อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว เปิดตัวโปรแกรม Eco Deals ครั้งที่สี่ในการประชุมการท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Forum) เสริมสร้างความร่วมมือกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล(WWF) ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการอนุรักษ์สัตว์ป่าและแหล่งที่อยู่อาศัยที่สำคัญในเอเชีย ภายใต้แนวคิด "ร่วมกันผลักดัน: กำหนดอนาคตการท่องเที่ยวของอาเซียน" โครงการนี้จึงไม่เพียงแต่เสริมสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ยั่งยืน แต่ยังช่วยรักษาสมดุลของธรรมชาติในภูมิภาคเอเชียอีกด้วย
อโกด้าตั้งเป้าหมายรับบริจาคสูงถึง 1.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเป้าหมาย 1 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยในปีนี้ได้ขยายโปรแกรมไปยังญี่ปุ่นและเกาหลี รวมเป็น 10 ประเทศทั่วเอเชีย และเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา อโกด้าจะบริจาค 1 ดอลลาร์ให้กับความพยายามในการอนุรักษ์ของ WWF สำหรับทุกการจองกับโรงแรมที่เข้าร่วม นับเป็นการสนับสนุนการอนุรักษ์ธรรมชาติในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
โครงการ Eco Deals สนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำในญี่ปุ่น
การปกป้องนกปากช้อนในเกาหลี
การอนุรักษ์เสือในมาเลเซีย
การปกป้องฉลามวาฬในฟิลิปปินส์
การอนุรักษ์ช้างในไทย
การปกป้องซาโอล่าในเวียดนาม
การฟื้นฟูระบบนิเวศในอินโดนีเซีย
การพัฒนาพื้นที่ชุ่มน้ำในสปป. ลาว
หรือการสนับสนุนเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในกัมพูชา เป้นต้น
โครงการ Eco Deals นี้จะเปิดให้ทำการจอง ได้ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568 ถึง 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568 นับเป็นโอกาสในการร่วมมือในการอนุรักษ์ธรรมชาติและสร้างผลกระทบที่ยั่งยืน
สำหรับส่วนหนึ่งของโครงการ Eco Deals ในกรอบการทำงานปี 2568 อโกด้ายังได้เปิดตัวกองทุน Sustainable Tourism Impact Fund ร่วมกับ WWF-Singapore และ UnTours Foundation ซึ่งกองทุนนี้ออกแบบมาเพื่อให้สามารถมอบเงินลงทุนที่สามารถเข้าถึงง่าย เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งมั่นที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงในด้านความยั่งยืนในภาคการท่องเที่ยว โดยอโกด้าได้จัดสรรงบประมาณ 100,000 ดอลลาร์ และจะเพิ่มเป็น 150,000 ดอลลาร์ เมื่อยอดบริจาคครบ 1.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้นับเป็นการลงทุนที่มุ่งหวังสร้างอนาคตที่สดใสและยั่งยืนในวงการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
เรียงจากซ้ายไปขวา นายวีเวค คูมาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WWF ประเทศสิงคโปร์, นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประเทศไทย, นางดารณี พรมมาวงศ์สา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสารสนเทศ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว ประเทศลาว, นายอัลวิน ทาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ประเทศสิงคโปร์, นายโฮ อัน ฟอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ประเทศเวียดนาม, นายเตียง คิง สิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม ประเทศมาเลเซีย, เดเมี่ยน เฟิร์ช, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการพาณิชย์ อโกด้า, ดร. อับดุล มานัฟ เมตุซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรขั้นพื้นฐานและการท่องเที่ยว ประเทศบรูไน ดารุสซาลาม, ฮัก ฮูต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ประเทศกัมพูชา, นางวิดิยานี พุทธรี วาร์ดานา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว อินโดนีเซีย, นางคริสตินา การ์เซีย ฟราสโก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฟิลิปปินส์
Damien Pfirsch, ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการค้าของอโกด้า กล่าวว่า, Eco deals ในปีพ.ศ. 2568 “เรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนความพยายามในการปกป้องจุดหมายปลายทางต่าง ๆ และสัตว์ป่าในภูมิภาคเอเชียมากยิ่งขึ้น โดยเรามีเป้าหมายร่วมกับ WWF ในการทำให้คนรุ่นต่อไปสามารถสำรวจโลกได้อย่างเข้าถึงได้ ในขณะเดียวกันก็รักษาความงดงามตามธรรมชาติเอาไว้ โปรแกรม Eco Deals เป็นโครงการสำคัญสำหรับพันธมิตรโรงแรมของเรานับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในปีพ.ศ. 2565 โดยทำให้พวกเขาสามารถร่วมกันอนุรักษ์และดูแลที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าได้อย่างง่ายขึ้น ในปีนี้เราจะตั้งเป้าเพิ่มการรับบริจาคเป็น 1.5 ล้านดอลลาร์และขยายโครงการไปยัง 10 ประเทศ ซึ่งจะสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับโรงแรมอีกด้วย นอกจากนี้การเปิดตัวกองทุน Sustainable Tourism Impact Fund จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (MSMEs) มีส่วนร่วมในอนาคตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกด้วย”
ในการเข้าร่วมโครงการ Eco Deals พันธมิตรโรงแรมสามารถเสนอราคาลดสูงสุดถึง 15% ให้กับลูกค้า พร้อมทั้งได้รับตรา Eco Deals เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และจะได้รับการโปรโมตบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของอโกด้า
ไม่ว่าจะเป็นบนสื่อออนไลน์ โฆษณาแบนเนอร์ อีเมลที่ส่งถึงลูกค้า และการแจ้งเตือนในแอปพลิเคชัน ซึ่งช่วยเสริมสร้างการมองเห็นให้กับโรงแรมอีด้วย นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถค้นหา Eco Deals ได้ผ่านหน้า Landing Page ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะในอโกด้า เพื่อให้การค้นหาบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่เป็นไปอย่างสะดวกและราบรื่น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรมของมาเลเซีย Dato Sri Tiong King Sing กล่าวว่า “เราสนับสนุนทั้งภาคสาธารณะและภาคเอกชนให้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนทั่วอาเซียน ในฐานะที่เป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีการท่องเที่ยวอาเซียนปีพ.ศ. 2568 เรารู้สึกยินดีที่เห็นความร่วมมือระหว่างอโกด้าและ WWF ในการส่งเสริมการเดินทางที่สามารถมอบประโยชน์ให้กับจุดหมายปลายทางต่าง ๆ ได้ ซึ่งสอดคล้องกันอย่างพอดีกับแนวคิด "เอกภาพในการเคลื่อนไหว: กำหนดอนาคตการท่องเที่ยวของอาเซียน" และเข้ากับเป้าหมายของ Visit Malaysia Year 2026 ในการพัฒนาความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในมาเลเซียและอื่น ๆ อีกด้วย”
Vivek Kumar, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ WWF-Singapore กล่าวเสริมว่า “ความหลากหลายทางชีวภาพเป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตบนโลก เชื่อมโยงกับความเป็นอยู่ที่ดีของเรา ตอนนี้เราก้าวเข้าสู่ปีที่สี่ ของกรอบความร่วมมือที่สำคัญระหว่างอโกด้าและ WWF ซึ่งเราได้มีส่วนช่วยในการอนุรักษ์ทั่วภูมิภาคเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการปกป้องประชากรเสือในมาเลเซีย ฟื้นฟูภูมิทัศน์ป่าไม้ที่เสื่อมโทรมในอินโดนีเซีย และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับช้าง รวมถึงการลักลอบล่าสัตว์ในไทย ทั้งนี้ด้วยการขยายขอบเขตไปยังญี่ปุ่นและเกาหลี เรามีโอกาสที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยรายงาน Living Planet Report 2024 ของ WWF เปิดเผยว่าประชากรสัตว์ป่าทั่วโลกลดลงอย่างน่าใจหายถึง 73% ทำให้ความจำเป็นในการดำเนินการมีความเร่งด่วนมากยิ่งขึ้น เราจะร่วมมือกับอโกด้าเพื่อสร้างอนาคตที่ผู้คนและธรรมชาติอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน”
กองทุน Sustainable Tourism Impact Fund สร้างขึ้นมาเพื่อมอบเงินลงทุนให้กับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (MSMEs) ในภาคการท่องเที่ยว โดยครอบคลุมหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและพัฒนาการอนุรักษ์ ช่วยกำหนดอนาคตของการท่องเที่ยวในแนวทางที่ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
กองทุนนี้เปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (MSMEs) สามารถเข้าถึงเงินทุน เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในภาคการท่องเที่ยว โดยสามารถขอกู้ยืมดอกเบี้ยต่ำ ตั้งแต่ 10,000 ถึง 25,000 ดอลลาร์ ซึ่งกองทุนนี้บริหารจัดการโดย UnTours Foundation มีการดำเนินการและคัดกรองใบสมัครอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันอโกด้าจะมีส่วนร่วมในการจัดหาเงินทุน ตัดสินใจลงทุน และให้คำปรึกษา ทั้งนี้ WWF-Singapore จะสนับสนุนในด้านการให้คำแนะนำด้านสิ่งแวดล้อมและตรวจสอบความเหมาะสม ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถส่งใบสมัครได้ผ่านทางหน้าเว็บไซต์ทางการของกองทุนที่ https://untoursfoundation.org/sustainable-tourism-impact-fund
ด้วยความร่วมมือกับเครือข่ายระดับโลกที่ให้บริการที่พักและประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลาย อโกด้ามุ่งมั้นที่จะสร้างอนาคตการเดินทางที่ยั่งยืนมากขึ้น ประกอบกับความร่วมมือกับองค์กรชั้นนำ เช่น WWF และ UnTours Foundation จะช่วยเสริมสร้างความพยายามของอโกด้าในการสร้างการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจสังคม ให้ทุกการเดินทางมีคุณค่าและส่งเสริมการอนุรักษ์ในทุกจุดหมายปลายทาง
ผู้บริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด โดยนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร และนายคณิน ธรรมภิบาลอุดม หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์และการตลาด ร่วมกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล สำนักงานประเทศไทย (WWF ประเทศไทย) จัดกิจกรรมให้ความรู้เรื่องทะเลไทยและแนวทางการอนุรักษ์ ให้แก่สื่อมวลชนและครอบครัว พร้อมเรียนรู้การปลูกปะการังเพื่อพลิกฟื้นความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลแสมสาร ซึ่งกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสู่การเป็นองค์กรที่ยั่งยืนของเอปสัน ตามวิสัยทัศน์ Epson 25 Renewed ณ ค่ายวิทยาศาสตร์ทางทะเลและการอนุรักษ์ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น ประกาศความร่วมมือกับองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF องค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมระดับโลก ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระยะเวลา 3 ปี ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์พื้นที่ป่าไม้ทั่วโลก
ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น และ WWF มีจุดยืนร่วมกันในด้านการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และเคยทำงานร่วมกันในโครงการอนุรักษ์ทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อมีนาคม 2565 ก่อนจะจับมือกันเป็นพันธมิตร เพื่อดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ 3 ประการ ประกอบด้วย 1) จัดการกับรอยเท้านิเวศของเอปสัน 2) สนับสนุนโครง การฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าของ WWF ใน 7 ประเทศทั่ว 4 ภูมิภาค และ 3) สร้างการรับรู้และความเข้าใจต่อประเด็นสิ่งแวดล้อม
เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว เอปสันจะทำการสนับสนุนเงิน 240 ล้านเยน หรือประมาณ 59 ล้านบาท ในระยะ เวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่มีนาคม 2566 สำหรับใช้ในโครงการด้านป่าไม้ของ WWF โดยตลอดระยะเวลาความร่วมมือ
เอปสันในฐานะองค์กรสมาชิกในโครงการ Forests Forward ของ WWF จะร่วมสนับสนุนกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ป่าไม้และฟื้นฟูธรรมชาติในผืนป่าที่เสียหายจากการถูกตัดไม้ในพื้นที่ต่างๆ ที่ WWF เข้าดำเนินงาน และจะช่วยปรับปรุงด้านความยั่งยืนในห่วงโซอุปทานให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือนี้ยังจะมุ่งสร้างโลกที่มีธรรมชาติที่ดีขึ้นกว่าเดิม (nature-positive) ผ่านการผลักดันการใช้ทรัพยากรป่าไม้ (กระดาษ) ในภาคธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ รวมถึงการอนุรักษ์ระบบนิเวศน้ำสะอาดและกิจกรรมที่จะนำไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนซึ่งจะมีตามมาในอนาคต
นายยาสึโนริ โอกาว่า ประธานบริษัท ไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เอปสันรู้สึกยินดีที่ได้ลงนามในข้อ ตกลงความร่วมมือกับ WWF โลกกำลังเผชิญกับความหายนะทางสิ่งแวดล้อม จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่เราจะต้องลงมือทันที เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของโลกใบนี้เอาไว้ก่อนที่มันจะสายเกินไป การร่วมเป็นพันธมิตรครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอปสันในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ลดปริมาณของเสีย และทำให้แน่ใจว่าการใช้ทรัพยากรธรรมชาตินั้นเป็นไปอย่างยั่งยืน ด้วยเป้าหมายที่จะสร้างอนาคตที่ผู้คนสามารถใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน องค์กร WWF จึงเหมาะสมที่สุดสำหรับเอปสัน”
ในปี 2564 เอปสันได้ประกาศวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยตั้งเป้าที่จะก้าวไปเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เป็นลบรวมถึงไม่มีการใช้ทรัพยากรใต้ดินให้ได้ภายในปี 2593 และเพื่อทำให้เป้าหมายนี้เป็นจริงขึ้นมาได้ บริษัทฯ ได้ริเริ่มกระบวนการใหม่ๆ ที่รวมถึงการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ การใช้ทรัพยากรแบบวงปิด การสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อม เอปสันตระหนักดีว่าการมีส่วนร่วมของชุมชนมีความจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน เช่นเดียวกับความร่วมมือจากพันธมิตรที่มีแนวคิดเดียวกัน อย่าง WWF ที่จะร่วมกันสร้างความตระหนักรู้และดำเนินการอย่างกล้าหาญ เพื่อแก้ ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญอยู่
นายโตอาบิ ซาดาโยสิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WWF ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “WWF มีความยินดีที่ได้ร่วม มือกับเอปสัน เพื่ออนาคตของป่าไม้ และไม่ใช่แค่เพียงความมุ่งมั่นของบริษัทเพียงบริษัทเดียว แต่นี่ยังสะท้อนให้เห็นถึงย่างก้าวที่สำคัญของความพยายามอย่างเร่งรีบจากภาคเอกชน เพื่อป้องกันความเสื่อมโทรมของธรรมชาติ โดย เฉพาะป่าไม้ที่เราทุกคนต้องพึ่งพา”
การคุ้มครองและการจัดการต่อระบบนิเวศในผืนป่าด้วยความรับผิดชอบเป็นวาระสำคัญในการประชุมระดับโลกเมื่อเร็วๆ นี้ อย่าง การประชุม UN COP27 ว่าด้วยเรื่องสภาพภูมิอากาศ และ UN COP15 ว่าด้วยเรื่องความหลาก หลายทางชีวภาพ แสดงให้เห็นว่าประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องวิกฤตที่ทุกองค์กรจะต้องช่วยกันขับเคลื่อน ด้วยการให้คำมั่นที่แน่วแน่และสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน เพราะนี่คือสิ่งจำเป็นต่อการฟื้นคืนความสูญเสียของความหลากหลายทางชีวภาพ และการสร้างสังคมที่มีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ด้วยการเป็นพันธมิตรและการมีส่วนร่วมในโครงการ Forests Forward เอปสัน และ WWF จะมุ่งมั่นรักษาผืนป่าที่ถูกคุกคาม ทั้งภายในและนอกเหนือประเทศที่เอปสันมีห่วงโซ่อุปทานไปถึง ผ่านการบริหารจัดการป่าไม้และฟื้นฟูธรรมชาติให้ดียิ่งขึ้น
ด้านนายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เอปสันและ WWF ได้มีการร่วมงานกันตั้งแต่ปี 2565 ในโครงการอนุรักษ์ทางทะเล เพื่อฟื้นฟูความสมบูรณ์ของระบบนิเวศทางทะเลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มจากการฟื้นฟูปะการังที่สิงคโปร์ ก่อนจะขยายไปยังอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย รวมถึงการฟื้นฟูป่าชายเลนในฟิลิปปินส์ โดยให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง และพันธมิตรทางด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้าและสื่อมวลชน สำหรับประเทศไทย เอปสันจะยังสานต่อกิจกรรมอนุรักษ์ทางทะเล ทั้งยังขยายขอบเขตการทำงานร่วมกับ WWF ประเทศไทยในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าไม้ เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพทั้งบนบกและใต้น้ำ”
พฤกษาตอกย้ำจุดยืนด้านความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม (Heart to Earth) เล็งเห็นปัญหาภาวะโลกร้อนที่กำลังส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติทั่วโลก