้ใช้จ่ายในครั้งต่อไปแบบสบาย ๆ

พิเศษสุดจาก อเมซมอลล์ สำหรับช่วงเปิดตัว รับดีลและข้อเสนอเฉพาะสมาชิกเท่านั้น ได้แก่

● รับฟรีทันที 2,000 อเมซพอยท์ (มูลค่า 20 บาท) ใช้ซื้อสินค้าที่ 7-Eleven, Lotus's และสินค้าแบรนด์ดังในอเมซมอลล์ พร้อมรับคูปองส่วนลดและสิทธิพิเศษจากพาร์ทเนอร์ชั้นนำมากมาย ทั้ง 7-Eleven, Lotus's, Makro, TRUE, TRUE Money และแบรนด์ดังจากอเมซมอลล์ มูลค่ารวมสูงสุดถึง 10,000 บาท!

● โอนพอยท์บัตรเครดิตที่ร่วมรายการ มาเป็นอเมซพอยท์ครั้งแรก รับอเมซพอยท์เพิ่มสูงสุด 150,000 พอยท์ (มูลค่า 1,500 บาท) ต่อ 1 ธนาคาร ยิ่งถือบัตรเครดิตหลายธนาคาร ยิ่งได้รับสิทธิเยอะ

● ช้อปสินค้าดังกับดีลเด็ด ลดสูงสุดถึง 90% กับ Amaze Mall Day ทุกวันพุธ ทุบราคาเริ่มต้นแค่ 9 บาท แถมพอยท์คืน สูงสุด 15%

● สุดคุ้มสำหรับสายตุน - ทุกวันเสาร์ เหมาเซเว่น - รับพอยท์เพิ่ม 11 เท่า เมื่อช้อปอาหารพร้อมทาน เครื่องดื่ม และสินค้าที่เข้าร่วมจาก 7-Eleven ผ่านแอปอเมซ ขั้นต่ำ 300 บาท และใช้คูปองลดเพิ่ม 30 บาท

● ช้อปสินค้า Lotus's ผ่านแอปอเมซครั้งแรก รับทันที คูปองส่วนลด 20 บาท เมื่อซื้อครบ 99 บาท พร้อมรับพอยท์เพิ่ม 10 เท่า ไม่มีขั้นต่ำ

● สามารถดาวน์โหลดอเมซและสมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้ ทั้งบนระบบ iOS และ Android เพียงค้นหา ‘Amaze Super App’

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางเทคและสตาร์ทอัพ ล่าสุดผนึกพลังกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เสริมแรงดึงดูดชาวต่างชาติเข้าลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ด้วยบริการแบบครบวงจรเพื่อตอบทุกความต้องการด้านการลงทุนของนักธุรกิจต่างชาติแบบเบ็ดเสร็จในที่เดียว ผ่าน TDPK International Service Center เริ่มต้นประกอบธุรกิจในประเทศไทยได้สะดวก ง่าย ไม่ยุ่งยาก พร้อมโอกาสสร้างธุรกิจเติบโตได้เร็วตามเป้าหมาย ครอบคลุมบริการสำคัญๆ ทั้งเพื่อธุรกิจและเพื่อการพำนักระยะยาว กระตุ้นชาวต่างชาติที่มีความมั่งคั่งและมีทักษะสูงเข้าสู่ประเทศไทย พร้อมจัดงาน Thailand Fast Track สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับพันธมิตรนานาประเทศ เพิ่มความมั่นใจในนโยบายส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทย ตอกย้ำศักยภาพความพร้อมเป็นหนึ่งในประเทศกลุ่มอาเซียนที่น่าลงทุน

รายงานของ ASEANstats เปิดเผยมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของ 10 ประเทศในกลุ่มอาเซียน พบว่า ประเทศไทยรั้งท้ายอยู่อันดับ 6 และมีอัตราการเติบโตลดลงต่อเนื่อง ในปี 2567 ที่ผ่านมา FDI ของประเทศไทยมีมูลค่าราว 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปี 2566 ที่มีมูลค่า 11.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคอาเซียนยังคงน่าลงทุนและมีเม็ดเงิน FDI เติบโตต่อเนื่อง ท่ามกลางสมรภูมิการแข่งขันที่เข้มข้นเพื่อดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศ ประเทศไทยจึงต้องเร่งส่งเสริมการลงทุน รวมพลังทุกภาคส่วน ยกระดับขีดความสามารถทางการแข่งขันและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการลงทุนของชาวต่างชาติในอาเซียน หากชาวต่างชาติหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน จะไม่มีการลงทุนใหม่ๆ เข้ามา ส่งผลให้การจ้างงานในประเทศลดลง และกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ

ดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า ทรู ดิจิทัล พาร์ค ร่วมมือกับบีโอไอ มานานกว่า 6 ปี เพื่อร่วมกันสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่เข้มแข็งในการดึงดูดชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนและประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือนี้ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ได้รับการแต่งตั้งจากบีโอไอ ให้เป็นตัวแทนที่ได้รับการรับรอง (Certified Agent) ให้ดูแลชาวต่างชาติในการยื่นขอวีซ่าพำนักระยะยาว หรือ Long-Term Resident Visa (LTR Visa) และผู้ให้บริการด้านการสนับสนุนการเข้าสู่ตลาดประเทศไทย โดยได้จัดตั้ง

TDPK International Service Center เป็นศูนย์บริการแบบครบวงจรทั้งเพื่อธุรกิจและการพำนักในประเทศไทย ที่ผ่านมา เราสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติให้ได้รับการอนุมัติวีซ่า SMART “S” Visa มากกว่า 100 ราย จาก 32 สัญชาติ เพื่อประกอบธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ดิจิทัล การเงิน ความบันเทิง และการศึกษา โดยผู้ประกอบการส่วนมากมาจากทวีปเอเชียและยุโรปตามลำดับ รวมถึงดูแลให้นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงได้รับวีซ่าพำนักระยะยาวแล้วกว่า 50 ราย จาก 15 สัญชาติ และมีบริษัทต่างชาติในระบบนิเวศของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค มากกว่า 300 บริษัท ผ่านโปรแกรม Global Startup หรือเช่าพื้นที่สำนักงานและโคเวิร์คกิ้งสเปซ

การทำงานอย่างใกล้ชิดกับบีโอไอและนักลงทุนต่างชาติจากทุกทวีปทั่วโลก ทำให้เราเข้าใจความท้าทายที่ชาวต่างชาติต้องเผชิญ โดยเฉพาะในด้านการเข้ารับบริการต่างๆ ในประเทศไทยที่ยังไม่มีการรวมศูนย์ ไม่ว่าจะเป็น การให้บริการวีซ่า พื้นที่ทำงาน คำแนะนำด้านกฏหมาย การหาที่พักอาศัย รวมถึงการเข้าถึงเครือข่ายธุรกิจ ทำให้มีความยุ่งยากซับซ้อน เป็นอุปสรรคสำคัญในการเข้ามาดำเนินธุรกิจและใช้ชีวิตในประเทศไทย

ระบบนิเวศครบวงจรที่แข็งแกร่งของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค สามารถตอบโจทย์และลดอุปสรรคในการเข้าประกอบธุรกิจและพำนักในประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม โดย TDPK International Service Center เชื่อมโยงทุกความต้องการของนักธุรกิจและนักลงทุนต่างชาติ ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรกว่า 5,800 ราย ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งบริษัทเทคระดับโลก องค์กรเอกชนชั้นนำ สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ ตลอดจนผู้ประกอบการเทครุ่นใหม่และสตาร์ทอัพในแวดวงธุรกิจต่างๆ และให้บริการครบวงจรครอบคลุมทั้งบริการด้านกฎหมาย การเงิน การลงทุน บริการสนับสนุนทางธุรกิจ และอีกมากมาย จึงช่วยลดความยุ่งยากและประหยัดเวลาในการติดต่อขอรับบริการต่างๆ สามารถประมาณการค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมได้ชัดเจน และที่สำคัญยังได้รับคำแนะนำและปรึกษาเกี่ยวกับตลาดในประเทศไทย เปิดโอกาสใหม่ๆในการเริ่มต้นธุรกิจ

 

เชื่อมโยงทุกความเป็นไปได้จากต่างชาติสู่ประเทศไทย

TDPK International Service Center ให้บริการแบบครบวงจรในที่เดียว ทั้งบริการเพื่อธุรกิจและเพื่อการพำนักระยะยาวในประเทศไทย

1. บริการวีซ่า   : ทรู ดิจิทัล พาร์ค สนับสนุนนโยบายของบีโอไอ โดยส่งเสริมให้ชาวต่างชาติสามารถมาพำนักในประเทศไทยในระยะยาวได้อย่างถูกกฎหมาย เช่น วีซ่าพำนักระยะยาว (Long-Term Residence Visa) บัตรไทยแลนด์ พริวิเลจ (Thailand Privilege Card) สมาร์ทวีซ่า (SMART Visa) สำหรับผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพ และ วีซ่านักท่องเที่ยว ประเภทพิเศษ (Destination Thailand Visa - DTV) ทั้งนี้ ทรู ดิจิทัล พาร์คยังเป็นศูนย์ให้คำแนะนำเรื่องการ ตั้งถิ่นฐาน รวมถึงบริการให้คำแนะนำด้านการดูแลสุขภาพและประกันอีกด้วย

2. บริการด้านธุรกิจแบบครบวงจร  : บริการดูแลเรื่องการปรึกษาด้านธุรกิจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย การจัดตั้งบริษัทในประเทศไทย และการหาเครือข่ายและนักลงทุนเพื่อเป็นหุ้นส่วนในอนาคต รวมไปจนถึงการเช่าออฟฟิศที่เป็นที่อยู่สำหรับการจัดตั้งบริษัท

3. เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต  : บริการต่างๆที่จะเติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้กับชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตในประเทศไทย เช่น ฟิตเนส สปา ร้านอาหาร และโรงเรียนนานาชาติ รวมไปถึงกิจกรรมสร้างเครือข่ายชุมชนชาวต่างชาติในประเทศไทยที่จัดขึ้นเฉพาะกลุ่ม เช่น ชมรมวิ่ง และกิจกรรมสันทนาการอื่นๆ

ทรู ดิจิทัล พาร์ค ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของแรงขับเคลื่อนนี้ เรามุ่งมั่นที่จะดึงดูดนักลงทุนและนักธุรกิจต่างชาติให้เข้าสู่ประเทศไทยผ่าน TDPK International Service Center เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวในปี 2568 โดยเน้นนำเสนอบริการที่ครอบคลุมและมีคุณภาพ ควบคู่กับการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของธุรกิจและนวัตกรรม พร้อมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ทันสมัย การสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่ดึงดูด ผู้มีศักยภาพจากทั่วโลก เรามั่นใจว่า ความพยายามต่อเนื่องนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจในประเทศไทย ช่วยผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยให้เติบโตและแข่งขันได้ในระดับโลก” ดร.ธาริต กล่าวสรุป

SAP NEWSBYTE — กรุงเทพฯ 24 กันยายน 2567วันนี้ SAP ได้ประกาศว่า บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ Taulia เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเงินทุนหมุนเวียนภายใต้โครงการของบริษัทฯ ในการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานด้านการผลิตทั่วโลก ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดย Taulia ซึ่งถูก SAP เข้าซื้อกิจการในปี พ.ศ. 2565 เป็นผู้ให้บริการโซลูชันการจัดการเงินทุนหมุนเวียนชั้นนำ และมีเป้าหมายที่จะช่วยให้ลูกค้าของ SAP สร้างกระแสเงินสดอิสระมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ และปรับปรุงความยืดหยุ่นและความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน 

 

อินโดรามา เวนเจอร์ส มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก โดยมีโรงงานผลิตประมาณ 140 แห่งใน 5 ทวีป ในฐานะส่วนหนึ่งของโปรแกรมการเปลี่ยนแปลง IVL 2.0 และ Procurement 4.0 กระแสเงินสดอิสระถือเป็นเป็นเป้าหมายหลักของบริษัท ภายใต้โปรแกรมชำระเงินล่วงหน้าของ Taulia ซึ่งได้เริ่มใช้งานในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2567 ที่ผ่านมา อินโดรามา เวนเจอร์ส สามารถเสนอตัวเลือกการชำระเงินล่วงหน้าแก่ซัพพลายเออร์ในอัตราพิเศษ โดยมุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงสภาพคล่องของห่วงโซ่อุปทานและเพิ่มประสิทธิภาพเงินทุนหมุนเวียน พร้อมทั้งสนับสนุนการเติบโตทางธุรกิจผ่านโซลูชันระดับโลกที่เป็นหนึ่งเดียว และคาดว่าซัพพลายเออร์ทั่วโลกของบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากโปรแกรมนี้ 

การนำ Taulia มาใช้จะช่วยทำให้อินโดรามา เวนเจอร์ส สามารถลดระยะเวลาในการชำระเงินให้กับซัพพลายเออร์ได้ ช่วยทำให้สถานะทางการเงินของอุตสาหกรรมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) ในเอเชียดีขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วการชำระเงินจะเกิดขึ้นภายใน 60 ถึง 90 วัน โมเดล ‘multifunder’ ของ Taulia จะช่วยทำให้อินโดรามา เวนเจอร์ส สามารถเข้าถึงระบบนิเวศของสถาบันการเงินต่างๆ ได้ ทำให้มีความยืดหยุ่นและลดความเสี่ยงผ่านแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย ขณะที่ซัพพลายเออร์ก็สามารถเข้าถึงแหล่งสภาพคล่องที่มั่นคงสำหรับใบแจ้งหนี้ค้างชำระได้ การบูรณาการนี้จะช่วยให้ทีมการเงินและจัดซื้อของบริษัทฯ สามารถเปรียบเทียบเงินทุนหมุนเวียนกับคู่แข่งระดับโลกได้ พร้อมทั้งขับเคลื่อนประสิทธิภาพและการทำงานอัตโนมัติในกระบวนการจัดการเงินทุนหมุนเวียน 

 

อินโดรามา เวนเจอร์ส เริ่มต้นเส้นทางการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลในปี พ.ศ. 2563 โดยนำเครื่องมือต่างๆ รวมถึงแพลตฟอร์ม SAP S/4HANA ERP มาใช้ โดยในขั้นตอนต่อไปของการเปลี่ยนแปลงนี้ บริษัทกำลังเปิดตัวโซลูชันดิจิทัลและ AI มากมายที่สามารถสร้างมูลค่าและประสิทธิภาพในด้านปฏิบัติการหลักๆ รวมถึงการผลิต การพาณิชย์ การจัดซื้อ การขาย ห่วงโซ่อุปทาน และด้านการเงิน 

คุณซันเจย์ อาฮูจา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านกลยุทธ์และการเปลี่ยนแปลงองค์กร อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า "อินโดรามา เวนเจอร์ส เลือกที่จะใช้ Taulia เนื่องจาก Taulia มีประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ รวมถึงการบูรณาการเข้ากับ SAP ให้เป็นหนึ่งเดียว ระบบนิเวศของธนาคารหลายแห่ง การรับซัพพลายเออร์เข้าทำงานอย่างรวกเร็วภายใน 90 วินาที และเครือข่ายซัพพลายเออร์หลายล้านรายที่กว้างขวาง ซึ่งความร่วมมือกับ SAP และการนำ Taulia มาใช้จะช่วยปรับปรุงกระบวนการทางการเงินของเรา และปรับปรุงเป้าหมายด้านไอทีและการจัดการกระแสเงินสดของเราได้ โครงการริเริ่มนี้มุ่งหวังที่จะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ของเราโดยการรับรองการชำระเงินที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งมีความสำคัญต่อการเติบโตและความมั่นคงของซัพพลายเออร์" 

คุณกุลวิภา ปิยวัฒนเมธา กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคอินโดจีน บริษัท SAP กล่าวว่า “การใช้ Taulia ของ อินโดรามา เวนเจอร์ส ถือเป็นก้าวสำคัญสำหรับธุรกิจในประเทศไทย การเร่งกระบวนการชำระเงินและปรับปรุงกระบวนการทางการเงินจะช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดหาสภาพคล่องที่จำเป็นต่อการเติบโตและก้าวหน้าให้แก่ซัพพลายเออร์ในประเทศได้ นอกจากนี้ ความคิดริเริ่มนี้ยังสอดคล้องกับพันธกิจของเราในการสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศไทยและของรัฐบาลที่มุ่งเสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทานของประเทศ ซึ่งเราจะร่วมกันสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับอนาคต” 

คุณ Rene Ho ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Taulia กล่าวว่าเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ประกาศความร่วมมือกับ อินโดรามา เวนเจอร์ส ในการบรรลุเป้าหมายกระแสเงินสดอิสระภายใต้โครงการ IVL 2.0 เราเข้าใจถึงบทบาทสำคัญที่ห่วงโซ่อุปทานมีต่อความสำเร็จของบริษัท ผ่านโปรแกรมการชำระเงินล่วงหน้าของ Taulia เรามุ่งมั่นที่จะช่วยให้ซัพพลายเออร์ทุกขนาดสามารถเข้าถึงสภาพคล่องที่ต้องการ ผ่านกลยุทธ์และกรอบการทำงานที่ได้รับการออกแบบมาอย่างรอบคอบ โครงการนี้ยังถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องของเราทั่วเอเชีย ซึ่งเราจะยังคงสนับสนุนบริษัทในเอเชียในการเติบโตและเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานในท้องถิ่นให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นต่อไป” 

อีริคสันประเทศไทยเปิดตัว 5G Innovation & Experience Studio ในโครงการ Thailand Digital Valley ยกระดับนวัตกรรม 5G และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของไทย

อีริคสันประเทศไทย เปิดตัว 5G Innovation & Experience Studio ภายในโครงการ Thailand Digital Valley อย่างเป็นทางการ โดยสตูดิโอนี้ถูกออกแบบเพื่อเป็นศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี 5G ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงสถาบันการศึกษา เพื่อสร้างกรณีศึกษายูสเคสใหม่ ๆ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทย ด้วยเครือข่าย 5G ที่ทันสมัยและยั่งยืน

ความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) นี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการพัฒนาโซลูชันที่ล้ำสมัย อาทิ หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) และเทคโนโลยีกล้อง CCTV 360 องศา เพื่อแสดงศักยภาพของ 5G ที่จะเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจในอนาคต

มร.แอนเดอร์ส เรียน ประธานอีริคสันประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของ 5G ในการสร้างสรรค์บริการใหม่ ๆ สำหรับทั้งผู้บริโภคและองค์กร โดยมุ่งมั่นทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์สูงสุดจากโครงข่าย 5G

ทั้งนี้ อีริคสันยังคาดการณ์ว่าในปี 2572 ผู้ใช้ 5G จะเติบโตถึง 60% ของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทั่วโลก พร้อมกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click