“สกาย กรุ๊ป” ผ่านเข้า SET100 เผยผลงานเติบโตโดดเด่น สะท้อนจุดยืนการเป็นผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการบิน พร้อมการรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มดิจิทัล โดยได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET100 ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวบรวมบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูง 100 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การเข้าสู่ดัชนี SET100 ถือเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งทางการเงินและศักยภาพในการเติบโตของบริษัท โดยเกณฑ์การคัดเลือกบริษัทเข้าสู่ดัชนี SET100 นั้นประกอบด้วย มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Trading Value) สภาพคล่องของหุ้น (Free Float) การติดดัชนี SET100 ของ SKY เป็นการตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของสกายกรุ๊ป ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันด้านไอซีทีชั้นนำของประเทศ และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคงในอนาคต
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) กล่าวว่า การที่ SKY ได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนในดัชนี SET100 นับเป็นความสำเร็จที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของบริษัท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้และกำไรของสกาย กรุ๊ป โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว และการเข้าสู่ดัชนี SET100 จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น บริษัทฯ ขอขอบคุณตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่คัดเลือกหลักทรัพย์ SKY เป็น 1 ใน 9 บริษัทที่เข้าคำนวณดัชนี SET 100 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 (1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2567) นับเป็นความภูมิใจและอีกหนึ่งก้าวสำคัญของ SKY และขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกคนที่เชื่อมั่นในบริษัทฯ
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการเดินทางเข้า-ออกของผู้โดยสาร โดยสถิติของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยใน 5 เดือนแรกของปี 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมประมาณ 14.7 ล้านคน โตจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ถึง 38% ส่งผลให้รายได้ของ SKY เติบโต นอกจากนี้ บริษัทลูกก็มีแผนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) ที่พร้อมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในปีนี้ และประมูลงานภาครัฐ หรือบริษัท เมทเธียร์ จำกัด ที่เป็นกำลังหลักในการบุกภาคเอกชนด้วยธุรกิจให้บริการการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ พร้อมขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยบุคลากรมืออาชีพและเทคโนโลยีระดับโลก
“สกาย กรุ๊ป” เผยผลประกอบการ Q1/2567 กวาดรายได้ 1,379 ล้านบาท โตแรง 68% กำไรสุทธิ 117 ล้านบาท รับสัญญาณบวกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวคึกคักยอดผู้โดยสารเข้า-ออกประเทศทะลัก ดันรายได้จากโครงการเกี่ยวกับสนามบินพุ่งหนุนธุรกิจ Aviation Tech และ Airport Services เติบโตต่อเนื่อง โชว์แบ็คล็อกแกร่ง 22,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าจัดทัพโครงสร้างในการทำธุรกิจให้มีความชัดเจนเพื่อเสริมฐานการเติบโตสร้างความแข็งแกร่งในอนาคต
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2567 (ม.ค.- มี.ค. 67) บริษัทสามารถทำรายได้ 1,379 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 117 ล้านบาท เติบโตขึ้น 68% และ 40% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (YoY) โดยการเติบโตที่ต่อเนื่องนั้นมาจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กลับมาคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ยอดผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยในไตรมาสแรก 2567 มียอดผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 22.84% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปี 2566 ส่งผลให้รายได้จากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยาน อาทิ ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) และโครงการการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger Processing System: APPS) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางเข้า-ออกประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัทมีการรับรู้รายได้จากบริษัทในเครืออย่าง บริษัท เมทเธียร์ จำกัด และบริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) รวมถึงการลงทุนในบริษัทย่อยและบริษัทอื่นที่มีศักยภาพ ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
นายสิทธิเดช กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 นอกจากการพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้าน Aviation Tech อย่างต่อเนื่องในโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสนามบินแล้ว สกาย กรุ๊ป ยังคงเดินหน้าจัดทัพโครงสร้างธุรกิจในเครือ เพื่อรองรับการขยายการเติบโตของแต่ละธุรกิจให้มีความชัดเจน โดยมีบริษัท เมทเธียร์ จำกัด ดำเนินธุรกิจการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Facility Management) เจาะกลุ่มโครงการขนาดกลางถึงขนาดใหญ่รวมถึงผู้ให้บริการรายอื่นที่ต้องการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงยกระดับการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยและการทำความสะอาดให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และบริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) ดูแลงานประมูลไอทีโซลูชันภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งมีแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยได้เข้ายื่นไฟลิ่งขาย IPO 140 ล้านหุ้น คาดว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จในปีนี้
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2567 บริษัทได้เข้าทำสัญญาใหม่และมีงานที่อยู่ระหว่างรอส่งมอบตามสัญญาในอนาคต (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 22,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ให้กับสกาย กรุ๊ปในอีกอย่างน้อย 6-7 ปี
“สกาย กรุ๊ป เรามองหาโอกาสใหม่ในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และเตรียมความพร้อมให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเทคโนโลยีและบุคลากรเพื่อรับมือกับโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ อาทิ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ แพลตฟอร์มดิจิทัล ไปจนถึงการขยายสู่ธุรกิจเทคโนโลยีด้านต่างๆ ในอนาคตเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าในภาพรวมบริษัทจะยังคงเติบโตได้อย่างมั่นคง” นายสิทธิเดช กล่าว
“สกาย กรุ๊ป” เผยผลประกอบการ Q1/66 กวาดรายได้ 820 ล้านบาท โตแกร่ง 75% กำไรสุทธิ 83 ล้านบาทรับอานิสงค์ยอดผู้โดยสารเข้า-ออกประเทศทะลัก หลังอุตสาหกรรมท่องเที่ยว-การบินฟื้น ดันรายได้จากโครงการเกี่ยวกับสนามบินพุ่ง โชว์แบ็กล็อก 22,900 ล้านบาท เชื่อมั่น Aviation Tech แต้มต่อสำคัญพร้อมเดินหน้าธุรกิจต่อเนื่อง เตรียมเร่งเครื่องจัดทัพ-ขยายธุรกิจใหม่ สยายปีกสู่ Beyond Tech Company สร้างความแข็งแกร่งในอนาคต
นายสิทธิเเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป (SKY Group) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 (ม.ค.-มี.ค. 66) บริษัทสามารถทำรายได้ 820 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 75% (YoY%) และมีกำไรสุทธิ 83 ล้านบาท ถือเป็นผลการดำเนินงานที่น่าพึงพอใจ ซึ่งสาเหตุหนึ่งที่บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากรายได้จากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยาน อย่างระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) และโครงการการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) ขยายตัวเพิ่มขึ้น หลังอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวประเทศไทยฟื้นตัว มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า-ออกประเทศไทยมากขึ้น
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 บริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างการรอส่งมอบตามสัญญา (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 22,900 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท สร้างการเติบโตให้กับสกาย กรุ๊ปอย่างแข็งแกร่ง
“ที่ผ่านมา สกาย กรุ๊ป ได้ลงทุนศึกษาวิจัย และพัฒนาด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบิน (Aviation Tech) มาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี ทำให้เราสามารถสร้างการเติบโต แม้ต้องเผชิญกับท้าทายจาก COVID-19 เห็นได้จากการขยายตัวของสกาย กรุ๊ปและบริษัทที่เราเข้าไปร่วมลงทุน เราเชื่อว่านับจากวันนี้ไป ภาคการท่องเที่ยวและการบินทั่วโลกจะยังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ Aviation Tech กลายเป็นหนึ่งในแต้มต่อสำคัญของประเทศ” นายสิทธิเดช กล่าว
นายสิทธิเดช กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในไตรมาส 2/2566 สกาย กรุ๊ป ยังคงมุ่งพัฒนาและสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้าน Aviation Tech ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับการบริการภายในสนามบิน (Airport Services) ให้มีประสิทธิภาพและคล่องตัว ช่วยเพิ่มความสามารถ (Capacity) ของท่าอากาศยานในการรองรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่พร้อมจะหลั่งไหลเข้าประเทศไทยตลอดทั้งปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสเติบโตให้กับสกาย กรุ๊ป ควบคู่ไปกับการเดินหน้าเข้าประมูลงาน ทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน มูลค่ารวมหลักหลายพันล้านบาท เสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในอนาคต
ขณะเดียวกัน สกาย กรุ๊ป ยังมีแผนปรับโครงสร้างยกระดับองค์กรสู่ “Beyond Tech Company” มุ่งสร้างองค์กรให้เป็นมากกว่าผู้พัฒนาเทคโนโลยี และเปิดตัวบริษัทลูกเพื่อขยายธุรกิจใหม่ เสริมความมั่นคงแข็งแกร่งให้กับบริษัทในระยะยาว สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Connecting Thailand วางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีของประเทศให้แข็งแกร่ง พร้อมเปิดรับความก้าวล้ำของเทคโนโลยีระดับโลกสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และพัฒนาบุคลากรเติมเต็ม Tech Ecosystem ขับเคลื่อนประเทศไทยให้พร้อมรับทุกความเปลี่ยนแปลงของโลก โดยคาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดเร็วๆ นี้